บทที่ 90 ราชันร้อยสัตว์พิษ (2)
Ink Stone_Romance
นางเดินไปหาน้ำร้อนจากห้องครัว เทลงในชาม ดื่มเข้าไปเล็กน้อย เมื่อดื่มเข้าไป นางก็พลันรู้สึกว่าความเจ็บปวดแล่นปราดไปทั่วร่าง
“ที่แท้…เจ้าก็เป็นสตรีพิษ…”
ทั้งยังเป็นสตรีพิษที่เก่งกว่านางอีก!
“สวรรค์ช่วยข้าไว้แท้ๆ ขอเพียงข้าได้ราชันสัตว์พิษของเจ้า ข้าก็ไม่ต้องการหนอนไหมทองแล้ว!”
ดวงตาของนางเป็นประกายขึ้นทันที ตื่นเต้นยิ่งกว่าครั้นพบหนอนไหมทองครั้งแรกอีก นางปาดเลือดที่ไหลจากมุมปาก ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย แล้วลุกขึ้นยืน
ในตอนที่ได้รับหนอนไหมทองมาใหม่ นางได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์ จึงรอดชีวิตมาได้ ครั้งนี้เผชิญกับราชันสัตว์พิษที่แข็งแกร่ง ย่อมต้องรอบคอบ โชคดีที่วิชาที่ร่ำเรียนมาหลายปีนี้มิได้เสียเปล่า นางมั่นใจว่าจะนำราชันสัตว์พิษมาครอบครองให้ได้!
หนอนพิษไม่ชอบโลหะ เหล้า และใบอ้ายเยี่ย ของเหล่านี้สามารถนำมาใช้ควบคุมมันได้ แน่นอนว่าต้องล่อมันออกมา สตรีผู้นั้นมีเลือดพลังหยินเข้มข้น หนอนพิษย่อมกระหายเลือดมากที่สุด นางกลัวว่าเลือดของตนจะล่อมันออกมาไม่ได้ แต่อย่าลืมว่านางมีหนอนไหมทองอยู่หนึ่งตัว สำหรับราชันสัตว์พิษแล้ว นับเป็นสิ่งดึงดูดที่หาได้ยากยิ่ง
นางจะใช้หนอนไหมทองล่อราชันสัตว์พิษออกมาก่อน จากนั้นก็จับราชันสัตว์พิษก่อนที่มันจะกินหนอนไหมทอง!
แผนของนางเป็นเช่นนี้ และนางก็ลงมือทำจริงๆ
นางทำของที่ต้องการไปยังบ้านข้างๆ
หลายวันมานี้อวี๋หวั่นให้เด็กน้อยทั้งสามอยู่ที่บ้านของเยี่ยนจิ่วเฉา อวี๋หวั่นจึงนอนอยู่คนเดียวบนเตียงที่เก่าคร่ำคร่า
สตรีพิษหยิบผ้าออกมา ปิดจมูกอวี๋หวั่น นางให้ยานอนหลับขนานอ่อนแก่อวี๋หวั่น เพื่อให้แน่ใจว่าอวี๋หวั่นจะไม่ตื่นมาเสียก่อน หลังจากเก็บผ้าไปแล้วนางก็เค้นหนอนพิษในร่างออกมา
นางปล่อยให้หนอนไหมปล่อยกลิ่นออกมา ระยะห่างเท่านี้ย่อมเพียงพอให้อีกฝ่ายตอบสนองได้
สตรีพิษสวมถุงมือเงิน แล้วหยิบถุงตาข่ายเงินออกมาเพื่อเตรียมจับราชันหนอนพิษ
นางรู้สึกประหนึ่งหัวใจขึ้นมาอยู่ที่คอหอย
นางก็วิตกอยู่นาน แต่ราชันสัตว์พิษของอีกฝ่ายกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใด!
เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?
หรือนางผิดพลาดไป? สตรีชาวบ้านผู้นี้แท้จริงแล้วไม่มีราชันสัตว์พิษแต่อย่างใด?
เป็นไปไม่ได้ สตรีผู้นั้นเป็นสตรีพิษ สัมผัสของนางไม่ผิดเพี้ยนแน่
เพียงแต่เพราะเหตุใดมันถึงไม่ออกมากินหนอนไหมทองนางกัน? หนอนพิษนั้นโหดร้ายโดยธรรมชาติ ยิ่งพบกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง มันก็ยิ่งปรารถนาที่จะกลืนกิน หนอนไหมทองของนางเป็นหนึ่งในราชันสัตว์พิษ ย่อมต้องดึงดูดสัตว์พิษอีกตัวหนึ่ง เหตุใดจึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลยเล่า? หรือว่าที่จริงแล้วมันไม่ได้เก่งกาจกว่าหนอนไหมทองของนาง เพราะฉะนั้นจึงไม่กล้าออกมา? หรือไม่ก็เป็นเพราะมันกำลังหลับใหล จึงไม่ได้กลิ่นของหนอนไหมทอง?
นางลองอีกหลายครั้ง ในตอนที่นางกำลังจะยอมแพ้นั้นเอง ในที่สุดก็มีปฏิกิริยาตอบสนอง
แสงสว่างวาบปรากฏขึ้นตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ นางไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น รู้สึกเพียงว่ามือของนางเบาหวิว
วินาทีต่อมา นางก็เห็นหนอนไหมทองของตนถูกทุ่มลงบนพื้นอย่างรุนแรง เท้าเล็กของหนอนเหยียบลงบนหนอนไหมทองของนางอย่างบ้าคลั่งจนหัวของมันระเบิดออก!
จู่ๆ ในสมองของสตรีพิษก็ปรากฏประโยคหนึ่งขึ้นมา ‘เวรแล้ว! อาจารย์ต้องโมโหเป็นแน่’
ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว เมื่อนางตั้งสติได้ แสงนั้นก็สว่างวาบและกลับเข้าร่างของอวี๋หวั่นไปแล้ว แต่หนอนไหมทองของนางหัวระเบิด กลายเป็นเพียงก้อนเนื้อเละๆ
นางเดินร้องไห้กลับห้องไป
นี่เป็นหนอนไหมพิษที่นางเลี้ยงมานับแรมปี บัดนี้ไม่มีแล้ว นางเศร้าใจเหลือเกิน!
วันรุ่งขึ้น ปรมาจารย์ตื่นแต่เช้าตรู่ เขาไปหาของกินในห้องครัวรอบหนึ่ง กินเสียจนพุงกาง แล้วจึงเดินไปปลุกลูกศิษย์หญิง
ที่จริงแล้ว นางยังไม่ได้นอน เมื่อนึกถึงหนอนไหมทองที่ถูกฆ่าไปโดยเสียเปล่า แล้วก็รู้สึกปวดใจเหลือเกิน
แต่นางไม่กล้าบอกอาจารย์ว่านางทำเรื่องนี้ไปโดยพลการ ตนค้นพบหนอนพิษที่แข็งแกร่ง แต่ไม่มอบให้อาจารย์ก่อน กลับปรารถนาจะเก็บไว้กับตัว เรื่องนี้ขัดต่อกฎของพวกเขา หากอาจารย์ล่วงรู้เข้า ย่อมต้องไม่ให้อภัยนางง่ายๆ เป็นแน่
“ตายแล้วเจ้าค่ะ” นางพูดเสียงเบา
อาจารย์ตกตะลึงไปทันที “ตายแล้ว? ตายได้อย่างไรกัน?”
นางโป้ปดว่า “ข้าก็ไม่รู้ ตอนกลางดึกอยู่ๆ ข้าก็รู้สึกทรมาน เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า หนอนไหมทองก็ตายเสียแล้ว”
“มีเรื่องประหลาดพรรค์นี้ด้วยหรือ…” อาจารย์ขมวดคิ้ว แต่เขาก็มิได้สงสัยในคำพูดของลูกศิษย์ อย่างไรเสียตั้งแต่มาที่หมู่บ้านนี้ก็มีเรื่องชวนพิศวงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ราชันสัตว์พิษหนีไป หนอนไหมทองตายอีกตัวหนึ่งก็มิใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้
เพียงแต่ว่า…นั่นเป็นหนอนไหมทองอย่างไรเล่า ใครจะไปฆ่ามันได้ง่ายๆ?
“หรือว่าปรมาจารย์อีกคนหนึ่งลงมือ?”
นอกจากเรื่องนี้แล้ว เขาก็นึกถึงเหตุผลอื่นไม่ได้อีก ราชันสัตว์พิษที่แข็งแกร่งกว่านี้ไม่มีทางปรากฏตัวที่นี่และสังหารหนอนไหมทอง เช่นนั้นจะต้องเป็นราชันสัตว์พิษที่แข็งแกร่งเพียงใดเล่า? ราชันหมื่นสัตว์พิษหรือ?
ชิ!
ปรมาจารย์ส่ายหัว
เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
เพราะฉะนั้นต้องเป็นปรมาจารย์คนนั้น
“สังหารหนอนไหมทองได้ พลังต้องไม่เป็นรองข้าอย่างแน่นอน ไม่จำเป็นต้องสู้กันให้บาดเจ็บทั้งสองฝ่าย” ยิ่งไปกว่านั้นก็คือไม่อาจให้คนสกุลเซียวรู้ว่าที่นี่มีปรมาจารย์วิชาพิษอีกหนึ่งคน หากเซียวเจิ้นถิงไปเจรจากับเขา แล้วเขาเรียกราคาถูกกว่า เช่นนั้นเงินหนึ่งแสนตำลึงทองของเขาก็คงต้องลอยหลุดมือไปอย่างแน่นอน
ปรมาจารย์ลูบศีรษะที่ผมดกดำ…เอ่อ ไม่ค่อยมีผม หรี่ตาพร้อมกับกล่าวว่า “ต้องรีบแก้ปัญหา ดูท่าตอนนี้จะเหลือเพียงวิธีเดียวแล้ว!”
……
“ว่าอย่างไรนะ? จะให้ลูกข้ากับลูกศิษย์ท่าน…” เยี่ยนจิ่วเฉานอนอยู่บนเตียง ซั่งกวนเยี่ยนมองไปยังปรมาจารย์อย่างไม่อยากเชื่อ ต่อให้นางเป็นคนไร้ยางอายยิ่งกว่านี้ ก็ไม่อาจพูดอะไรได้
ปรมาจารย์วิชาพิษกระแอม มองนาง แล้วมองไปยังเซียวเจิ้นถิงซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง แล้วกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เรื่องนี้ข้าคิดมาอย่างหนักกว่าจะตัดสินใจได้ คำสาปของลูกเจ้ายากเกินแก้ไข ลำพังหนอนพิษคงไม่เพียงพอ ต้องใช้ร่างกายของลูกศิษย์ข้าดูดพิษในร่างเขาออกมา เจ้าคิดว่าข้าอยากให้ทำเช่นนี้รึ? ลูกศิษย์ข้าก็ต้องเสียสละเป็นอย่างมากเหมือนกัน! ลูกศิษย์ข้ารับคำสาปไป ไม่รู้ว่าต้องเสียหนอนพิษไปกี่ตัวถึงจะรักษานางให้หาย!”
คำพูดของปรมาจารย์วิชาพิษนั้นไม่อาจทำให้ซั่งกวนเยี่ยนปักใจเชื่อทั้งหมด การปรับสมดุลหยินหยางเป็นวิธีที่ดีก็จริง แต่ในตอนแรกไม่ได้ใช้ก็เพราะยังไม่อับจนหนทาง เขาเองก็ไม่อยากให้ศิษย์หญิงต้องเสียสละความบริสุทธ์ของตน
ทว่าบัดนี้ไม่ได้อับจนหนทางแล้วหรอกหรือ?
ไม่อาจบอกพวกเขาได้ว่าราชันสัตว์พิษตายไปแล้ว ไม่มีวิธีดูดพิษให้เยี่ยนจิ่วเฉาอีกแล้ว!
ซั่งกวนเยี่ยนมิได้รังเกียจที่บุตรชายจะมีสัมพันธ์สวาทกับสตรีอีกคนหนึ่ง เพียงแต่ว่าบุตรชายของนางยังไม่ได้สติ จะไปทำได้อย่างไร?
“เรื่องนี้ข้าจัดการเอง!” สายตาของปรมาจารย์ไปหยุดอยู่ที่ท่อนล่างของเยี่ยนจิ่วเฉา “ข้ามีวิธีให้เขาทำได้!”
ซั่งกวนเยี่ยนรู้ดีว่าลูกชายของนางจะต้องไม่ยินดีกับเรื่องพรรค์นี้เป็นแน่ แต่ในฐานะแม่ นางก็ไม่อาจละทิ้งโอกาสที่จะช่วยชีวิตเขา ถึงแม้เมื่อเขาฟื้นขึ้นมาแล้วจะกล่าวโทษนาง โกรธนาง หรือหมางเมินนางก็ตาม
ขอเพียงเขาฟื้นขึ้นมา ต่อให้นางตายไปก็ไม่เสียดาย
“เช่นนั้น…ฝากท่านด้วย” ซั่งกวนเยี่ยนค้อมกาย
ปรมาจารย์ตระเตรียมยา ซั่งกวนเยี่ยนออกไปจากห้อง ทันทีที่เดินออกไป ก็พบกับอวี๋หวั่นซึ่งกำลังเดินถือเกี๊ยวมา
อวี๋หวั่นยังคงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าปกติ แต่น้ำแกงในชามเกี๊ยวหกลงบนพื้น
ซั่งกวนเยี่ยนหายใจเข้าลึกๆ “เจ้าได้ยินแล้วหรือ?”
“เจ้าค่ะ ได้ยินแล้ว” อวี๋หวั่นพูดเสียงค่อย
ซั่งกวนเยี่ยนถอนหายใจ “เช่นนั้นเจ้าก็คงรู้สึกไม่สบายใจ”
อวี๋หวั่นไม่ตอบ
ซั่งกวนเยี่ยนพูดต่อ “ข้าเข้าใจว่าเจ้าไม่สบายใจ แต่เรื่องนี้ช่วยไม่ได้ ข้าหวังว่าเจ้าคงไม่ออกห่างจากฉงเอ๋อร์ด้วยเหตุผลนี้”
อวี๋หวั่นชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง “มีเพียง…วิธีนี้หรือเจ้าคะ?”
ซั่งกวนเยี่ยนพยักหน้า “ใช่ มีเพียงวิธีนี้”
“ข้าเข้าใจแล้ว” อวี๋หวั่นวางเกี๊ยวไว้บนโต๊ะ แล้วเดินออกไปโดยไม่พูดไม่จา
……………………………………