หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 9 พี่จิ่วมาแล้ว

บทที่ 9 พี่จิ่วมาแล้ว
โดย
Ink Stone_Romance

ทหารองครักษ์ของจวนสกุลเหยียนวิ่งเข้ามาล้อมอวี๋หวั่นกับเด็กๆ กลุ่มทหารมีเจ็ดหรือแปดคน พวกเขารูปร่างสูงใหญ่กว่าทหารองครักษ์ของจวนอื่นทั่วไป ตรอกที่เดิมทีไม่ได้กว้างขวางอยู่แล้ว ก็ถูกปิดกั้นในทันใด
แขกที่มากินแกงเนื้อแพะต่างพากันหวาดกลัวและวิ่งหนีกระจัดกระจาย คู่สามีภรรยาแก่และหนุ่มสาวไม่อาจทิ้งแผงลอยและเนื้อแพะที่ยังขายไม่เสร็จไปได้ จึงทำได้เพียงยืนตัวสั่นอยู่ตรงนั้น
อวี๋หวั่นปกป้องเด็กๆ ทั้งสามคนไว้ข้างหลัง นางเหยียนหรูอวี้เสียสติไปแล้วจริงๆ เด็กอยู่กันที่นี่นางก็ยังจะสู้ เด็กตัวเล็กเท่านี้ นางก็ยังไม่หวั่นเกรงจะทำให้พวกเขาหวาดกลัว!
เหล่าทหารองครักษ์กลัวโดนเด็กๆ ไม่กล้าทำร้ายคุณชายน้อย ส่งสายตาแลกเปลี่ยนกันไปมา จากนั้นพวกเขาก็ตัดสินใจแยกอวี๋หวั่นออกจากคุณชายน้อย แล้วจึงค่อยสั่งสอนสตรีผู้นี้อย่างโหดเหี้ยม
ความคิดของอวี๋หวั่นก็ไม่ได้แตกต่างจากพวกเขา ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็ไม่ควรทำร้ายเด็กโดยไม่ตั้งใจ
ไม่รู้เพราะพวกเขาได้ยินความคิดของอวี๋หวั่นที่ต้องการ ‘ปล่อยพวกเขาไป’ หรือไม่ เด็กน้อยทั้งสามเกาะตัวอวี๋หวั่นแน่นไม่ยอมปล่อย!
เหยียนหรูอวี้ใกล้หมดความอดทน “ยังไม่รีบลงมืออีก!”
องครักษ์เดินเข้าไปหาเด็กน้อยกับอวี๋หวั่น พลันเหยียดแขนอันทรงพลังออกไป และกำลังจะสัมผัสตัวพวกเขา ทันใดนั้นร่างสีฟ้าเทาก็บินขึ้นมา เหาะสูงขึ้นไปในอากาศ และเตะเหล่าทหารองครักษ์ที่ล้อมรอบพวกเขาล้มกลิ้งลงกับพื้น!
ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีเท่านั้น ก่อนที่เหยียนหรูอวี้จะเห็นว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ทหารองครักษ์ที่ส่งออกไปก็ล้มระเนระนาดอยู่ในตรอกแห่งนั้น และหมดสติไปไม่เหลือใครสักคน
เมื่อแขกที่ตกใจวิ่งหนีไปเห็นเหตุการณ์กลับตาลปัตร ก็แอบย่องออกมาเงียบๆ แน่นอนพวกเขาไม่กล้าเข้าไปใกล้นัก เพียงแต่ก้มแอบอยู่อีกฟากนึงของตรอกและชะเง้อหัวมองมาเท่านั้น
พวกเขาไม่รู้จักอวี๋หวั่นหรือเหยียนหรูอวี้ ทว่าพวกเขาได้ยินเหยียนหรูอวี้อ้างว่าตนเป็นมารดาของแฝดทั้งสาม ช่างน่าประหลาดยิ่งนัก ไม่ว่าจะมองอย่างไรพวกเขาก็คิดว่าสตรีผู้นั้นเหมือนมารดาของเด็กแฝดมากกว่า ท่าทางที่ปกป้องเด็กอย่างถึงที่สุดของนางไม่เหมือนกับคนที่แกล้งทำ
“ไม่ใช่ว่าเป็นแม่ใหญ่กระมัง?”
ผู้คนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านคาดเดาเรื่องราวในหัวไปต่างๆ นานา สาวใช้ตกยากตั้งครรภ์กับนายท่านและได้ให้กำเนิดบุตรสามคนในเดือนสิบ ทว่าภรรยาหลวงกลับจะเอาตัวเด็กไป สาวใช้ไม่ยินยอมจึงพาบุตรของนางหนี ภรรยาหลวงจึงตามจับตัวกลับไป…
อวี๋หวั่นไม่รู้ว่าตนได้กลายเป็นสาวใช้ตกยากที่ ‘หอบบุตรชายหนี’ ในความคิดของทุกคนไปเสียแล้ว เธอจำได้ว่าคนผู้นั้นคืออิ่งสือซัน เธอเคยได้เห็นความเก่งกาจของอิ่งสือซันมาก่อน ทหารองครักษ์ที่เหยียนหรูอวี้ส่งมาไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของอิ่งสือซันได้แม้แต่น้อย
อวี๋หวั่นถอนใจเบาๆ ด้วยความโล่งอกพลันอ้าแขนที่ปิดตาเด็กๆ ออก
เหยียนหรูอวี้ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร นางได้พบกับเยี่ยนจิ่วเฉาโดยบังเอิญหนึ่งครั้งที่หอหยกขาว ในครั้งนั้นข้างกายเยี่ยนจิ่วเฉาก็มีเพียงลุงวั่น
เหยียนหรูอวี้ถามอย่างเย็นชา “เจ้าเป็นใคร กล้ามาวุ่นวานกับคนของจวนแม่ทัพ!”
“คนของข้าเอง มีอันใดรึ?”
เสียงใสชัดและเยียบเย็นแฝงด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งดังมาจากอีกด้านหนึ่งของตรอกอย่างช้าๆ บุรุษผู้หนึ่งก้าวลงจากรถม้า สวมเสื้อคลุมสีเงินตัวยาว ใบหน้างดงามดั่งหยกสลักที่ประดับอยู่บนมงกุฎ ดวงตาสดใสเป็นประกายดั่งดวงดาว วางท่าโอหังยิ่งใหญ่ไม่มีผู้ใดเทียบเทียม
เขาเกิดมาหน้าตางดงามเกินกว่าผู้ใดจะละสายตาได้
แม้มองเพียงแวบเดียวก็รู้ได้ไม่ยากว่านั่นคือใบหน้าแม่พิมพ์ของเด็กแฝดทั้งสาม
ทุกคน ‘นายท่านที่นอนกับสาวใช้?!’
เหตุใดจึงไม่ใช่ชายอ้วนที่แต่งตัวบ้านๆ เล่า…
อิ่งสือซันเดินไปขวางกั้นสายตาของผู้คน
เหยียนหรูอวี้จ้องมองเยี่ยนจิ่วเฉาอย่างเหม่อลอย บุรุษรูปงามที่หาตัวจับยากผู้นี้ชื่อเสียงโด่งดังจนสตรีมากมายนับไม่ถ้วนอยากจะแต่งงานกับเขา ทว่าน่าเสียดายที่สตรีเหล่านั้นต้องผิดหวัง เพราะบุรุษผู้นี้เป็นของนาง
เหยียนหรูอวี้รวบรวมสติ พลันก้มหน้าลงแสดงให้เห็นความเจ็บปวดและอ่อนแอ “อวี้เอ๋อร์คารวะคุณชาย”
น้ำเสียงหวานหยาดเยิ้มของ ‘อวี้เอ๋อร์’ ทำให้อวี๋หวั่นขนลุกไปทั้งตัว
เยี่ยนจิ่วเฉารับการทักทายอย่างเฉยเมยและมองไปที่อวี๋หวั่นที่มีสีหน้าไม่สู้ดี
เหยียนหรูอวี้มองตามสายตาของเขา พลันรู้สึกเบิกบานใจ ทว่าภายนอกกลับตีหน้าเศร้าตำหนิตนเอง “ข้าไม่รู้ว่าคนผู้นั้นเป็นองครักษ์ของคุณชาย อวี้เอ๋อร์ล่วงเกินแล้ว ทว่าท่านองค์รักษ์อาจกำลังเข้าใจผิด สตรี…”
นางต้องการกล่าวว่าสตรีผู้นั้น แต่ทันใดนั้นนางก็นึกขึ้นได้ว่าอวี๋หวั่นเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตเด็กทั้งสาม เยี่ยนจิ่วเฉาก็เคยพบนางที่หอหยกขาวมาก่อน
เหยียนหรูอวี้เปลี่ยนคำพูด “ข้าไม่กล้าปกปิดคุณชาย เมื่อวานนี้เด็กๆ หายตัวไป ข้าออกตามหาทั้งคืน ในที่สุดก็มาพบพวกเขาที่นี่ ข้าไม่คิดเลยว่าคนที่ลักพาตัวเด็กๆ ไปจะเป็นแม่นางอวี๋”
ลักพาตัว? ไม่ใช่แยกตัวมาหรือ? อวี๋หวั่นมองเหยียนหรูอวี้ ท่าทีของนางไม่เหมือนคนที่กำลังเสแสร้ง หรือว่า…
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวว่า “เจ้าหมายความว่านางลักพาตัวบุตรชายของคุณชายผู้นี้ไปหรือ?”
เมื่อเหยียนหรูอวี้ได้ยินน้ำเสียงที่อันตรายนั้น ก็รู้ทันทีว่าอวี๋หวั่นกำลังจะโชคไม่ดี นางเก็บกลั้นความดีใจไว้และกล่าวต่อเบาๆ “ใช่เจ้าค่ะ อวี้เอ๋อร์ไม่เข้าใจว่าเหตุใดแม่นางอวี๋ถึงทำเช่นนี้ เห็นว่านางเคยช่วยเด็กๆ ไว้ จึงคิดว่านางเป็นคนดี คาดไม่ถึงว่า…หรือว่าครั้งก่อนที่นางเข้าหาเด็กๆ เพราะมีจุดประสงค์อื่น?”
“จุดประสงค์อื่น?” เยี่ยนจิ่วเฉาเหล่มองด้วยสายตาอันตราย
สายตานั้นทำให้หัวใจของอวี๋หวั่นสั่นไหว รู้สึกถึงลางร้ายอย่างอธิบายไม่ถูก
เหยียนหรูอวี้กล่าวใส่ไฟด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น “นางไม่เพียงแต่ลักพาตัวเด็กไปเท่านั้น นางยังทำให้ท่านแม่ของข้าบาดเจ็บอีกด้วย ท่านแม่ของข้านอนสลบไม่รู้สึกตัวตลอดทั้งคืน…”
เยี่ยนจิ่วเฉามองอวี๋หวั่นและเอ่ยประชดประชัน “อดทนได้ดี เยี่ยมมาก เยี่ยมมาก!”
น้ำเสียงกัดฟันพูดของเขาทำให้หัวใจของเหยียนหรูอวี้แทบโบยบิน นางคิดว่าสตรีบ้านนอกจะถูกคุณชายเยี่ยนขุ่นเคือง และเกรงว่านางคงไม่รอดพ้นคืนนี้เป็นแน่!
เยี่ยนจิ่วเฉามองอวี๋หวั่นด้วยสายตาลึกซึ้ง และหันหลังเดินไปที่รถม้า “อิ่งสือซัน ไปจับตัวมาให้ข้า!”
กล่าวจบ เยี่ยนจิ่วเฉาก็เดินเข้าไปในรถม้าโดยไม่หันกลับมามอง
เหยียนหรูอวี้ตั้งใจจะตามไป ทว่าอิ่งสือซันก็ขวางไว้ “คุณหนูเหยียน โปรดกลับไปเถิด”
เหยียนหรูอวี้อยากเห็นชะตากรรมของอวี๋หวั่นด้วยตาตนเอง ทว่าอารมณ์รุนแรงของคุณชายเยี่ยนหาใช่สิ่งที่ทุกคนอยากเห็น เหยียนหรูอวี้พยักหน้าเบาๆ และหันไปอุ้มเด็กทั้งสาม แต่เด็กทั้งสามกลับเดินตามอิ่งสือซันไปนั่งบนตักของบิดาทีละคน!
ผู้ที่กล้าแย่งบุตรจากตักของคุณชายเยี่ยน คงมีแต่ผู้ที่ไม่ต้องการมีชีวิตต่ออีกแล้ว!
เหยียนหรูอวี้สูดหายใจและฝืนยิ้มที่เหยเก ก่อนจะจากไปอย่างไม่เต็มใจ
หลังจากที่เยี่ยนจิ่วเฉาขึ้นรถม้า เขาก็อุ้มเด็กๆ ลงแล้วปล่อยให้อิ่งลิ่วเอาออกไป
อวี๋หวั่นก็ถูกพาตัวขึ้นมาเช่นกัน
หลังจากนั้นอิ่งสือซันก็ถอยห่างออกไปสิบจั้งในทันที ด้วยความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอด!
อวี๋หวั่นที่ยังไม่เข้าใจความจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงไม่อาจเอ่ยสิ่งใด เธอไม่คิดว่ามารดาของเธอจะกล้าลักพาตัวเด็กตอนกลางวันแสกๆ พวกเขาเป็นเลือดเนื้อของเยี่ยนจิ่วเฉา บุรุษที่น่ารำคาญที่สุดในเมืองหลวง!
เหตุใดท่านแม่ถึงทำเช่นนี้? อวี๋หวั่นไม่มีเวลาคิดหาคำตอบนั้นอีกแล้ว ตอนนี้คิดหาว่าวิธีสงบอารมณ์ของเยี่ยนจิ่วเฉาสำคัญที่สุด
ก่อนอื่นต้องแกล้งทำดีด้วยสินะ?
อวี๋หวั่นก้มหัวลงเลียนแบบท่าทางออดอ้อนของเหยียนหรูอวี้ พลันยื่นมือออกไปดึงแขนเสื้อของเยี่ยนจิ่วเฉาเบาๆ
แต่ไม่ทันระวัง ดึง…ดึงจนขาด
อวี๋หวั่น “…”
เยี่ยนจิ่วเฉา “…”
เยี่ยนจิ่วเฉากัดฟันพูด “เจ้ายังโกรธข้าอยู่รึ?”
…ไม่ ข้าไม่ได้
อวี๋หวั่นถอนมือกลับเงียบๆ ท่าทีราวกับเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิด
“กล้ามาก กล้าถึงขนาดลักพาตัวบุตรชายของคุณชายผู้นี้แล้วรึ?” เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยถามน้ำเสียงเยียบเย็นและน่ากลัว
“ไม่กล้า” อวี๋หวั่นกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ย “อ้อ ปากบอกว่าไม่กล้า ทว่าร่างกายกลับซื่อสัตย์มาก หรือว่าบุตรชายของข้าวิ่งไปที่บ้านเจ้าด้วยตัวเอง?”
อวี๋หวั่นรู้สึกขมขื่นเอ่ยสิ่งใดไม่ออก
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวอีกครั้ง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าฮูหยินเหยียนคือใคร?”
อวี๋หวั่นตอบอย่างเชื่อฟัง “มารดาผู้ให้กำเนิดเหยียนหรูอวี้”
เยี่ยนจิ่วเฉาเลิกคิ้วอย่างเย็นชา “รู้แล้วยังทำอีกหรือ? ตั้งใจหรือ? หากไม่ใช่คุณชายผู้นี้มาทันเวลา เจ้าก็คงตีเหยียนหรูอวี้ด้วยใช่หรือไม่?”
อวี๋หวั่นไม่อาจต่อต้านได้ แม้ว่าเธออยากจะตีเหยียนหรูอวี้จริงๆ ก็ตาม
เยี่ยนจิ่วเฉาเหลือบมองเธอและเอ่ยว่า “หายากยิ่งนักที่จะมีสตรีอยู่ข้างกายคุณชายผู้นี้!”
น้ำเสียงหลงตัวเองเช่นนี้มันอะไรกัน!
อวี๋หวั่นกะพริบตาด้วยความงงงวย สองสามประโยคแรกเข้าใจได้ ทว่าประโยคสุดท้ายหมายความว่าอย่างไร?
เยี่ยนจิ่วเฉาสูดหายใจและกล่าวว่า “ข้าไม่อยู่เพียงสองสามวัน เจ้าก็ทนไม่ได้เช่นนี้…เจ้าเด็กขี้อิจฉา!”
อวี๋หวั่น “?!”
ไม่ว่าจะพูดแก้ต่างอย่างไรก็คงฟังไม่ขึ้นแล้ว
อวี๋หวั่นที่คิดบางอย่างขึ้นได้ ก็ชี้ไปที่เป่าจือถังที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “วันนี้ข้าพาลุงใหญ่มารักษาขาในเมืองหลวง”
ข้าไม่ได้มาหาท่านแน่นอน!
เยี่ยนจิ่วเฉาเหล่ตา “ร้านขายยาที่อยู่ใกล้กับจวนคุณชายมากที่สุดรึ?”
หา?
อวี๋หวั่นเงยหน้าขึ้นอย่างว่างเปล่า
ปลายนิ้วเรียวหยกของเยี่ยนจิ่วเฉาชี้ไปที่โต๊ะพลางจ้องเธอครู่หนึ่ง “ข้ามตรอกขายแกงเนื้อแพะเมื่อครู่ไป ก็คือกำแพงของจวนคุณชาย เจ้ายังกล้ากล่าวว่าไม่รู้อีกหรือ?”
ข้าไม่รู้เลยจริงๆ!
………………………

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset