หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 157.2 ราชครูผู้โชคร้าย (2)

อย่างแรกชิงเหยียนไปที่บ้านสกุลอวี๋ อวี๋เซ่าชิงไปเหมืองแล้ว นางเจียงก็ไปนั่งคุยเล่นที่บ้านเรือนหลังอื่น ส่วนเถี่ยตั้นน้อยฝึกคัดอักษรอยู่ในห้อง มันคือการบ้านที่ชายชราสั่งไว้ เมื่อคืนเถี่ยตั้นน้อยยังไม่ได้ทำ เมื่อทำเสร็จแล้วก็ต้องไปเข้าเรียน
ราชครูมาที่บ้านหลังใหม่สกุลติง “ขอถามหน่อย ที่นี่ใช่บ้านสกุลอวี๋หรือไม่?”
เมื่อได้ยินเสียง เถี่ยตั้นน้อยก็วางพู่กันและเดินออกไป “ใช่แล้ว! นี่คือบ้านของข้า! ท่านเป็นใครหรือ?”
ราชครูรู้มาก่อนแล้วว่าครอบครัวอวี๋หวั่นมีน้องชายอายุราวๆ หกเจ็ดขวบ คิดว่าคงเป็นเด็กคนนี้ ลักษณะหน้าตาของเถี่ยตั้นได้อวี๋เซ่าชิงมา ไม่มีเค้าโครงที่เหมือนนางเจียงเลยแม้แต่น้อย
ราชครูถาม “แม่ของเจ้าอยู่หรือไม่?”
เถี่ยตั้นน้อยตอบ “ไม่อยู่! นางออกไปแล้ว!”
“รู้หรือไม่ว่านางไปที่ใด?” ราชครูถาม
“ข้ารู้ ท่านกำลังตามหาฮูหยินอวี๋อยู่ใช่หรือไม่? ข้าจะพาท่านไปเอง”
จู่ๆ ชายหนุ่มท่าทางเรียบร้อยสุขุมสง่างามผู้หนึ่งก็เดินเข้ามา
ดวงตาของเถี่ยตั้นน้อยทอประกายแวววาว “พี่ชิงเหยียน!”
ชิงเหยียนไม่ใช่ทั้งปรมาจารย์พิษหรือพ่อมด ไม่มีกลิ่นอายที่ทำให้ผู้คนรู้สึกสงสัยในตัวเขา อย่างมากก็มีเพียงวรยุทธ์เล็กน้อย ทว่าก็ถูกเขากดเก็บไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ดูไม่ต่างจากผู้ดูแลบัญชีธรรมดาๆ คนหนึ่ง
ราชครูคำนับมือไปทางเขา
ชิงเหยียนก็คำนับกลับและยิ้มให้อย่างสุภาพ “ท่านมาเจรจาการค้ากับสกุลอวี๋ใช่หรือไม่? เช่นนั้นมาหาฮูหยินอวี๋ถูกต้องแล้ว ฮูหยินอวี๋เจรจาดีที่สุด”
ราชครูส่งเสียงตอบรับไปอย่างไม่ชัดเจน
ชิงเหยียนลูบหัวเถี่ยตั้นน้อย “เจ้าทำการบ้านเสร็จแล้วหรือ?”
เถี่ยตั้นน้อยแลบลิ้นและรีบวิ่งกลับไปทำการบ้านในห้องต่อ
“รบกวนท่านช่วยนำทางแล้ว” ราชครูเอ่ยกับชิงเหยียน
ชิงเหยียนถูนิ้วมือไปมาให้เขา “ข้าคือผู้ดูแลบัญชีของโรงฝึกงาน ฮูหยินอวี๋เชื่อใจข้ามาก ข้าสามารถช่วยท่านเจรจาเรื่องราคาได้นะ”
หากกระตือรือร้นที่จะช่วยเหลือมากเกินไปคงน่าสงสัย ทว่าหากทำเพื่อหารายได้พิเศษแล้วอย่างไรก็ย่อมได้ ราชครูหยิบเงินตำลึงจีนออกมาชิ้นหนึ่ง
ชิงเหยียนรับมาเก็บไว้ในแขน จากนั้นก็แบมือยื่นออกไปอีกครั้ง ราชครูก็หยิบเงินตำลึงจีนออกมาอีกชิ้นหนึ่ง
ชิงเหยียนแสดงท่าทางพึงพอใจ และนำทางราชครูไปที่ภูเขาด้านหลัง
“ฮูหยินอวี๋ไปขุดผักป่าที่ภูเขาด้านหลัง” ชิงเหยียนเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ฮูหยินอวี๋ไปขุดผักป่าที่ภูเขาด้านหลังจริงๆ ทว่าไม่ใช่ฮูหยินอวี๋บ้ามสาม แต่เป็นฮูหยินอวี๋บ้านใหญ่
ฮูหยินอวี๋กับป้าหลัวที่อยู่ข้างบ้าน ป้าไป๋ที่อยู่หน้าหมู่บ้าน และชุ่ยฮวาจากบ้านนายพรานกำลังนั่งยองๆ ขุดผักป่าที่พื้น และเก็บผลไม้ป่าตามรายทางไปเรื่อยๆ ต่อไปภูเขาลูกนี้ก็จะถูกเปิดเป็นเหมืองแร่ ยังไม่รู้ว่ามีที่ขุดไปแล้วหรือยัง ตอนนี้ก็ขุดมากหน่อย
พวกนางกำลังขุดกันอย่างแข็งขัน จึงไม่ได้สังเกตว่ามีผู้ใดกำลังมาทางนี้
ชิงเหยียนหยุดเดินและชี้นิ้วออกไป “สตรีที่สวมชุดสีเขียวที่อยู่ตรงนั้นคือฮูหยินอวี๋”
ฐานะของป้าสะใภ้ใหญ่แตกต่างจากเดิม เสื้อผ้ามีราคาแพงกว่าสตรีทั่วไปในหมู่บ้าน เมื่อมองแวบแรกก็รู้ได้ว่าเป็นเนื้อผ้าชั้นดี แม้ป้าสะใภ้ใหญ่อายุเกือบสี่สิบแล้ว ทว่าไม่นานมานี้นางได้รับการดูแลอย่างดี ใบหน้าเปล่งปลั่งสดใส มีสีแดงเลือดฝาด ดูอ่อนเยาว์ลงไปหลายปี ราวกับสตรีอายุเพียงสามสิบต้นๆ
ตอนนี้เองเยว่โกวก็เดินมาตามทางเล็กๆ จากอีกฟากหนึ่ง ‘อย่างไม่ตั้งใจ’ และตะโกนทักทายป้าสะใภ้ใหญ่ “ฮูหยินอวี๋!”
ป้าสะใภ้ใหญ่เคยชินกับการถูกเรียกว่าฮูหยินอวี๋มานานแล้ว เมื่อได้ยินคนเรียกนางก็เงยหน้าขึ้น “พี่รองของอาเว่ยเองหรือ เจ้าก็มาที่ภูเขาด้วยหรือ?”
เมื่อเห็นป้าสะใภ้ใหญ่ตอบรับเสียงเรียกฮูหยินอวี๋ ราชครูก็เชื่อในคำพูดส่วนใหญ่ของชิงเหยียน ทว่าทันใดนั้นเขาก็นึกบางสิ่งขึ้นมาได้ “ข้าได้ยินมาว่ามีฮูหยินสองคนในสกุลอวี๋”
“ท่านต้องการหาฮูหยินใหญ่หรือ?” ชิงเหยียนมีสีหน้าประหลาดใจ “ท่านบอกให้เร็วกว่านี้สิ! ข้าจะได้พาท่านไปหานาง! แต่เห็นแก่ที่ข้ารับเงินของท่านมาแล้ว ข้าจะขอเตือนท่านไว้ก่อนว่า ฮูหยินใหญ่มิได้เจรจาดีเช่นฮูหยินสาม หากท่านต้องการทำการค้า อย่างไรก็ต้องไปหาฮูหยินสาม!”
ราชครูไม่ได้ต้องการพบฮูหยินคนใด เขาเพียงต้องการทราบว่านี่คือมารดาผู้ให้กำเนิดของอวี๋หวั่นหรือไม่ก็เท่านั้น
ราชครูเป็นคนที่ระมัดระวังตัวอย่างมาก ชิงเหยียนคนเดียวไม่เพียงพอที่จะโน้มน้าวเขาได้ ทันใดนั้น ชายชราที่ถือตะกร้าก็เดินเข้ามาและเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ไยเจ้ายังมาอยู่ที่นี่? เสี่ยวเฟิงกำลังตามหาเจ้าอยู่! เจ้าไม่ต้องไปโรงฝึกงานแล้วเรอะ?”
“แค่กๆ!” ชิงเหยียนกระแอมในลำคอและเอ่ยกับราชครู “คุณชายใหญ่ตามข้าแล้ว ข้าต้องไปที่โรงฝึกงาน ท่านยังต้องการเจราจาการค้าอยู่หรือไม่? ต้องรีบแล้ว”
“นี่ใครเรอะ?” ชายชราถามพร้อมกับชี้ไปที่ราชครู
ราชครูกล่าว “ข้าแค่ผ่านมา”
ชายชราโบกมือและย่อกายนั่งยองๆ เก็บผลไม้ป่า
“เจ้าไปทำธุระก่อนเถิด ข้าจะไปหาฮูหยินอวี๋เอง” ราชครูกล่าว
“เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะบอกราคากับท่าน” ชิงเหยียนรายงานราคาเต้าหู้เหม็นกับหน่อไม้ดองอยู่ข้างหูของราชครู “ด้านนอกราคาไม่ต่ำขนาดนี้ อย่าบอกว่าข้าเป็นคนบอกเชียวนะ!”
ละครต้องแสดงจนจบ เมื่อชิงเหยียนแสดงจนพอแล้วก็ลงจากภูเขาไปอย่างเร่งรีบ
ราชครูมองชายชราที่อยู่ด้านข้างและถามว่า “ข้าขอถามท่านหน่อย”
“อะไร?” ชายชราเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาว่างเปล่า
“คนผู้นั้นเป็นใครหรือ?” ราชครูชี้ไปที่ป้าสะใภ้ใหญ่
“เสี่ยวเจียง ภรรยาของเจ้าสามสกุลอวี๋” ชายชรามองเขาด้วยความประหลาดใจ “ไยเจ้ามาถามเรื่องคนอื่น?”
ราชครูกล่าว “ไม่มีอันใด ข้าเพียงต้องการทำการค้า ข้าได้ยินมาว่าบุตรสาวของนางแต่งงานไปอยู่เมืองหลวง เป็นความจริงหรือไม่?”
“เหตุใดจะไม่จริง? เจ้าก็ไปถามนางสิ!” ชายชราเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
ถึงตอนนี้ ความสงสัยสุดท้ายในใจของราชครูก็ถูกชะล้างไปจนหมดสิ้น สตรีผู้นั้นแค่ดูคล้ายกับตี้จีองค์โต แต่หาได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับตี้จีองค์โต เขาเพียงคิดมากไปเองเท่านั้น
ราชครูหันหลังเดินลงจากภูเขา
ชายชราโยนผลไม้ป่าครึ่งลูกที่เก็บมาและพยุงตัวลุกขึ้นยืนอย่างเฉยเมย หลังที่เคยง่อนแง่นพลันเหยียดตรง
ไม่อาจโทษว่าราชครูโง่เขลา แต่เพราะไม่มีผู้ใดคาดคิดว่ายอดฝีมือทั้งสามของเผ่าปีศาจและนักบวชจะมารวมตัวกันอยู่ที่หมู่บ้านยากจนในต้าโจวแห่งนี้ หลังจากนี้ก็รอให้เขาออกจากหมู่บ้าน กลับไปยังเมืองหลวง นับจากนี้ก็จะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ อีก
แต่สิ่งที่แผนการนี้ไม่อาจเปลี่ยนได้ทันคือนางเจียงกำลังออกมาจากบ้านหลังเก่า! เพียงแค่เลี้ยวอีกครั้งก็จะพบกับราชครูที่กำลังเดินลงจากเขา!
สีหน้าของชายชรากับเยว่โกวเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง หากจะหยุดพวกเขาก็สายไปแล้ว นางเจียงเดินเลี้ยวผ่านหัวมุมและราชครูก็เดินลงจากภูเขาไปแล้ว
“ทำแบบนี้ รวบรวมพลัง จากนั้นเคลื่อนมาที่ตันเถียน[1] แล้วจึงปล่อยหมัดออกไป!” ณ ลานด้านหลังบ้านสกุลจ้าว อาเว่ยที่เลี้ยงเด็กอ้วนทั้งสามจนอิ่มหนำ กำลังเริ่มสอนวรยุทธ์ให้พวกเขา
เขาพุ่งหมัดออกไป เหล่าเด็กอ้วนก็พุ่งหมัดออกไป หลังจากสอนจบหนึ่งรอบ เขาก็ให้เด็กอ้วนฝึกฝนด้วยตนเอง ทว่าเหล่าเด็กอ้วนก็จ้องมองเขาด้วยท่าทางออดอ้อน
อาเว่ยถอนใจ กุมขมับด้วยความทุกข์ยาก แค่กระบวนท่าง่ายๆ เท่านั้นก็จำไม่ได้ ศิษย์ของเขาคงจะไม่ได้เรื่องได้ราว
เด็กอ้วนที่ถูกทอดทิ้ง “…”
หากวรยุทธ์ไม่ได้ ฝึกวิชาตัวเบาก็พอ
ตอนที่อาเว่ยฝึกวิชาตัวเบา เขาขอให้อาจารย์โยนเขาลงมาจากหน้าผา แต่เมื่อพิจารณาแล้วว่าศิษย์เหล่านี้ไม่เอาไหน อาเว่ยจึงตัดสินใจโยนพวกเขาลงจากหลังคาก็พอ
อาเว่ยใช้วิชาตัวเบาพาเด็กอ้วนทั้งสามขึ้นไปบนหลังคา จากนั้นก็โยนพวกเขาลงมา
เด็กอ้วนยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาจึงร้องและร่วงลงอย่างอิสระ
นางเจียงเดินผ่านตรอกเล็กๆ ที่อยู่ระหว่างบ้านสกุลจ้าวกับบ้านสกุลจาง ขณะนั้นเองราชครูก็เลี้ยวเข้ามาในตรอกเช่นกัน พวกเขาสองคนกำลังจะพบกัน แต่ทันใดนั้นเด็กอ้วนคนหนึ่งก็ร่วงลงมาใส่ศีรษะของราชครูพอดิบพอดี
ราชครูถูกทุบหัวจนล้มลงกับพื้น ขณะที่กำลังจะลุกขึ้น เด็กอ้วนอีกคนก็ร่วงลงมา
ราชครูตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาเป็นครั้งที่สาม เด็กอ้วนคนที่สามก็ร่วงลงมาอีก
หลังจากถูกร่างของเด็กอ้วนกระแทกกลางศีรษะอย่างเต็มแรงถึงสามครั้ง ราชครูก็รู้สึกว่าสมองของเขาจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
นางเจียงเดินไปอีกฟากหนึ่งของตรอกแล้ว
ราชครูกับตี้จีองค์โตคลาดกันไปต่อหน้าต่อตา
อาเว่ยไม่คาดคิดว่าการสอนวิชาตัวเบาให้ศิษย์ของเขาจะไปถูกผู้อื่น ในฐานะวายร้ายอันดับหนึ่งของเผ่าปีศาจการทำชั่วเป็นหน้าที่ของเขา แต่หากอาม่ารู้เข้าคงจะแย่ อาม่าบอกว่าเขาต้องไม่สร้างปัญหาอีก ไม่เช่นนั้นเขาจะถูกปล่อยให้อยู่ที่นี่คนเดียว ไม่พากลับไปเผ่าปีศาจอีก
อาเว่ยตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต : ต้องช่วยเขา!
หากช่วยเขาไว้ได้แล้ว อาม่าก็คงจะไม่ตำหนิ!
อาเว่ยอุ้มราชครูเข้าไปในห้อง
เด็กอ้วนทั้งสามเดินเตาะแตะตามเข้าไป
ราชครูถูกเด็กอ้วนทั้งสามกระแทกจนสมองกระทบกระเทือน ทั้งยังถูกอาเว่ยแกว่งไกวไปมา จึงเป็นลมสลบไป
ยามเมื่อราชครูลืมตาตื่นขึ้นอีกทีฟ้าก็มืดแล้ว แสงสลัวยามพลบค่ำลอดเข้ามาทางช่องหน้าต่าง เด็กชายตัวอ้วนทั้งสามเฝ้าเขาอยู่ในห้อง เฝ้าไปเฝ้ามาก็ผล็อยหลับไปบนโต๊ะ
เขาไม่ได้สังเกตเห็นเด็กอ้วนที่อยู่ด้านข้าง สงสัยแต่ว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ใด
ทันใดนั้นเสียงสนทนาก็ดังมาจากลานด้านหลัง
“อาม่า มันตื่นแล้ว”
ราชครูหยุดชะงัก กำลังเอ่ยถึงเขาหรือไม่? ยังไม่เข้ามาดูก็รู้ว่าเขาตื่นแล้ว? เป็นยอดฝีมือระดับใดกัน? ช้าก่อนเสียงนั้นช่างดูคุ้นเคย ทว่าปวดหัวเกินกว่าจะนึกออกว่าเป็นผู้ใด
“ตื่นแล้วก็ตื่นแล้ว ไม่เห็นมีสิ่งใดน่าตกใจ”
เสียงของชายชรา
“ยามนี้ทำเยี่ยงไรดี? จะฆ่าเลยหรือไม่?”
เสียงของบุรุษวัยหนุ่ม
ราชครูคิ้วกระตุก!
หลังจากนั้น ราชครูก็ได้ยินเสียงของชายชราเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ฆ่าก็ได้ ไม่ฆ่าก็ได้ แก่แล้ว ขายไปคงได้ราคาไม่มากนัก แต่ก็นับว่าดูดีใช้ได้”
ราชครูสัมผัสใบหน้าตนเอง แน่นอนว่าเขาดูดี เขาเป็นบุรุษที่รูปงามเป็นอันดับหนึ่งในตำหนักราชครู! ก่อนหน้านี้ราชครูยังแค่สงสัย ทว่ายามนี้มั่นใจเสียยิ่งกว่าอะไรว่ากำลังเอ่ยถึงเขา!
เขาถูกโจรจับตัวมาหรือ?
ชายชรากล่าว “ที่ยังหนุ่มยังแน่นบนรถนั่นเก็บไว้ ฆ่าตัวที่แก่ก่อนแล้วกัน”
สารถีของเขาก็ถูกจับมาด้วย! แล้วยังบอกว่าจะฆ่าเขาก่อน?!
สมองราชครูยังคงกระทบกระเทือนอยู่ หมดหนทางที่จะใช้พลังวิเศษได้ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโจรกลุ่มนี้ เขารู้ว่าตนเองไม่สามารถอยู่ที่นี่ต่อไปได้ ไม่เช่นนั้นต้องถูกคนพวกนี้จัดการอย่างโหดเหี้ยมเป็นแน่ ราชครูยกผ้านวมขึ้น และใช้มือกดศีรษะที่แทบจะระเบิดของเขาด้วยความเจ็บปวด เดินโซซัดโซเซออกมา
ท้องฟ้ามืดสนิท
ทางด้านชิงเหยียน เดาว่าราชครูน่าจะตื่นแล้ว จึงพาอาเว่ยที่มาล่าไก่ฟ้าบนภูเขากลับไปที่บ้าน แต่ก็ต้องพบว่าราชครูหายตัวไปแล้ว
“อ้าว? เหตุใดถึงออกไปแล้ว? ยังคิดว่าจะฆ่าแม่ไก่แก่มาบำรุงร่างกายให้เขาเสียหน่อย” ชิงเหยียนเดินไปที่รถม้าด้วยความงงงวย และอุ้มลูกเจี๊ยบตัวน้อยลง
ราชครูหวาดกลัวหัวหด วิ่งหนีตาย ทั้งล้มทั้งกระแทกจนใบหน้าเขียวช้ำ ในที่สุดก็วิ่งหนีออกมาจากหมู่บ้านได้สำเร็จ เขาหยุดมองขึ้นไปฟ้าแล้วถอนใจด้วยความโล่งอก ทว่ายังไม่ทันหายใจออกจนสุด รถม้าคันหนึ่งก็กระแทกเขาลอยไปในอากาศ
อิ่งสือซันที่ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวความคิดว่าจะมีใครบางคนพุ่งมาจากทางเข้าหมู่บ้าน “…”
…………………………………………
[1] ตันเถียน 丹田 จุดตันเถียน อยู่เป็นจุดเลือดลมที่อยู่ใต้สะดือประมาณสามนิ้ว

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset