ไม่กี่วันมานี้เมิ่งอี๋เหนียงเกิดอาการร้อนใน โมโห เดือดดาล จึงปวดท้องแน่นท้อง หมอจ่ายผงสลอด[1]ให้นางหนึ่งขวด กินวันละครั้ง ครั้งละไม่เกินครึ่งช้อนชา เมิ่งอี๋เหนียงนำยานี้ให้กับสาวใช้คนสนิท และบอกให้นางใส่มันลงไปในอาหารทั้งหมด
รสชาติของสลอดค่อนข้างคล้ายกับถั่วลิสงรสเผ็ดที่ขึ้นรา ผงสลอดที่ผ่านกรรมวิธีจะถูกขจัดรสราออกไป และเหลือเพียงกลิ่นฉุนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อผสมลงในอาหารจึงไม่ใช่เรื่องง่ายดายที่จะแยกออก
อย่างไรก็ตามใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว สาวใช้คนสนิทใช้ข้ออ้างที่จะไปใส่ผัก นำผงสลอดทั้งหมดคลุกลงในใบมันเทศที่กำลังจะยกขึ้นมาใส่จาน
เรื่องสกปรกเช่นนี้ ไม่อาจบอกให้บุตรสาวของนางรู้ได้ เมิ่งอี๋เหนียงกำชับสาวใช้คนสนิทจากด้านนอกเรือน พลางยืนโบกพัดขณะที่รอให้สาวใช้คนสนิทกลับมา แต่หารู้ไม่ว่า ‘ท่าทางเฝ้ารออย่างร้อนใจ’ นี้จะถูกนายท่ายใหญ่เซียวที่เดินมาเห็นเข้า
นายท่านใหญ่เซียวสะดุดตากับเมิ่งอี๋เหนียงในครั้งแรก ก็ด้วยท่าทางเช่นนี้ของนาง เวลาผ่านมานานหลายปีฮูหยินใหญ่เซียวก็แก่ตัวลงราวกับไข่มุกสีเหลือง ทว่าเมิ่งอี๋เหนียงก็ยังคงงดงามและมีเสน่ห์ ในช่วงนี้นายท่านใหญ่เซียวลงโทษเซียวจื่อหลินที่ทำร้ายพี่สาว เขาจึงไม่ได้มาที่เรือนของเมิ่งอี๋เหนียงหลายวันแล้ว จู่ๆ ก็เห็นท่าทางที่มีเสน่ห์ของเมิ่งอี๋เหนียงเข้าอย่างกะทันหัน จะอดใจไหวได้อย่างไร? จึงรีบสาวเท้าก้าวเข้าหาเมิ่งอี๋เหนียงในทันที
หัวใจของเมิ่งอี๋เหนียงแทบตกไปที่ตาตุ่ม นางรีบร้อนโค้งคำนับ “นายท่าน”
สองสามวันมานี้กังวลเรื่องเซียวจื่อหลิน ผู้คนก็ต่างซูบเซียว แต่ยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกสงสาร นาทีนั้นนายท่านใหญ่เซียวหลงลืมคำเตือนจากฮูหยินใหญ่เซียวไปสิ้น พลันจูงมือเมิ่งอี๋เหนียงเข้าไปในเรือน
กับภรรยาเอกยังต้องให้ความสำคัญกับกฎระเบียบอยู่บ้าง ทว่ากับอนุภรรยาไม่จำเป็น นายท่านใหญ่เซียวตัดสินใจว่าหลังมื้อเที่ยงในช่วงพักยามบ่ายจะอยู่เล่นจ้ำจี้กับนางสักหน
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว นายท่านใหญ่เซียวจึงสั่งให้ผู้ติดตามไปเร่งนำอาหารมา
ผู้ติดตามของนายท่านใหญ่เซียวเดินไปที่ห้องครัว ภายในห้องครัวกำลังเตรียมอาหารกลางวันสำหรับเซียวจื่อเยว่และกลุ่มบุตรีชั้นสูง ฮูหยินใหญ่เซียวกำชับว่าอาหารของนางกับนายท่านค่อยเตรียมทีหลัง ให้พวกเขาดูแลเด็กสตรีและแขกให้ดีเสียก่อน ไม่คิดว่านายท่านใหญ่เซียวจะให้คนรับใช้มานำอาหารไปก่อน
“อันนี้ อันนี้แล้วก็อันนี้แล้วกัน” ผู้ติดตามนำอาหารสองสามอย่างใส่กล่องอาหารแล้วถือออกไป
อาหารเหล่านั้นเป็นผักนึ่ง ในหม้อนึ่งยังมีเหลืออีกมาก หากจะนำไปก็นำไปได้ ไม่ใช่ปัญหา ทว่าน่าเสียดายที่ใบมันเทศที่เพิ่งปรุงเสร็จไม่มีแล้ว หากเป็นจานอื่นก็ยังพอเปลี่ยนได้ แต่กลับเป็นใบมันเทศ อาหารอย่างเดียวที่เซียวจื่อเยว่ระบุไว้ชัดเจนว่าอยากกิน
พ่อครัวหมดหนทาง จำต้องให้คนไปเก็บมาใหม่อีกตะกร้าหนึ่ง นำมาผัดให้เซียวจื่อเยว่และพวกนาง
นายท่านใหญ่เซียวเป็นชาวเมือง เมิ่งอี๋เหนียงก็เป็นคุณหนูที่เกิดในเมืองหลวง แม้ครอบครัวยากจนแร้นแค้นก็ยังไม่เคยประสบกับความทุกข์ทรมานเยี่ยงสามัญชน อย่างเดียวที่ทำให้นางทิ้งตัวลงรับใช้คือเจ้านายแห่งบ้านใหญ่ทั้งสองของสกุลเซียว ส่วนฮูหยินใหญ่กับคนบ้านสอง ยังไม่ถึงคราวที่นางต้องไปรับใช้ต่อหน้า
“ข้าทำเอง พวกเจ้าออกไป” เมิ่งอี๋เหนียงรับกล่องอาหารมาและจัดวางเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารอย่างเหมาะสม
เซียวจื่อหลินดีใจที่บิดาของนางมาหา
เมิ่งอี๋เหนียงก็มีความสุขเช่นกัน แม้ว่าบุตรสาวของนางจะทำผิด แต่ตราบใดที่นายท่านเลี้ยงดูนาง นางกับบุตรสาวก็ยังสามารถมีชีวิตที่ดีได้
ครอบครัวสามคนเดินลงมาทานอาหาร ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอารมณ์ดีหรือไม่ อาหารมื้อนี้จึงดูหอมเป็นพิเศษ โดยเฉพาะผัดผักตามฤดูกาล แต่ไม่รู้ว่ามันคือผักอะไร เนื้อเนียนอร่อย มีรสเผ็ดฉุนอ่อนๆ เผ็ดแต่ไม่แห้ง เป็นรสชาติที่ถูกปากนายท่านใหญ่เซียวยิ่งนัก
เมิ่งอี๋เหนียงเห็นว่าเขาชื่นชอบจึงคีบให้เขามากขึ้น
ที่ห้องปี้สยา ใบมันเทศที่เซียวจื่อเยว่ต้องการก็ถูกนำขึ้นโต๊ะแล้ว
เหล่าบุตรีทั้งหลายเหนื่อยมาตลอดทั้งเช้า ท้องก็หิวจนส่งเสียงร้องจ๊อกๆ อยู่นานแล้ว หลังจากล้างมือพวกนางก็เริ่มลงมือทานอาหาร
“ใบมันเทศคือจานใดหรือ?” เซียวจื่อเยว่ถาม
หลิงจือชี้จานที่อยู่ตรงกลาง “อันนี้เจ้าค่ะคุณหนู”
เซียวจื่อเยว่คีบให้ทุกคนและตัวนางเองก็ชิมคำหนึ่งเช่นกัน ผลก็คือ รสชาติดีกว่ากะหล่ำปลีจริงๆ
พระชายาเฉิงอ๋องเกิดในดินแดนทุ่งหญ้า ในวันธรรมดาจะได้กินเนื้อแพะมากมาย ทว่าผักกลับมีไม่หลากหลาย อย่างน้อย ‘เถา’ เช่นนี้นางก็ไม่ยังเคยกิน ดูแล้วก็ไม่ต่างอะไรจากผักทั่วๆ ไป!
นางคีบชิมคำหนึ่ง มันไม่มีความขมเหมือนผักอื่นๆ เนื้อเนียนนุ่ม รสชาติช่างดียิ่งนัก!
จานเดียวไม่พอกินสำหรับข้าวสองสามถัง ห้องครัวจึงผัดเพิ่มอีกจานหนึ่ง พร้อมกับผักเย็นๆ อีกจาน ทำให้พวกนางทานกันอย่างสนุกสนาน
เรือนของเมิ่งอี๋เหนียง นายท่านใหญ่เซียวก็กินอย่างสนุกสนานเช่นกัน ทว่าหลังจากความสนุกผ่านไปอาการของเขาก็ไม่ค่อยดีนัก จู่ๆ เขาก็รู้สึกปวดท้อง และไม่นานก็เริ่มปวดอย่างรุนแรง ปวดที่สุด!
เขากุมท้องและวิ่งไปที่ห้องสุขา
“อี๋เหนียง…” ท้องของเซียวจื่อหลินก็เริ่มปวดเหมือนกัน
“พวกเจ้า…” เมิ่งอี๋เหนียงขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ ขณะที่กำลังจะเอ่ยอะไรบางอย่าง ท้องของนางก็เริ่มรู้สึกแปรปรวน
คนรับใช้ในเรือนต่างงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น เหตุใดอี๋เหนียง นายท่านและคุณหนูสามถึงได้วิ่งไปห้องสุขา? เท่านั้นยังไม่พอ แถมยังแย่งห้องน้ำพวกเขาอีก!
ตอนแรกทุกคนคิดว่าเป็นอาการท้องร่วงธรรมดา ทว่าหลังจากนั้นไม่นานก็ค่อยๆ ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“เร็ว! รีบไปรายงานให้ฮูหยินใหญ่ทราบ!”
ผู้ติดตามของนายท่านใหญ่เซียวไปที่เรือนของฮูหยินใหญ่ และบอกเรื่องที่ทั้งสามเกิดอาการท้องร่วง เมื่อฮูหยินใหญ่เซียวได้ยินว่าเจ้าผีทะเลนั่นไปที่เรือนของอนุภรรยาอีกครั้ง นางก็โกรธจัด “สมควร!”
ผู้ติดตามก้มหน้าไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด
แม้ฮูหยินใหญ่เซียวจะโกรธ ทว่าอย่างไรก็เป็นสามีและบิดาของบุตร นางจะนั่งดูเฉยๆ โดยไม่สนใจไม่ได้ นางพาหมอประจำจวนไปที่เรือนของเมิ่งอี๋เหนียง ทั้งสามคนอ่อนแอจนใบหน้าไร้สีเลือด
หมอรีบเอาผงเผิงรุ่นถู่รักษาอาการให้ทั้งสาม
ผงเผิงรุ่นถู่มีฤทธิ์ต้านอาการท้องร่วงได้ดี เมิ่งอี๋เหนียงกับเซียวจื่อหลินกินไม่มาก ไม่นานก็หยุดถ่าย ทว่านายท่านใหญ่เซียวโชคไม่ดีนัก เมิ่งอี๋เหนียงเห็นว่าเขาชอบทาน นางหมายจะเอาอกเอาใจ จึงคีบใส่ชามเขาไปมากกว่าครึ่ง
ความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ทำให้เซียวเจิ้นถิงกับซั่งกวนเยี่ยนตกใจ
“พี่สะใภ้ เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือ?” ซั่งกวนเยี่ยนถาม
หลังบ้านของนายท่านใหญ่เซียวไม่สงบสุข หลายปีมานี้หากไม่ใช่อี๋เหนียงผู้นี้สร้างปัญหา ก็เป็นอี๋เหนียงผู้นั้นก่อเรื่อง ฮูหยินใหญ่เซียวรู้สึกละอาย ไม่อยากพบหน้าซั่งกวนเยี่ยน จึงตอบอย่างคลุมเครือว่า “กินอาหารผิดสำแดง”
เรื่องนี้เกี่ยวกับซั่งกวนเยี่ยนแล้ว เรื่องอาหารการกินของจวนอยู่ในมือของซั่งกวนเยี่ยน คนของตนทำงานได้ไม่ดีทำให้พี่ใหญ่ท้องเสีย นางจึงให้ซิ่งจู๋เรียกคนรับใช้ในครัวมาทันที “พวกเจ้าจัดการกันอย่างไร? ทำอาหารที่ไม่สะอาดใช่หรือไม่?”
เหล่าคนรับใช้คุกเข่าลงกับพื้น หัวหน้าพ่อครัวก็เอ่ยว่า “ฮูหยินรอง ท่านเข้าใจพวกเราผิด! อาหารที่เราปรุงล้วนทำอย่างสะอาด! พวกคุณหนูรองก็กิน! พวกนางก็ยังปกติดี!”
นี่เป็นเรื่องจริง อาหารของวันนี้มาจากหม้อเดียวกัน หากทำไม่สะอาดก็ต้องไม่สะอาดทั้งหมด
“วันนี้ทำอาหารอันใด?” ซั่งกวนเยี่ยนถาม
พ่อครัวรายงานชื่ออาหารแแต่ละจาน
ซั่งกวนเยี่ยนขมวดคิ้ว “ใบมันเทศ? มันกินได้หรือ?” หรืออาหารจานนี้เป็นสิ่งที่ทำให้พี่ใหญ่ท้องเสีย?
“กินได้ กินได้! พวกคุณหนูรองก็กินไปสองสามจานขอรับ!” พ่อครัวเอ่ย
ซั่งกวนเยี่ยนให้ซิ่งจู๋ไปที่ห้องปี้สยา ห้องปี้สยาอยู่ห่างจากที่นั่น ข่าวจึงยังแพร่มาไม่ถึง สตรีหลายคนกำลังรับประทานอาหารอย่างมีความสุข และดูไม่มีความผิดปกติใดๆ
ซิ่งจู๋ถามกับฝูหลิง เหล่าคุณหนูสั่งใบมันเทศไปถึงสามจานแล้ว
ดูเหมือนจะไม่ใช่ความผิดของใบมันเทศ
ซั่งกวนเยี่ยนกำชับ “รบกวนท่านหมอเจียงช่วยตรวจสอบอาหารที่นายท่านใหญ่ อี๋เหนียงและคุณหนูสามได้ทานไปเมื่อครู่สักหน่อย”
หมอประจำจวนชิมอาหารแต่ละจาน ส่วนถ้วยที่ใส่ใบมันเทศเหลือเพียงน้ำแกงแล้ว ทว่ารสชาติเผ็ดฉุนนั้นก็ทำให้หมอประจำจวนรับรู้ทันที “ตอบฮูหยินรอง อาหารจานนี้มีผงสลอดอยู่ ซึ่งมีปริมาณไม่น้อยเลยขอรับ”
เดิมทีก็เป็นยาชนิดหนึ่ง ทว่าหากใช้ปริมาณมากเกินไปก็อาจทำให้ท้องร่วงและขาดน้ำถึงตายได้ ผักในห้องครัวกลับมีคนใส่ของแบบนี้ลงไป เรื่องนี้จำต้องไต่สวนกันอย่างละเอียดรอบคอบสักหน่อย
ใบหน้าของพ่อครัวถอดสี “ข้าไม่ได้ทำ! นายท่าน ฮูหยิน โปรดพิจารณา ข้าไม่รู้อะไรเลย!”
ฮูหยินใหญ่เซียวลุกขึ้นยืนอย่างเย็นชา “เจ้าบอกว่าไม่รู้ก็คือไม่รู้รึ? เช่นนั้นเจ้าบอกข้ามา ผงสลอดที่นายท่านใหญ่กินผู้ใดเป็นคนใส่?!”
…………………………………………………….
[1] สลอด 巴豆 มีน้ำมันเป็นองค์ประกอบที่มีฤทธิ์ทําให้ถ่าย
หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 160.2 ทำเองรับเอง (2)
Posted by ? Views, Released on October 4, 2021
, หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม
เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร
เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน
ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว
ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน…
ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?!
สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย
บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป…
วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย?
ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้…
“ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง
“เรียกแม่สิ”
เธอล่ะอยากจะเป็นลม…