หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 161.1 น้ำลดตอผุด (1)

พ่อครัวจะรู้ได้อย่างไรว่าผู้ใดเป็นคนใส่? ทว่าอย่างไรก็ไม่ใช่เขา! ในครัวมีพ่อครัวทั้งหมดสี่คน คนรับใช้อีกแปดคน ผู้ถูกไต่ถามคือหัวหน้าพ่อครัว เขามั่นใจว่าทุกคนในครัวใจซื่อมือสะอาด ไม่มีวันทำเรื่องสกปรกเช่นนี้
เพียงแต่พวกเขาจะทำหรือไม่เป็นเรื่องหนึ่ง เหล่าเจ้านายจะเชื่อหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
พ่อครัวส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากซั่งกวนเยี่ยนที่อยู่ข้างๆ ฮูหยินผู้เฒ่าอายุมากแล้ว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องหลังบ้าน คนที่รับผิดชอบคือฮูหยินรอง พวกเขาหวังว่าฮูหยินรองจะเชื่อใจเขา
ซั่งกวนเยี่ยนเชื่อเขา แต่เกรงว่าฮูหยินใหญ่เซียวจะไม่เชื่อนาง
อารมณ์โมโหร้ายของพี่สะใภ้ผู้นี้ ซั่งกวนเยี่ยนรู้ดี จะว่าเลวร้ายมากก็ไม่ใช่ จะว่ารุนแรงก็ไม่เชิง นายท่านใหญ่เซียวมีนิสัยเกเรน่าผิดหวัง พี่สะใภ้ไปร้องไห้ที่ห้องแม่สามีแทบไม่เว้นวัน ฮูหยินผู้เฒ่าจะทำอย่างไรได้? เขาก็เป็นบุตรชายแท้ๆ ของนาง เริ่มแรกนางดูแลเขาได้ แต่ก็ไม่ได้เลี้ยงดูเขาให้เสียนิสัย นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนที่นางจะแต่งงานเข้ามา หลังจากแต่งงานก็เริ่มทำให้พี่สะใภ้ร้องไห้ นางบอกว่าซั่งกวนเยี่ยนเป็นน้องสะใภ้ที่ไม่เคารพพี่สะใภ้ กล่าวอย่างตรงไปตรงมา ฮูหยินใหญ่เซียวแค่ต้องการโยนหน้าที่ในการดูแลบ้านออกไป ซั่งกวนเยี่ยนอ่านความคิดของนางออก นางเป็นดูแลงานในเรือนมาหนึ่งปี และพบว่ามีข้อบกพร่องมากมาย ฮูหยินใหญ่เซียวจึงไม่ใช่สตรีที่ชอบงานบ้านงานเรือน
เมื่อพูดถึงรื่องเซียวเหยี่ยน นายท่านใหญ่เซียวพึ่งไม่ได้ ฮูหยินใหญ่เซียวในยามนี้สงบขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน ตอนที่นางยังสาว เมื่อนางโกรธนายท่านใหญ่เซียวก็มักจะระบายความโกรธกับเซียวเหยี่ยนในวัยเยาว์ น่าสงสารเด็กคนนั้นที่ยืนริมระเบียงในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บด้วยเสื้อผ้าตัวเดียว ฮูหยินใหญ่เซียวบอกว่าหากท่านไม่กลับมานางจะไม่สนใจเขา นายท่านใหญ่เซียวบอกว่าแล้วแต่เจ้า เขาหันหน้าแล้วเดินออกไปอย่างมีความสุข
เซียวเหยี่ยนตัวน้อยยืนอยู่ตรงนั้นครึ่งชั่วยาม คนรับใช้จะพาเข้ามา ทว่าฮูหยินใหญ่เซียวก็โมโห “ข้าจะดูว่าผู้ใดกล้าแตะเขา!”
สุดท้ายเซียวเจิ้นถิงก็รู้เรื่องและพาเซียวเหยี่ยนไปโดยไม่เอ่ยสิ่งใดสักคำ
เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อนานหลายปีแล้ว ด้วยอายุที่มากขึ้น ฮูหยินใหญ่เซียวก็รู้จักแยกแยะมากกว่าเมื่อก่อน ทว่าสิ่งเหล่านี้ ความรู้สึกไม่พอใจเหล่านี้ยังไม่จางหายไปจากก้นบึ้งของหัวใจง่ายๆ เช่นการตายของเซียวเหยี่ยน เช่นอคติต่อสตรีหม้ายที่แต่งงานครั้งที่สอง
สายตาของฮูหยินใหญ่เซียวกวาดมองซั่งกวนเยี่ยน “เจ้าดูสิว่าฮูหยินรองทำสิ่งใด? หรือว่าเรื่องนี้มีสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับนาง?”
“พี่สะใภ้!” สีหน้าของเซียวเจิ้นถิงเคร่งเครียด
แม้ฮูหยินใหญ่เซียวไม่เคยทำสิ่งใดที่ทำร้ายซั่งกวนเยี่ยน ทว่านางก็มีอคติต่อซั่งกวนเยี่ยนอย่างมาก เมื่อเจอเรื่องไม่ดี นางจะเป็นคนแรกที่คิดว่าเป็นฝีมือซั่งกวนเยี่ยน
ซั่งกวนเยี่ยนเป็นนางมารร้ายในปากของคนทั่วหล้า ผู้คนไม่น้อยที่เอาแต่โทษนาง ไม่เว้นแม้กระทั่งฮูหยินใหญ่เซียว ซั่งกวนเยี่ยนกดมือของเซียวเจิ้นถิง และให้เขาออกไปด้านข้าง เซียวเจิ้นถิงก็เดินไปด้านข้างอย่างเชื่อฟัง
ซั่งกวนเยี่ยนมองฮูหยินใหญ่เซียวและเอ่ยว่า “พี่สะใภ้ ข้าจะใส่ผงสลอดให้พี่ใหญ่ด้วยเหตุใด?”
นางรู้จักสลอด หากกินสุ่มสี่สุ่มห้าอาจทำให้ท้องเสียได้ เซียวเหยี่ยนยามเป็นเด็กผู้โง่เขลา ไม่ระวังคิดว่าสลอดเป็นถั่วลิสง กินไปหลายเม็ดจนนางกลัวแทบตาย นับแต่นั้นสลอดก็ไม่เคยมีอยู่ในบ้านของนางอีกเลย
ไม่ต้องบอกว่านางไม่มีเหตุผลที่จะทำร้ายพี่ใหญ่ ถึงแม้จะมี แต่นางจะไปเอาสลอดสองสามชิ้นมาจากที่ใด?
ไม่สิ ท่านหมอบอกว่าน่าจะเป็นผงสลอด? ของแบบนั้นนางยังไม่เคยเห็นเลย
ฮูหยินใหญ่เซียวอ้ำอึ้งกับคำถาม จริงสิ นางจะทำร้ายนายท่านใหญ่เซียวด้วยเหตุใด? นายท่านใหญ่เซียวเป็นเพียงคนเกียจคร้านที่อยู่ในจวนคนหนึ่งเท่านั้น หนึ่ง เขาไม่ได้ระรานบ้านรอง สอง เขาไม่ได้แทรกแซงการตัดสินใจของบ้านรอง หากจะบอกว่ามีสิ่งใดที่ไม่ถูกใจบ้านรอง ก็คงมีแต่ความเจ้าชู้ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายของเขา ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้จัดการตั้งแต่วันแรก ช่วงแรกไม่จัดการ ช่วงหลังก็ไม่จัดการ แล้วจะมาจัดการช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้หรือ?
ฮูหยินใหญ่เซียวเริ่มหวั่นไหว เมิ่งอี๋เหนียงที่อยู่ด้านข้างก็เริ่มตื่นตระหนก เดิมทีฮูหยินใหญ่ก็ไม่ชอบนางสองแม่ลูกอยู่แล้ว หากนางรู้ว่านางทำให้นายท่านใหญ่ได้รับอันตรายโดยไม่ได้ตั้งใจ จะไม่ถลกหนักของนางเลยหรือ? ในเมื่อฮูหยินใหญ่สงสัยซั่งกวนเยี่ยน เช่นนั้นก็ให้นางสงสัยต่อไป!
เมิ่งอี๋เหนียงกล่าว “ฮูหยินรอง ไม่ว่าท่านจะขัดตาบ้านใหญ่อย่างไร ก็ไม่ควรมาลงกับนายท่านมิใช่หรือ?”
ซั่งกวนเยี่ยนกล่าวอย่างเย็นชา “ข้ากับฮูหยินคุยกัน ถึงคราที่เจ้าต้องเอ่ยปากแล้วรึ?”
เมิ่งอี๋เหนียงรวบรวมความกล้ายืดตัวขึ้น “ฮูหยินรอง ถึงแม้ท่านจะไม่ชอบ ทว่าข้าก็จำต้องเอ่ย!”
ซั่งกวนเยี่ยนคลี่ยิ้มแผ่วเบา “ได้ เจ้าอยากเอ่ย ข้าฮูหยินผู้นี้ก็จะให้เจ้าเอ่ยจนพอใจ เจ้าบอกว่าข้าไม่ชอบบ้านใหญ่ เช่นนั้นเหตุใดข้าต้องใส่ผงสลอดให้นายท่านใหญ่กับพวกเจ้าสองแม่ลูก แล้วไม่ได้ใส่ให้ฮูหยินใหญ่สองแม่ลูก?”
ดวงตาของเมิ่งอี๋เหนียงสั่นไหว “ก็ท่าน…ท่านอยากทำร้ายนายท่านใหญ่ ข้า…ข้ากับคุณหนูสามแค่ติดพันไปด้วยโดยบังเอิญเท่านั้น อีกอย่าง ฮูหยินใหญ่ก็ยังไม่ได้ยกอาหารไป หากยกอาหารไปแล้ว ผู้ใดเล่าจะรู้ว่าท่านจะส่งชามใบมันเทศที่ใส่ผงสลอดลงไปด้วยหรือไม่? ส่วนคุณหนูรอง ไม่ใช่เพราะสะใภ้ท่านอยู่ที่นั่นด้วยรึ? ท่านจะกล้าทำให้สะใภ้ถูกทำร้ายไปด้วยหรือ? เพระเหตุนี้คุณหนูรองก็เลยรอดพ้นมาได้”
ซั่งกวนเยี่ยนหัวเราะเยาะอย่างเย็นชา “วิเคราะห์ได้มีเหตุผลน่าฟังยิ่งนัก เมื่อครู่ที่อ้ำอึ้งไม่เอ่ยสิ่งใด ที่แท้ก็เพราะกำลังครุ่นคิดว่าจะราดน้ำสกปรกใส่หัวข้าอย่างไร ปากเป็นเอกวาทศิลป์เป็นเลิศ น่าเสียดายที่เจ้าไม่ได้เป็นคนในศาล”
เมิ่งอี๋เหนียงสัมผัสได้ถึงความโกรธของซั่งกวนเยี่ยน หัวใจของนางพลันกระตุกวูบ ทันใดนั้นความกลัวที่ไม่อาจบรรยายก็เริ่มก่อตัวขึ้น ซั่งกวนเยี่ยนไม่ใช่เด็กอมมือ ไม่เช่นนั้นนางคงไม่อาจคุมเหล่าคนรับใช้ได้อยู่หมัด ทว่านางเป็นอี๋เหนียงของบ้านใหญ่ ไม่เคยสู้กับซั่งกวนเยี่ยน และซั่งกวนเยี่ยนก็ไม่ได้น่ากลัวเหมือนกับฮูหยินใหญ่เซียว ทว่าเพียงซั่งกวนเยี่ยนเอ่ยไม่กี่คำ นางกลับรู้สึกกระวนกระวายใจอย่างบอกไม่ถูก…
แต่ยามนี้ขี่หลังเสือย่อมลงยาก อย่างไรก็ต้องจำใจโกหกต่อไป
เมิ่งอี๋เหนียงที่ตัดสินใจแล้วบีบนิ้วแน่น คุกเข่าลงบนพื้นด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย “ฮูหยินรองหมายความว่าอย่างไร? สิ่งใดที่เรียกว่าข้าราดน้ำสกปรกใส่หัวของฮูหยินรอง? ข้าเพียงกล่าวตามความจริงเท่านั้น หากฮูหยินรองไม่อยากฟัง ข้าไม่เอ่ยก็ได้!”
ซั่งกวนเยี่ยนฮึดฮัดอย่างเย็นชา “เมื่อครู่คนที่อยากเอ่ยคือเจ้า แล้วยามนี้คนที่จะไม่เอ่ยก็คือเจ้า เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นอันใด!”
“ข้าไม่กล้า” เมิ่งอี๋เหนียงคุกเข่าลงด้วยความเสียใจ
“เจ้าบอกว่าข้าทำ หลักฐานละ?” ซั่งกวนเยี่ยนถาม
เมิ่งอี๋เหนียงก้มหน้าลง “คนของฮูหยินรองล้วนอยู่กันในห้องครัว ข้าจะหาหลักฐานได้จากที่ใด?”
ทันใดนั้นซั่งกวนเยี่ยนก็เหยียดยิ้มเย้ยหยัน “ไยไม่ช่วยข้าหาละ?”
เมิ่งอี๋เหนียงสะดุ้ง
ซั่งกวนเยี่ยนมองไปที่พ่อครัวและเอ่ยว่า “วันนี้ผู้ใดเข้าครัว ผู้ใดนำอาหารมา เจ้าอธิบายมาให้ละเอียด”
“ขอรับ” เรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตาย พ่อครัวไม่กล้าประมาท จึงเริ่มเล่าจากสิ่งแรกในครัว เมื่อเขาตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เขาพลาดสิ่งใดไป คนรับใช้ที่อยู่ในครัวก็ช่วยกันเพิ่มเติมให้เขา
ซั่งกวนเยี่ยนเอ่ยอย่างไม่รีบร้อน “เช่นนั้น ใบมันเทศเป็นสิ่งที่คุณหนูรองสั่งพ่อครัวให้ทำ?”
“ขอรับ” พ่อครัวพยักหน้า
ซั่งกวนเยี่ยนกล่าวอย่างเฉยเมย “เดิมทีนายท่านใหญ่เซียวจะไปรับประทานอาหารที่เรือนของฮูหยินใหญ่ ทว่าเปลี่ยนเป็นเรือนของเมิ่งอี๋เหนียงกะทันหัน ผู้ติดตามจึงยกอาหารจากห้องครัวออกไปโดยไม่ฟังคำค้านของพวกเจ้า และหนึ่งในนั้นก็มีใบมันเทศที่เพิ่งผัดเสร็จรวมอยู่ด้วย?”
พ่อครัวรีบเอ่ย “ใช่ขอรับ อาหารของบ้านใหญ่ยังเตรียมไม่เสร็จ ฮูหยินใหญ่กำชับมา ว่าให้ทำให้คุณหนูรองก่อน จึงค่อยทำให้บ้านใหญ่”
ซั่งกวนเยี่ยนลูบผ้าเช็ดหน้าในมือ “ข้าจะเข้าใจเช่นนี้ได้หรือไม่ หากผู้ติดตามของนายท่านไม่นำอาหารไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ใบมันเทศที่ใส่สลอดจานนั้นก็จะถูกยกขึ้นโต๊ะของห้องปี้สยา?”
เมิ่งอี๋เหนียงคิ้วกระตุก!
ฮูหยินใหญ่เซียวมีสีหน้าอึ้งไป
ซั่งกวนเยี่ยนหันไปมองฮูหยินใหญ่เซียว “พี่สะใภ้ ข้าว่าแม้จะเป็นเทพเซียน ก็ยังคาดไม่ถึงว่าพี่ใหญ่จะไปแย่งอาหารมาจากห้องครัว”
ซั่งกวนเยี่ยนไม่จำเป็นต้องเอ่ย ฮูหยินใหญ่เซียวก็คิดได้แล้ว อาหารจานนี้มีไว้สำหรับเหล่าสตรีที่ห้องปี้สยา และสะใภ้ของซั่งกวนเยี่ยนก็อยู่ที่นั่น ต่อให้ซั่งกวนเยี่ยนเป็นบ้าสติฟั่นเฟือนก็ยังไม่ถึงกับกล้าลงมือกับสะใภ้ แล้วใครๆ ก็เห็นว่าซั่งกวนเยี่ยนพึงพอใจกับสะใภ้ของนางยิ่งนัก
หากไม่ใช่ซั่งกวนเยี่ยน ก็เหลือแต่นางคนนี้!
……………………………………

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset