หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 18.2 พ่อลูกพบหน้า (2)

บทที่ 18 พ่อลูกพบหน้า (2)
โดย
Ink Stone_Romance

 

เถี่ยตั้นน้อยร้อง ‘โอ๊ย’ แล้วกระเด็นไปทางรถม้าซึ่งกำลังเคลื่อนที่!
ม้าควบเข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นว่าพวกมันกำลังจะเหยียบเถี่ยตั้นน้อย อวี๋หวั่นก็รีบพุ่งเข้าไป แล้วดึงเขาออกมาทันที จากนั้นเธอก็ยื่นมือออกไปอย่างรวดเร็วราวกับปีศาจโดยที่ไม่ได้หันไปมองลี่จือแม้แต่น้อย จับศีรษะของลี่จือ แล้วโยนนางออกไปกลางถนน!
“อ๊ากกก”
กระดูกขาของลี่จือถูกเหยียบจนนางร้องออกมาอย่างน่าเวทนา
เถี่ยตั้นน้อยโผเข้าหาอ้อมอกของพี่สาวด้วยใบหน้าขาวซีด กอดเอวพี่สาวแน่น
อวี๋หวั่นลูบหัวปลอบเขา
เหยียนหรูอวี้ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างตะลึงงันกับภาพเหตุการณ์ที่เห็นตรงหน้า ปฏิกิริยาตอบสนองของสตรีผู้นี้รวดเร็วเกินไปแล้ว? นางยังไม่ทันเห็นการเคลื่อนไหวของอวี๋หวั่น เด็กที่ควรถูกม้าเหยียบจนตายกลับรอดชีวิต แต่ลี่จือซึ่งก่อนหน้านี้ยังยืนอยู่ข้างนางกลับถูกม้าเหยียบจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด…
เรื่องราวยังไม่จบเพียงเท่านี้ เมื่อม้าเหยียบลงบนลี่จือ รถม้าสะเทือนอย่างรุนแรง เจ้าของรถม้าศีรษะกระแทก ตวาดออกมาด้วยความเกรี้ยวโกรธ
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เรียนองค์หญิง สตรีผู้นี้ชนเข้ากับรถม้าของพวกเรา แล้วถูกม้าเหยียบจนบาดเจ็บ”
พวกเขาไม่ได้พูดภาษาจงหยวน อาภรณ์ก็ไม่ใช่อาภรณ์ของชาวจงหยวน
“เจ้าหมายความว่าองค์หญิงอย่างข้ายังต้องชดใช้ให้นางอีกหรือ?”
“ข้าน้อยมิกล้า” องครักษ์ที่ติดตามมาทาบมือขวาบนไหล่ข้างซ้าย ก้มหน้างุด
“นำตัวสตรีผู้นั้นไปประหาร!”
ประโยคนี้เปลี่ยนเป็นภาษาจงหยวน
เหยียนหรูอวี้ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ข้อมูลข่าวสารของจวนแม่ทัพล้วนฉับไว นางรู้มานานแล้วว่าซยงหนูพ่ายแพ้สงคราม ปรารถนาจะเจรจากับต้าโจว หนึ่งในผู้ที่ร่วมเดินทางมากับคณะทูตก็คือองค์ผลหญิงหมิงจูผู้อันเป็นที่รักของกษัตริย์ซยงหนู จะเป็นสตรีผู้นั้นไปได้หรือไม่?
“องค์หญิง!” เหยียนหรูอวี้ก้าวไปด้านหน้า พูดกับรถม้าซึ่งปิดม่านอยู่ “บ่าวของข้าไม่ได้ชนกับรถของท่าน นางถูกคนทำร้าย คนผู้นั้นเห็นรถม้าขององค์หญิงแล่นมา จึงจงใจผลักบ่าวของข้าออกไป”
องค์หญิงซยงหนูใช้แส้ตวัดม่านขึ้น นางมองไปยังเหยียนหรูอวี้ แล้วตวัดแส้อีกครั้ง
หัวใจของเหยียนหรูอวี้ใจร่วงลงไปถึงตาตุ่ม แส้นั้นไม่ได้ทำร้ายนางแต่อย่างใด เพียงแต่ตวัดผ้าคลุมหน้า
นางเหงื่อกาฬแตกพลั่ก
องค์หญิงซยงหนูเป็นสตรีผู้งดงามอันดับหนึ่งแห่งเฉ่าหยวน ความงามของเหยียนหรูอวี้ก็มิได้เป็นรอง ทั้งสองเรียกได้ว่างามเท่ากัน ทว่าเหยียนหรูอวี้อ่อนแอไร้เรี่ยวแรง ด้อยกว่าในเรื่องลักษณะของวีรสตรี เมื่อเทียบกันแล้ว องค์หญิงซยงหนูก็รู้สึกว่าตนเหนือกว่าในระดับหนึ่ง
รังสีอำมหิตในดวงตาขององค์หญิงซยงหนูเลือนหายไป “เจ้าบอกว่ามีคนตั้งใจชนรถม้าของข้าหรือ? ผู้ใดกัน?”
เหยียนหรูอวี้หันไปพร้อมกับกล่าวว่า “นาง”
อวี๋หวั่น “?!”
เจอกับคนไร้ยางอายมามาก แต่ก็ไม่เคยเจอใครที่ไร้ยางอายเท่านี้มาก่อน ใครกันแน่ที่ตั้งใจชนรถม้า? รถม้าขององค์หญิงผู้นี้มีองครักษ์เพียงแค่สองคน ถ้านางไม่เรียกตัวเองว่าองค์หญิง ใครจะไปเดาออกว่าคนที่นั่งอยู่บนรถคือใคร
จะว่าไปแล้ว รูปลักษณ์ สำเนียงภาษา และเสื้อผ้าอาภรณ์ล้วนไม่เหมือนกับเชื้อพระวงศ์จงหยวน
องค์หญิงซยงหนูมองตามสายตาของเหยียนหรูอวี้ และเห็นอวี๋หวั่น
ในชั่วพริบตาเดียว อวี๋หวั่นก็คว้าแส้ขององค์หญิงซยงหนูเอาไว้แน่น
หลังจากที่สภาพความเป็นอยู่ทางบ้านดีขึ้น อวี๋หวั่นไม่สวมเสื้อผ้าเก่ามีรอยปะชุนออกไปข้างนอกอีก แต่เธอก็ไม่ได้ใส่เสื้อแพรไหมหรูหรา แต่เป็นเสื้อยาวสีขาวรัดเอว และสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงิน คาดเข็มขัดทับเอาไว้ด้านนอก ทำให้รูปร่างดูอรชรอ้อนแอ้น เอวคอด นิ้วเรียวสวย คองามระหง
เธอเกล้าผมเอาไว้อย่างเรียบง่าย เส้นผมสีดำขลับร่วงประบ่า ขับให้ผิวของเธอขาวสว่างประหนึ่งหยก
องคาพยพบนใบหน้างดงาม คิ้วโก่งดูเด็ดเดี่ยวราวกับวีรสตรี ทว่าไม่ได้ให้ความรู้สึกบีบบังคับผู้ใด ในทางกลับกัน สตรีผู้นี้กลับดูสงบนิ่ง
องค์หญิงแห่งซยงหนูเพิ่งเคยเห็นสตรีที่ทำให้คนละสายตาไม่ได้เช่นนี้ นางเป็นคนจริงๆ หรือ? ไม่ใช่ปีศาจใช่หรือไม่?
องค์หญิงซยงหนูเกลียดคนที่งามกว่าตนเป็นที่สุด
“ไม่ใช่” อวี๋หวั่นพูดอย่างไม่เกรงกลัวแต่ก็ไม่เย่อหยิ่ง “บ่าวคนนั้นผลักน้องชายข้าก่อน ข้าช่วยน้องข้า ในสถานการณ์คับขันเช่นนั้นข้ายั้งมือไม่อยู่ จึงดึงนางไป”
เรื่องนี้ไม่นับว่าเป็นเรื่องเท็จ เพียงแต่ว่าในตอนที่ดึงลี่จือ เธอเผลอใช้แรงมากไปสักหน่อย
เหยียนหรูอวี้กล่าวว่า “องค์หญิงอย่าไปฟังนางพูดจาไร้สาระ”
องค์หญิงซยงหนูกล่าวว่า “เจ้าก็หุบปาก! เรื่องนี้ข้าตัดสินใจเองได้!”
“เจ้าค่ะ” เหยียนหรูอวี้ตอบอย่างรู้มารยาท กระนั้นในใจของนางก็รู้สึกขุ่นเคือง องค์หญิงจากประเทศที่แพ้สงคราม ยังกล้ากำแหงต่อหน้านาง รอนางเป็นพระชายาของเยี่ยนอ๋องก่อน ดูสิว่านางยังจะกล้าโอหังอีกไหม!
องค์หญิงซยงหนูมองไปยังอวี๋หวั่น “เจ้ามานี่ มารับแส้ของข้าสามครั้ง ข้าจะละเว้นโทษประหารให้เจ้า!”
น้ำเสียงของนางฟังดูราวกับว่าการถูกแส้ของนางฟาดเป็นเกียรติยศเหลือคณานับ
อวี๋หวั่นมองไปยังองค์หญิงแห่งซยงหนู “องค์หญิง ใต้อาณัติแห่งโอรสสวรรค์ จำต้องเคารพกฎหมาย ข้าไม่ได้ตั้งใจชนรถม้าขององค์หญิง องค์หญิงย่อมรู้ดี องค์หญิงเป็นเชื้อพระวงศ์ ข้าเป็นชาวบ้านธรรมดา ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าคนในรถม้าคือองค์หญิง? และแม้ว่าข้าจะไม่รู้ ข้าจะจงใจชนรถม้าของท่านไปเพื่ออะไร?”
องค์หญิงตอบว่า “ข้าไม่สน! เจ้าผลักคนมา! เจ้านั่นแหละที่เป็นคนชน! วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้า! เจ้าจะยอมให้ข้าตีดีๆ หรือจะให้องค์ครักษ์ของข้าจัดการ!”
“ห้ามตีท่านพี่ข้านะ!” เถี่ยตั้นน้อยระงับความกลัวเอาไว้ เขาเหยียดหลังตรง แล้วออกมายืนด้านหน้าของอวี๋หวั่น
องค์หญิงซยงหนูหวดแส้ใส่เขาทันที!
อวี๋หวั่นคว้าแส้เอาไว้
ยังมีคนที่คว้าแส้ของนางได้อีกหรือ? แส้ของนางไม่ถูกกับดินฟ้าอากาศของจงหยวนหรืออย่างไร?
องค์หญิงซยงหนูตวัดแส้อีกครั้ง ครานี้นางใช้กำลังภายใน พลังของนางแล่นผ่านแส้ตรงเข้าใส่อวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นรู้สึกประหนึ่งเส้นเลือดของเธอถูกเข็มทิ่มแทง เจ็บปวดราวกับหัวใจถูกไฟรน แววตาของเธอกระตุกวูบ แล้วกระชากอย่างแรง จนแส้หลุดออกจากมือขององค์หญิงชาวซยงหนู!
องค์หญิงซยงหนูรู้สึกชาไปทั้งมือ หากนางไม่ปล่อยมือ ก็คงต้องล้มหน้าคะมำลงมาอย่างไม่ต้องสงสัย
น่าขยะแขยง สตรีจงหยวนร้ายกาจถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?!
องค์หญิงชาวซยงหนูตกใจ จากนั้นก็เกิดโทสะขึ้นมา นางพูดด้วยภาษาซยงหนูว่า “ยืนบื้ออะไรอยู่เล่า? ยังไม่รีบเก็บมาให้ข้าอีก!”
“คนนิสัยไม่ดี! กล้ารังแกพี่สาวข้า! ข้าจะสู้กับเจ้า!” เถี่ยตั้นน้อยใช้วิชาหัวแข็งพุ่งเข้าหาองค์หญิงซยงหนู
อวี๋หวั่นจะจับเขาไว้ แต่กลับสายไปเสียแล้ว องครักษ์ทั้งสองเข้ามาขวางเธอเอาไว้
องค์หญิงซยงหนูมีวิทยายุทธ์ เจ้าเด็กโง่คนนั้นจะเข้าประชิดนางได้อย่างไรกัน?
“โอ๊ยยย”
ศีรษะของเถี่ยตั้นน้อยชนเข้าแล้ว เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้ชนเข้ากับท้องนุ่มๆ ของสตรี กลับชนเข้ากลับต้นขาแกร่ง
เถี่ยตั้นน้อยล้มก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น มึนงงจนเห็นดาววิบวับ
บุรุษผู้หนึ่งพยุงเถี่ยตั้นน้อยขึ้น “เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”
สะ…เสียงเพราะจังเลย…
ทำให้เถี่ยตั้นน้อยยิ่งรู้สึกมึนงงกว่าเดิม
องค์หญิงซยงหนูรีบเดินมาหาบุรุษผู้นั้นทันที “เหตุใดเจ้ามาช้าเช่นนี้? ชาวบ้านไม่รู้ประสาสองคนนี้ทำความผิด พวกเขาชนข้า ข้าสั่งให้เจ้านำตัวพวกเขาไปประหารเสีย!”
“โอ๊ยย” อวี๋หวั่นถูกองครักษ์ที่มีวรยุทธ์สูงส่งคนหนึ่งตีเข้าที่ไหล่ เจ็บจนไม่อยากเชื่อ
บุรุษผู้นั้นได้ยินเสียงเธอร้อง หัวใจของเขาก็รู้สึกเหมือนถูกบีบเค้น ไม่รู้ว่าตนเป็นอะไร เขาพุ่งเข้าไปช่วยดรุณีน้อยคนนั้นจากเงื้อมมือขององครักษ์ชาวซยงหนูโดยไม่สนอะไร
ถ้าอวี๋หวั่นไม่ได้ฟังผิด องค์หญิงคนนั้นบอกให้เขาฆ่าเธอ ทำไมเขาต้องช่วยเธอด้วย?
อวี๋หวั่นเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็เห็นใบหน้าหล่อเหลาอยู่ตรงหน้า “ทะ…ท่านพ่อ?”
อวี๋เซ่าชิงอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง “อาหวั่น?”
ผ่านไปหกปี พ่อลูกต่างเปลี่ยนไปมาก ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม อวี๋เซ่าชิงเป็นคนหนุ่มวัยละอ่อน บัดนี้เขาเป็นบุรุษฉกรรจ์ แต่กลับมีเสน่ห์ในแบบของผู้ใหญ่ ในตอนที่อวี๋เซ่าชิงจากไปนั้น ลูกสาวของเขาเพิ่งอายุสิบเอ็ดขวบ เขายากที่จะเชื่อว่านางเติบโตขึ้นถึงเพียงนี้…
เขาเรียกเธอว่าอาหวั่น ดูแล้วเธอน่าจะจำคนไม่ผิด
ผู้ชายคนนี้คือพ่อของเธอ พ่อของเธอกลับมาแล้ว!
เหยียนหรูอวี้กำผ้าเช็ดหน้าแน่น ไม่บังเอิญถึงเพียงนั้นกระมัง องค์รักษ์ขององค์หญิงซยงหนูเป็นบิดาของสตรีบ้านนอกคนนี้หรือ?
อวี๋เซ่าชิงสร้างความดีความชอบครั้งใหญ่ เขากลับเมืองหลวงมารับรางวัล แต่ก่อนจะได้รับนั้น เขาก็ยังคงรักษาตำแหน่งหัวหน้ากองพัน องค์หญิงซยงหนูใช้เหตุผลว่าคนไม่เพียงพอ บอกกับเซียวเจิ้นถิงว่านางต้องการคน เซียวเจิ้นถิงจึงสั่งให้อวี๋เซ่าชิงอารักขาคณะทูตกลับมาเมืองหลวง ไม่ใช่มาอารักขาองค์หญิงแต่เพียงผู้เดียว
ก่อนหน้านี้พวกเขาหยุดพักที่สถานีส่งสาร ทว่าองค์หญิงซยงหนูไม่อยู่ และเดินทางเข้าเมืองหลวงมาก่อน
อวี๋เซ่าชิงได้รับคำสั่งจากแม่ทัพใหญ่เซียวให้มาตามหานาง
“นางเป็นใครกัน?” องค์หญิงซยงหนูเดินเข้ามาพลางเอ่ยถามด้วยความขุ่นเคือง
แววตาของอวี๋เซ่าชิงปรากฏความอ่อนโยนที่เห็นได้ยากยิ่ง “ลูกสาวข้า”
“อะไรนะ?” องค์หญิงซยงหนูตื่นตะลึง
อวี๋หวั่นดึงเถี่ยตั้นน้อยเข้ามา “เถี่ยตั้น เรียกท่านพ่อสิ”
อวี๋เซ่าชิงอึ้งไป
เถี่ยตั้นน้อยเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ “อะไรกัน? พ่อข้าไม่ได้ตายไปแล้วหรอกหรือ?”
“ฮัดชิ่ว!” อวี๋เซ่าชิงจามอย่างหนัก
อวี๋หวั่นขบกรามแน่น ใครปากดีมาบอกน้องของเธอแบบนี้กัน? กลับไปเธอจะสับให้เละเชียว!
อยู่ๆ ป้าไป๋ซึ่งนอนอยู่ในบ้านก็รู้สึกหนาวจนขนลุกซู่…
“เจ้ามีลูกได้อย่างไรกัน?” องค์หญิงเอ่ยถามอย่างโกรธเคือง
อวี๋เซ่าชิงตอบด้วยสีหน้าขึงขังว่า “ข้าแต่งงานแล้ว ก็ต้องมีลูกเป็นธรรมดา”
เพียงแต่ไม่คิดว่าจะมีลูกถึงสองคน…ความสุขเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน จนเขาแทบตั้งตัวไม่อยู่
เขามองไปยังเถี่ยตั้นน้อยด้วยสายตาซึ่งเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความอ่อนโยน เถี่ยตั้นน้อยพูดขึ้นว่า “ท่านอย่าเพิ่งดีใจไป ไม่แน่ข้าอาจจะไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของท่านก็ได้”
อวี๋เซ่าชิงซึ่งรู้สึกประหนึ่งหัวใจถูกมีดกรีด “…”
……
เหยียนหรูอวี้เห็นว่าท่าทีขององค์หญิงซยงหนูปฏิบัติต่ออวี๋เซ่าชิงไม่เหมือนกับองครักษ์คนอื่น จึงรู้ว่าตนคงจัดการเรื่องนี้ไม่ได้ นางสะบัดแขนเสื้ออย่างเย็นชา ให้คนยกลี่จือซึ่งหมดสติขึ้นรถม้า แล้วมุ่งหน้ากลับจวนไป
“น่าผิดหวัง!” องค์หญิงซยงหนูกระทืบเท้าขึ้นไปนั่งบนรถม้าของตน
เพียงครู่เดียว เหล่าองครักษ์ของเซียวเจิ้นถิงก็ตามมาทัน
อวี๋เซ่าชิงพูดคุยกับพวกเขาอยู่หลายประโยค พวกเขาพยักหน้า เหลือบมององค์หญิงซยงหนูด้วยความเย็นชา จากนั้นก็พานางไป
อวี๋เซ่าชิงหันหลังมามองไปยังอวี๋หวั่นและเถี่ยตั้นน้อยซึ่งยืนอยู่ด้านหน้า เถี่ยตั้นน้อยไม่เคยพบหน้าเขามาก่อน แน่นอนว่าเขาไม่ได้เข้าใกล้อวี๋เซ่าชิงเท่าไรนัก ทว่าบุตรสาวก็ไม่พบหน้าเขามาหกปี คิดแล้วก็ไม่แปลกใจที่รู้สึกไม่คุ้นเคย
อวี๋เซ่าชิงผู้ซึ่งสังหารศัตรูอย่างปราศจากความกังวล กลับกลายเป็นคนพูดจาตะกุกตะกักในบัดดล “อะ…อาหวั่น…”
อวี๋หวั่นจับมือซึ่งเต็มไปด้วยแผลเป็นของเขา แล้วยิ้มน้อยๆ “ท่านพ่อ กลับบ้านกันเถอะ”

……………………………………..

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset