หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 277.1 เจียงน้อยจอมเจ้าเล่ห์ออกโรง จบสิ้น (1)

องค์ประมุขไม่เคยถูกคนตอกกลับเช่นนี้มาก่อน เขาตกตะลึงเป็นเวลานานทีเดียวกว่าจะได้สติกลับคืน
 
เป็นถึงประมุขของอาณาจักร กลับถูกเด็กคนหนึ่งตอกกลับจนเสียอาการ กล่าวได้ว่าช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก
 
อย่างไรก็ตาม คำพูดเพียงด้านเดียวของเด็กคนนี้ไม่เพียงพอที่จะใช้เป็นหลักฐาน อย่างไรก็ต้องได้รับการตรวจสอบ
 
นี่ไม่ใช่เรื่องยาก นายท่านรองของสกุลเห้อเหลียนที่เพิ่งกลับมาอยู่ในเมืองหลวง ส่งคนไปตามเขามาสอบสวนก็สิ้นเรื่อง
 
หลังจากเห้อเหลียนเป่ยหมิงและเยี่ยนจิ่วเฉา อวี๋เซ่าชิงก็ถูกนำตัวเข้าไปในวังเช่นกัน
 
อวี๋เซ่าชิงเข้าวังหนานจ้าวเป็นครั้งแรก ยังรู้สึกแปลกใหม่แต่น่าเสียดายที่ยังไม่ทันชื่นชมทิวทัศน์ของพระราชวัง ก็ถูกขันทีหวังผู้มีสีหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็ง(ทว่าภายในหวั่นไหวสุดขีด)นำตัวไปยังตำหนักจินหลวน
 
เมื่อองค์ประมุขมองเห็นใบหน้าของอวี๋เซ่าชิง ก็รู้ได้ทันทีว่าเขาเป็นบุตรชายของหนิวตั้น
 
องค์ประมุขเติบโตมาพร้อมกับหนิวตั้น ยามที่ความสัมพันธ์ของพวกเขาสนิทสนมกันมากที่สุด กระทั่งกางเกงก็เคยสวมตัวเดียวกันได้ นับได้ว่าเป็นเพื่อนในยามตกทุกข์ได้ยาก
 
ยามนั้นบุตรชายคนเล็กของหนิวตั้นตกจากหน้าผา เขาเองก็รู้สึกเศร้ามากเช่นกัน
 
แม้จะบอกว่ามีชีพต้องเห็นกาย หากตายต้องเห็นศพ แต่ในใจของเขาก็ไม่รู้สึกว่าเด็กคนนั้นยังมีชีวิตอยู่ ที่เห้อเหลียนเป่ยหมิงออกตามหาน้องชายมานานหลายปี ดูแล้วเขาทำไปเพราะคำนึงถึงความรู้สึกฮูหยินผู้เฒ่าเท่านั้น
 
เป็นเรื่องดีที่บุตรชายของหนิวตั้นไม่ได้ตาย แต่ไม่ทราบด้วยเหตุใด ในใจองค์ประมุขจึงไม่รู้สึกโปรดปรานบุตรชายคนเล็กของหนิวตั้นนัก
 
เห็นได้ชัดว่าบุตรชายคนเล็กผู้นี้เหมือนหนิวตั้นมากกว่า แต่เหตุใด…ตนถึงอยากจัดการเขามากขนาดนี้?
 
เขาไม่มีความเกลียดชังใดต่อหนิวตั้นนี่!
 
ตอนแรกเขาก็อยากจัดการกับราชบุตรเขย แต่นั่นเป็นเพราะราชบุตรเขยฉกอัญมณีล้ำค่าในมือของเขาไป แต่อวี๋เซ่าชิงมิได้ทำเช่นนั้น ความรู้สึกไม่พอใจยามที่มองอีกฝ่ายคืออะไรกัน?
 
ความรู้สึกแปลกประหลาดเช่นนี้ก็เกิดขึ้นกับอวี๋เซ่าชิงเช่นกัน
 
เห็นได้ชัดว่ายามที่พบฮ่องเต้แห่งต้าโจวเขาไม่ได้รู้สึกอะไร แต่เมื่อพบกับองค์ประมุขแห่งหนานจ้าวกลับรู้สึกหงุดหงิดยิ่งนัก
 
เขายังพินิจอย่างละเอียดถี่ถ้วนว่าเสื้อผ้าของเขาเหมาะสมมากเพียงใด
 
แปลกยิ่งนัก บุรุษผู้นี้ไม่ใช่พ่อตาของเขา เหตุใดต้องกังวลขนาดนี้?
 
ทันใดนั้นบรรยากาศภายในตำหนักจินหลวนก็แปลกประหลาดขึ้นทุกที องค์ประมุขและอวี๋เซ่าชิงแลกเปลี่ยนสายตาเชือดเฉือน โดนไม่มีใครเอื้อนเอ่ยสิ่งใด
 
หากมิใช่เพราะแน่ใจว่าฝ่าบาทมีพระทัยรักมั่นต่อฮองเฮา ขันทีหวังก็เกือบคิดว่าฝ่าบาทมีใจหมายมั่นให้สตรี(บุรุษ)วัยกลางคนผู้งดงามท่านนี้เป็นสนมเสียแล้ว!
 
“อะแฮ่ม” องค์ประมุขตระหนักถึงความผิดปกติของตนเอง จึงรีบถอนสายตาและถามด้วยท่าทีสง่าผ่าเผย “เจ้าก็คือเห้อเหลียนเป่ยอวี้รึ?”
 
อวี๋เซ่าชิงอยากจะยืดเอวแล้วกล่าวว่า ‘ข้าคืออวี๋เซ่าชิง’ แต่เมื่อคำพูดนั้นมาถึงริมฝีปาก ก็กลับรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย
 
“พ่ะย่ะค่ะ” เขากล่าว
 
“เขาเป็นอะไรกับเจ้า?” องค์ประมุขเหลือบมองเยี่ยนจิ่วเฉาที่อยู่ข้างๆ
 
ไอ้ลูกเขยตัวเหม็น
 
อวี๋เซ่าชิงกล่าว “ลูกเขยของกระหม่อม เยี่ยนจิ่วเฉา”
 
องค์ประมุขตรัสอีกครั้ง “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเติบโตมาในต้าโจว?”
 
อวี๋เซ่าชิงตอบ “พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเป็นเด็กที่บิดาบุญธรรมรับมาจากข้างถนน กระหม่อมก็ไม่รู้ว่าถูกผู้ใดพาไปที่ต้าโจว แต่อย่างไรก็ตาม กระหม่อมถูกบิดาบุญธรรมพากลับบ้านและเลี้ยงดูมาในหมู่บ้านเล็กๆ”
 
องค์ประมุขกวาดตามองเขาอย่างครุ่นคิด “อวี๋โหวที่มีคุณูปการในโยวโจวก็ชื่ออวี๋เซ่าชิง”
 
“เป็นกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะ” อวี๋เซ่าชิงกล่าว
 
ในที่สุดองค์ประมุขก็อดไม่ได้ที่จะก่นด่าสาปแช่งในใจ เทพสงครามแห่งหนานจ้าววิ่งไปสร้างบุญคุณให้ชาวต้าโจว นี่มันเรื่องห่าเหวอันใดกัน?
 
เคราะห์ดีที่ทั้งสองประเทศไม่เคยทะเลาะกัน มิฉะนั้นหากพี่น้องฟาดฟันกันเอง ก็ยังไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้ที่อยู่รอดจนถึงสุดท้าย
 
องค์ประมุขโบกมือ “เอาละ เจ้ากลับไปได้แล้ว”
 
อวี๋เซ่าชิงเป็นท่านโหวแห่งต้าโจว บุตรสาวของเขาแต่งงานกับซื่อจื่อแห่งเมืองเยี่ยน องค์ประมุขเชื่อว่าเห้อเหลียนเป่ยอวี้ไม่ได้โง่ถึงกับยกเรื่องที่เพียงสอบถามขุนนางต้าโจวก็รู้จริงเท็จมาหลอกลวงตนเอง
 
“เช่นนั้นลูกเขยกระหม่อม…”
 
“ข้าจะไม่ลงโทษเขา”
 
“พี่ใหญ่ของกระหม่อม…”
 
“ไร้ความผิด”
 
“บ้านภรรยากระหม่อม…”
 
“อย่ากำเริบให้มากนัก!”
 
อวี๋เซ่าชิงหุบปากลงด้วยความแค้นใจ
 
ก็ได้
 
กลับก็กลับ
 
องค์ประมุขกดคิ้วที่เหนื่อยล้า พลันถอนหายใจให้เยี่ยนจิ่วเฉาที่อยู่ด้านข้าง “เจ้าก็ลงไปเถิด ความผิดของเจ้าถูกยกเว้น แต่ความผิดของบิดาเจ้าไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย ข้าต้องการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด เพื่อหาคำอธิบายแก่เจ้าและราษฎรใต้หล้า ส่วนวิธีลงโทษเขา ข้าจะตัดสินใจเอง แต่ไม่ว่าข้าจะตัดสินใจอย่างไร หวังว่าเจ้าจะเข้าใจ เจ้าก็คือเจ้า บิดาของเจ้าก็คือบิดาของเจ้า”
 
อย่าได้เกลียดหนานจ้าว เพียงเพราะข้าฆ่าพ่อเจ้า อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นเขยของสกุลเห้อเหลียน
 
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้ตอบว่าได้หรือไม่ เขาเดินจากไปโดยไม่หันกลับมา
 
ด้วยท่าทีไม่รู้ร้อนรู้หนาวของเขา องค์ประมุขไม่ทราบว่าเพราะเขาเข้าใจเรื่องความชอบธรรมดี หรือเพราะเขาไม่ได้สนใจใยดีราชบุตรเขยกันแน่
 
เมื่อนึกถึงสิ่งที่บรรดาทูตที่เดินทางกลับมากล่าวถึงเยี่ยนจิ่วเฉา ก็รู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้พูดเกินจริง เจ้าคนสติฟั่นเฟือนผู้นี้ เป็นเจ้าบ้าที่ทำให้คนเป็นบ้าได้จริงๆ
 
หลังจากใช้เวลากับเจ้าบ้าเพียงไม่นาน องค์ประมุขก็รู้สึกว่าจิตใจของตนเองดูผิดปกติไปเล็กน้อย…
 
เขานั่งลงรวบรวมความคิด มองไปที่ประมุขหญิงที่ตกตะลึงกับฉากนี้จนพูดไม่ออก “กลับไปที่จวนของเจ้า! หากไม่มีคำสั่งจากข้า เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากจวนเพียงก้าวเดียว!”
 
ประมุขหญิงหน้าซีดขาว “เสด็จพ่อ…”
 
องค์ประมุขตรัสอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “เจ้าไม่ต้องไปว่าราชการชั่วคราว ข้าจะหาคนมารับหน้าที่แทนเจ้า ช่วงนี้เจ้าจงไปสำนึกความผิดอยู่ในจวนเสีย! เป็นถึงตี้จีแห่งหนานจ้าว สิ่งที่เจ้าทำคู่ควรกับการเป็นประมุขหญิงหรือไม่!”
 
นางทำให้เสด็จพ่อผิดหวัง
 
แม้จะเอาแต่ใจมานาน นางก็ไม่เคยทำให้เสด็จพ่อต้องผิดหวัง
 
ครานั้นนางยังเด็กไม่รู้ประสา แต่ตอนนี้นางเป็นถึงขุนนาง เป็นผู้ปกครอง เป็นภรรยา และเป็นแม่คน นางไม่มีสิทธิ์ที่จะเอาแต่ใจอีกต่อไป
 
นางย่อกายก้มหัว “ลูก…ขอทูลลา”
 

 
ด้านนอกวัง อิ่งสือซันกับอิ่งลิ่วรออยู่นานแล้ว อวี๋เซ่าชิงที่มาทีหลังก็ขึ้นรถม้ากลับจวนไปแล้ว เหตุใดคุณชายของพวกเขาถึงอยู่ที่นั่นนานขนาดนี้?
 
ขณะที่ทั้งสองเกือบจะทนไม่ไหว หมายจะเข้าวังไปสอบสวนเหตุการณ์ เยี่ยนจิ่วเฉาก็ดันรถเข็นที่มีเห้อเหลียนเป่ยหมิงนั่งออกมาได้โดยปลอดภัย
 
“คุณชาย ท่านแม่ทัพใหญ่” ทั้งสองเดินเข้ามาคำนับข้างหน้า
 
อิ่งสือซันรับรถเข็นต่อจากเยี่ยนจิ่วเฉา
 
อวี๋กังรีบมุ่งหน้าเข้ามา “ให้ข้าทำเอง”
 
อิ่งสือซันส่งรถเข็นให้เขา
 
“ท่านแม่ทัพใหญ่ คุณชายใหญ่ พวกท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” อวี๋กังถามอย่างเป็นห่วง
 
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว “ไม่เป็นไร ขึ้นรถม้าเถิด”
 
“อื้ม!” อวี๋กังเข็นเห้อเหลียนเป่ยหมิงขึ้นไปบนรถม้า
 
เยี่ยนจิ่วเฉาก็ขึ้นรถม้าของตนเองเช่นกัน
 
รถม้าสองคันขับตามกันไปยังจวนเห้อเหลียน
 
อิ่งสือซันนั่งบังคับรถม้าอยู่ด้านนอก
 
ไข่ดำลิ่วที่สาบานว่าจะเปลี่ยนกลับไปเป็นน้ำเต้าหู้ลิ่ว บากหน้าเข้าไปนั่งอยู่ในรถม้า
 
อิ่งลิ่วมองคุณชาย เมื่อเห็นว่าเขาอารมณ์ดี จึงคิดจะพูดคุยกับเขา “จริงสิ คุณชาย พวกเรายังไม่ได้ทำอะไร ท่านแม่ทัพใหญ่ก็ออกมาได้อย่างปลอดภัย เป็นเพราะท่านคาดเดาบางอย่างไว้แต่แรกแล้วใช่หรือไม่?”
 
“เหตุผลที่ข้าอยู่ที่จวนเห้อเหลียนสมเหตุสมผล หากเห้อเหลียนเป่ยหมิงจะแก้ตัวก็ย่อมได้ ทว่าเขากลับไม่ปริปากพูดอะไรสักคำ ยอมให้ถูกส่งตัวเข้าห้องขัง…ต้องมีคนที่ทำให้เขาไม่ต้องการพูดเรื่องนี้เป็นแน่”
 
“หือ?” อิ่งลิ่วไม่เข้าใจ
 
อิ่งสือซันขับไปพลางเอ่ยไปพลาง “เพราะหากพูดไป แผนของท่านอ๋องก็จะดำเนินต่อไปอีกไม่ได้”
 
หากเห้อเหลียนเป่ยหมิงเปิดเผยตัวตนของคุณชายกับพระชายาซื่อจื่อเสียก่อน คุณชายและสกุลเห้อเหลียนจะกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ ทว่าจวนประมุขหญิงก็จะไม่ถูกลากลงไปในน้ำด้วย
 
“ท่านอ๋อง? ท่านอ๋องที่ใด? เยี่ยน…เยี่ยนอ๋องหรือ?” อิ่งลิ่วยิ่งสับสน
 
อิ่งสือซันส่ายหัว เจ้าทึ่มนี่ ยังจะมีผู้ใดได้อีกนอกจากเยี่ยนอ๋อง?
 
หากจะบอกว่าอิ่งสือซันเดาออกได้อย่างไร ต้องเริ่มตั้งแต่นาทีแรกที่ตัวตนของราชบุตรเขยถูกเปิดเผย มีคนที่รู้ว่าเขาคือเยี่ยนอ๋องไม่มากนัก จวนประมุขหญิงไม่มีทางเปิดโปงเขา คุณชายยิ่งไม่มีทางทำเช่นนั้น นอกเสียจากตัวเขาเอง
 
เขาเดาว่า ราชบุตรเขยได้คำนวณไว้อยู่ก่อนแล้ว ว่าจวนประมุขหญิงจะรายงานเกี่ยวกับตัวตนของคุณชาย เขาจึงส่งจดหมายบอกเห้อเหลียนเป่ยหมิง ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้นให้เขาปิดปากเงียบ
 
ส่วนวิธีที่จะทำให้เห้อเหลียนเป่ยหมิงเชื่อใจเขาก็ขึ้นอยู่ที่ความสามารถของเขาแล้ว
 
หากเจ้ากล้าแตะต้องบุตรชายข้า ข้าก็จะจัดการกับสามีเจ้า แม้ว่าสามีผู้นั้นจะเป็นตัวของเขาเองก็ตาม
 
อิ่งสือซันทอดถอนใจ “เยี่ยนอ๋องทำเช่นนี้เพื่อคุณชายด้วยใจของท่านจริงๆ”
 

 
ประมุขหญิงกลับไปที่จวนด้วยความโกรธแค้น
 
หนานกงหลีเห็นว่ามีเพียงนางที่ลงมาจากรถม้า จึงรีบเอ่ยถาม “ท่านแม่ ท่านพ่อเล่า? มิได้กลับมากับท่านหรือ?”
 
ประมุขหญิงกล่าวอย่างหดหู่ “ไม่ต้องพูดแล้ว เขาถูกกักตัวไว้ในวัง”
 
“เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร?” หนานกงหลีประหลาดใจ
 
ประมุขหญิงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักจินหลวนทั้งหมดให้บุตรชายฟัง
 
หนานกงหลีตะลึง “หากเป็นเช่นนี้ นอกจากเยี่ยนจิ่วเฉาที่ไม่ใช่ตัวจริง นอกนั้น…นอกนั้นเป็นคนของสกุลเห้อเหลียนจริงๆ เช่นนั้นหรือ?”
 
นี่มันน่าตกใจเกินไปหรือไม่?
 
ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าพวกเขามีสายเลือดของสกุลเห้อเหลียนอยู่จริงๆ
 
เยี่ยนจิ่วเฉาเป็นคุณชายใหญ่ตัวปลอม ภรรยาของเขาก็จำต้องไม่ใช่ตัวจริงเช่นกัน ที่เรียกว่าคู่สามีภรรยาบ้านรองก็เป็นของปลอมที่สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกลวงเท่านั้น แต่ใครจะคาดคิดละว่าสามอย่างนี้…จะเป็นจริงมากขึ้นเรื่อยๆ! ! !
 
คำนวณเยี่ยนจิ่วเฉาถูก คำนวณตี้จีองค์โตถูก แต่กลับคำนวณอวี๋เซ่าชิงผิดไป!
 
เขากลับเป็นบุตรชายคนรองจากภรรยาเอกของสกุลเห้อเหลียนจริงๆ! ! !
 
คนผู้นี้…จะโชคดีเกินไปแล้วไหม?!
 
หนานกงหลี ไม่อาจหายใจได้อย่างราบรื่น
 
ประมุขหญิงไม่มีเวลาปลอบโยน นางกัดฟันกล่าว “…บอกว่าเป็นคนจากเมืองชิงเหออันใด? นี่คงกลัวว่าจะมีคนปองร้ายครอบครัวของพวกเขามากกว่ากระมัง? แต่ก็ซุกซ่อนไว้ได้มิดชิดดียิ่งนัก!”
 
แน่นอน ตอนนี้พวกเขาไม่กลัวอีกแล้ว เพราะประมุขหญิงแย่งชิงบิดาของเยี่ยนจิ่วเฉาไป ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องบาดหมางกับเยี่ยนจิ่วเฉาและบ้านพ่อตาของเขา หากมีอะไรเกิดขึ้นกับสกุลอวี๋ จวนประมุขหญิงย่อมเป็นฝ่ายแรกที่ถูกสงสัย!
 
ทว่านี่ยังมิใช่เรื่องน่าปวดหัวที่สุดสำหรับประมุขหญิง
 
“เจ้าบอกข้าว่าพระชายาซื่อจื่อเป็นบุตรสาวของตี้จีองค์โต แต่เดิมข้าก็คิดว่าไม่เป็นอะไร องค์ประมุขเกลียดตี้จีองค์โต ยิ่งนัก เขาก็คงจะเกลียดบุตรสาวของนางด้วยเช่นกัน เยี่ยนจิ่วเฉาเป็นเชื้อพระวงศ์ของต้าโจว น้ำไกลยากจะดับไฟใกล้ สองแม่ลูกตี้จีองค์โตไม่มีสิ่งใดให้ต้องกลัวเลย แต่ยามนี้ ตี้จีองค์โตไปเป็นสะใภ้ของสกุลเห้อเหลียน…ที่แย่ไปกว่านั้น เห้อเหลียนเป่ยหมิงพิการ สามีของนางก็จะเป็นผู้สืบทอดสกุลเห้อเหลียนคนถัดไป!
 
………………………

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset