บทที่ 24 เหยียนหรูอวี้โมโหสุดขีด (1)
โดย
Ink Stone_Romance
ลุงวั่นเข้าวังตั้งแต่ยังเด็ก เขาหน้าตาน่าเกลียด ไม่ได้รับความเอ็นดู ไม่มีเจ้านายชั้นสูงคนใดสนใจเขา สุดท้ายแล้วจึงถูกส่งไปยังตำหนักเย็น
ตำหนักเย็นเป็นที่พำนักของฮองเฮาซึ่งถูกทอดทิ้งของฮ่องเต้จิ่งหยางตี้ รวมไปถึงองค์ชายที่นางให้กำเนิดอีกสองคน องค์ชายคนเล็กอายุเท่ากับเขา ในตอนนั้นเขาไม่รู้ประสา เหล่าขันทีก็ให้เขารับใช้องค์ชายอย่าง ‘เต็มที่’ เขาเองก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจดูแลองค์ชายจริงๆ ขันทีในตำหนักเย็นทยอยกันลาลับโลกไปทีละคนๆ เขาเป็นเพียงคนเดียวที่เติบโตมาพร้อมกับองค์ชายทั้งสอง
วันหนึ่ง องค์ชายใหญ่เรียกหาเขา บอกเขาว่า “วั่นก้วนไฉ ข้าอยากออกไปจากตำหนักเย็น เจ้าสามารถช่วยข้าได้หรือไม่?”
เขาพยักหน้า
องค์ชายใหญ่ส่งยาพิษให้เขา “นำไปใส่ในชามของน้องหก”
เขาตกใจกลัว “ไม่ได้นะองค์ชาย! องค์ชายหกเป็นน้องชายของพระองค์ ท่านอยากออกไปจากตำหนักเย็น ก็ไม่จำเป็นต้องทำร้ายเขานี่!”
องค์ชายใหญ่ยังอ่อนเยาว์นัก แต่เขามีความน่าเกรงขามของฮ่องเต้ “ข้าให้เจ้าทำ เจ้าก็ไปทำ! หากยังพูดพล่ามอีก ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!”
แน่นอนว่าลุงวั่นไม่ได้ทำ เขาเติบโตมากับองค์ชายหก จะไปวางยาเขาลงคอได้อย่างไรกัน?
ลุงวั่นวิ่งไปยังห้องขององค์ชายหก ปลุกเขาให้ตื่นจากนิทรา “องค์ชายหก องค์ชายหกตื่นเร็ว! ท่านรีบเก็บของหนีไปจากตำหนักเย็นเร็ว!
“เหตุใดข้าต้องหนีด้วย?” องค์ชายหกเอ่ยถาม
“ท่าน…ท่าน…” ลุงวั่นไม่อาจบอกว่าองค์ชายใหญ่จะวางยาเขา “กระหม่อมได้ข่าวมาว่า มะ…มีคนจะลอบสังหารพระองค์”
องค์ชายหกเลิกผ้าห่มออก แล้ววิ่งออกไป แทนที่จะหนีออกจากตำหนักเย็น เขากลับวิ่งไปยังห้องหนังสือขององค์ชายใหญ่ “พี่ใหญ่! มีคนจะฆ่าพวกเรา! รีบหนีกันเถอะ!”
ลุงวั่นยืนอยู่หน้าประตูห้องหนังสือ เงามืดปกคลุมใบหน้าขององค์ชายใหญ่ ในตอนนั้นลุงวั่นรู้ดีว่าคงถึงฆาตของตนและองค์ชายหกแล้ว…ทว่าสิ่งที่ลุงวั่นคาดไม่ถึงก็คือ องค์ชายใหญ่ไม่เพียงปล่อยให้เขาและองค์ชายหกอยู่รอดปลอดภัย หลังจากขึ้นครองบัลลังก์ ยังมอบหมายให้ตนไปอยู่กับองค์ชายหกอีกด้วย ซึ่งภายหลังก็คือเยี่ยนอ๋องนั่นเอง
บางเรื่องลุงวั่นก็เดาไม่ออก แต่เรื่องที่สามารถบอกได้อย่างแน่แท้ก็คือ ฝ่าบาทปฏิบัติต่อจวนเยี่ยนอ๋องไม่เหมือนเดิม
ลุงวั่นบุกเข้าไปในคุกหลวง
ทหารยามเหล่านี้ไม่เคยแม้แต่จะชักดาบออกจากฝัก เมื่อเห็นคนจากจวนคุณชายก็ตื่นกลัวทันที
อิ่งสือซันคิดในใจว่า ตาเฒ่าวั่นจัดการเรื่องนี้เองได้ เหตุใดต้องให้องครักษ์อย่างตนมาด้วยเล่า?
เขางานยุ่ง เข้าใจบ้างหรือไม่?!
“ขังคนเอาไว้ที่ใด?” ลุงวั่นจับทหารยามคนหนึ่งไว้
ผู้คุมและรองผู้คุมคุกหลวงไม่อยู่ ทหารยามไม่กล้าโจมตีคนของจวนคุณชาย มิเช่นนั้นคงมีนับสิบหัวที่ถูกคุณชายเยี่ยนบั่นคอ
เขาชี้ไปยังห้องทรมานนักโทษ “อยู่…อยู่ในห้องทรมานตัวอักษร ‘เทียน (天)’”
คุกหลวงของราชวงศ์นี้แบ่งประเภทโดยใช้ตัวอักษรเทียน(天) ตี้ (地) และเสวียน(玄) ตัวอักษรเสวียนคือห้องไต่สวนทั่วไป ไม่มีเครื่องทรมาน ทว่าตั้งแต่ห้องตัวอักษรตี้ขึ้นไป ก็เต็มไปด้วยเครื่องทรมานที่ทำให้รู้สึกขนพองสยองเกล้า ห้องตัวอักษรเทียนเป็นห้องที่ใช้ไต่สวนและทรมานนักโทษที่โหดร้ายป่าเถื่อน เมื่อเข้าไปก็จะมิได้เร่งร้อนไต่สวน แต่จะทรมานก่อนครั้งหนึ่ง จะเรียกว่าโหดเหี้ยมเป็นที่สุด จนนักโทษต้องยอมรับสารภาพก็ย่อมได้
ลุงวั่นหนังตากระตุกทันที “เข้าไปนานเท่าไรแล้ว?”
“หนึ่ง…หนึ่งชั่วยามขอรับ” ทหารยามตัวสั่นเทิ้ม
ลุงวั่นโมโหจนแทบทนไม่ไหว “อิ่งสือซัน!”
อิ่งสือซันปราดเข้าไปหน้าห้องทรมานตัวอักษรเทียนอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า ขาหนึ่งถีบประตู! ขณะที่กำลังจะเข้าไปช่วยคน กลับถูกภาพเหตุการณ์ตรงหน้าทำให้ตกตะลึงพรึงเพริด
ลุงวั่นกระวีกระวาดเข้าไป แล้วก็ต้องตะลึงงันเช่นกัน
……
หลังจากที่ลุงวั่นและอิ่งสือซันเข้าไปในคุกหลวง เยี่ยนจิ่วเฉาเองก็ออกจากจวนคุณชาย เขาพาอิ่งลิ่วเข้าวัง
เขาเดินเข้าวังได้ง่ายดายประหนึ่งเดินเข้าสวนดอกไม้บ้านตน ไม่มีผู้ใดอาจหาญพอจะหยุดเขา
เขาตรงไปยังห้องทรงพระอักษร ขันทีวังอยู่หน้าประตูห้อง เมื่อเห็นว่าเยี่ยนจิ่วเฉามา ก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ขณะที่กำลังจะเอ่ยปากพูด เยี่ยนจิ่วเฉาก็เดินผ่านหน้าเขาเข้าห้องไปแล้ว เหลือเพียงอิ่งลิ่ว ต่างคนต่างมองหน้ากัน
“เจ้ามาขอร้องแทนอวี๋เซ่าชิงเหมือนกันหรือ?” ฮ่องเต้นั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ มองไปยังเยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งมาเองโดยมิได้รับเชิญ
เยี่ยนจิ่วเฉากวาดตามอง ก็พบว่าวันนี้ห้องทรงพระอักษรคึกคักเป็นพิเศษ ทั้งองค์ชายรองเยี่ยนไหวจิ่ง องค์ชายรองซึ่งมากับคณะทูตจากซยงหนู หัวหน้าสำนักบัณฑิตเกาหย่วน ทั้งหมดล้วนอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์
ฮ่องเต้แค่นเสียง ‘หึ’ ขึ้นจมูก “ไม่ต้องมองแล้ว พวกเขาล้วนมาขอร้องแทนอวี๋เซ่าชิง เราเริ่มจะไม่เข้าใจแล้ว หัวหน้ากองพันธรรมดาคนหนึ่ง มีความสามารถอันใด ถึงขนาดทำให้โอรสของเรา ขุนนางของเรา ทูตที่มาผูกมิตรของเรา…”
พระองค์เหลือบมองเยี่ยนจิ่วเฉา แล้วจึงเปล่งเสียงลอดไรฟันว่า “ทั้งยังมีหลานชายสุดที่รักของเรา ทุกคนล้วนมาขอร้องแทนเขา!”
ในสี่คนนี้ มีสามคนที่ไม่รู้จักกับอวี๋เซ่าชิง อีกคนหนึ่งรู้จักอวี๋เซ่าชิงในฐานะคู่สงคราม พวกเขาสติฟั่นเฟือนไปแล้วหรือ หรือว่าโอรสสวรรค์วิปลาสไปเสียเอง?
เกาหย่วนก้มหน้า เขามาขอร้องแทนอวี๋เซ่าชิง ก็เพราะรู้ดีว่าอวี๋เซ่าชิงถูกใส่ร้าย เขาซื่อสัตย์และภักดี ไม่ควรถูกลงโทษ ส่วนการมาถึงของอีกสามคนนั้น เขารู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย
เยี่ยนไหวจิ่งรู้เพียงว่าเยี่ยนจิ่วเฉามาด้วยเหตุใด แต่สำหรับเกาหย่วนและองค์ชายรองซยงหนู เขาไม่เข้าใจแม้แต่น้อย
องค์ชายรองซยงหนูถูกน้องสาวบังคับมา องค์หญิงซยงหนูให้เขานำข้อความมาทูลว่า หากไม่ปล่อยอวี๋เซ่าชิงออกมา นางก็จะนอนอยู่หน้าประตูคุกหลวง!
เยี่ยนจิ่วเฉามองไปยังทั้งสามคนอย่างไม่สบอารมณ์
“กระหม่อม…กระหม่อมขอตัว!”
ยิ่งมีคนขอร้องให้อวี๋เซ่าชิงมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้ชีวิตของอวี๋เซ่าชิงไปจ่ออยู่ปลายเหวมากเท่านั้น
เกาหย่วนถอยออกไปอย่างรู้งาน
องค์ชายรองรู้เหตุผลข้อนี้ดี จึงค้อมตัว “เสด็จพ่อ ลูกขอตัว”
เมื่อองค์ชายรองซยงหนูเห็นว่าขุนนางที่ฮ่องเต้ไว้เนื้อเชื่อใจที่สุด และโอรสที่ฮ่องเต้ให้ความสำคัญมากที่สุดทยอยกันออกไป จึงรู้ว่าครานี้ตนมาเสียเที่ยวแล้ว เขายกมือขวาขึ้นแตะไหล่ซ้าย คำนับหนึ่งครั้ง “ข้ามีธุระต้องทำ ไม่รบกวนฝ่าบาทแล้ว”
“อะไร? เจ้าไม่ไปหรือ?” ฮ่องเต้มองไปยังเยี่ยนจิ่วเฉา
ทั้งสามคนซึ่งเดินไปถึงปากประตูหยุดชะงัก พวกเขาล้วนอยากได้ยินว่าเยี่ยนจิ่วเฉาผู้ซึ่งได้รับขนานนามว่าเป็นคนบ้า กล่าวอะไรกับโอรสสวรรค์ ทว่ายังไม่ทันได้ฟัง ลุงวั่นก็วิ่งตาลีตาเหลือกมา “แย่แล้วๆๆ เกิดเรื่องแล้ววว”
ฮ่องเต้ขมวดคิ้ว
“เกิดอะไรขึ้น?” เยี่ยนจิ่วเฉาถาม
ลุงวั่นหายใจหอบ “อวี๋…อวี๋เซ่าชิงหายไปแล้ว!”
เมื่อลุงวั่นรู้ว่าอวี๋เซ่าชิงถูกขังอยู่ในห้องทรมานตัวอักษรเทียน จึงรีบให้อิ่งสือซันเข้าไปช่วยอวี๋เซ่าชิง อิ่งสือซันถีบประตูเข้าไป ก็พบว่าห้องนี้เป็นเพียงห้องมืดเย็นยะเยือก อวี๋เซ่าชิงซึ่งควรจะถูกตรวนอยู่บนเครื่องทรมานก็หายไปแล้ว และพัศดีกลับถูกแขวนเอาไว้บนเครื่องทรมานแทน…ไม่มีผู้ใดรู้ว่าใครเป็นคนจับพวกเขาขึ้นไปแขวนไว้ แม้แต่พวกเขาเอง เมื่อลืมตาขึ้นจึงจะรู้ว่าตนถูกจับแขวนเอาไว้ พวกเขาตกใจกลัวจนแทบจะหมดสติไปอีกครั้ง!
“คุกหลวงมียอดฝีมือนับร้อยคน เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร? ไม่มีผู้ใดเห็นเลยหรือ?!” ฮ่องเต้โทสะพลุ่งพล่านจนกัดฟันกรอด “ดี อวี๋เซ่าชิงอาจหาญเหลือเกิน กล้าหลบหนีออกจากคุกหลวง! เพิ่มโทษอีกหนึ่งสถาน!”
ลุงวั่นกล่าวเสียงค่อยว่า “ฝ่าบาท อวี๋เซ่าชิงน่าจะไม่ได้หนีไปด้วยตนเองพ่ะย่ะค่ะ พัศดีที่รับผิดชอบการทรมานเขากล่าวว่าพวกเขาให้ยาหร่วนกู่ซั่นไปในปริมาณที่สามารถล้มวัวได้หนึ่งตัว”
ฮ่องเต้ทำหน้าบูดบึ้ง “เจ้าหมายความว่ามีคนบุกเข้าไปในคุกหลวงรึ?”
มีคนมาขอร้องอ้อนวอนแทนอวี๋เซ่าชิงก็แย่แล้ว ยังมีคนบุกเข้าคุกหลวงอีก ยังมีผู้ใดเห็นฮ่องเต้อย่างเขาอยู่ในสายตาหรือไม่?!
“พวกเจ้าสามคน กลับมาเดี๋ยวนี้!” ฮ่องเต้โมโหโกรธา แม้แต่องค์ชายรองแห่งซยงหนูก็โดนหางเลขไปด้วย
สามคนซึ่งกำลังก้าวข้ามธรณีประตู ก็หันหลังกลับเข้าไปยังห้องทางพระอักษรด้วยจิตใจอันห่อเหี่ยว
“หรือว่าพวกเจ้าเป็นคนทำ?” ฮ่องเต้เอ่ยถามอย่างดุดัน
ทั้งสามส่ายหน้าเรียงกันประหนึ่งคลื่น
“หรือว่าเป็นเจ้า” ฮ่องเต้ถามเยี่ยนจิ่วเฉา
เยี่ยนจิ่วเฉามองไปยังพระองค์ “ฝ่าบาทคิดว่าเป็นไปได้หรือไม่?”
ฮ่องเต้รู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน หากจะพาคนไป เขาจำเป็นต้องลักพาตัวด้วยหรือ? ต่อให้เขาลักพาตัวคนไป โดยไม่สลักบนผนังว่า ‘ข้าเคยมาที่นี่แล้ว’ ก็ดูจะไม่ใช่แนวทางของเยี่ยนจิ่วเฉาเท่าไรนัก
……………………………………………………….