ผู้ที่มีความอำนาจและทรัพย์สินมากพอล้วนแต่จ้างหน่วยกล้าตาย มีเพียงผู้ที่ไม่สามารถจ้างหน่วยกล้าตายได้เท่านั้นที่จะใช้ครึ่งหน่วยกล้าตาย เดิมทีมองจากท่าทางของพวกเขาแล้ว ทั้งสองยังลังเลอยู่เล็กน้อย แต่บัดนี้เห็นทีจะไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
บุรุษฉกรรจ์หนึ่งในนั้นพูดต่อว่า “ดูจากอาหารการกินกับเสื้อผ้าอาภรณ์ของพวกเขาล้วนเป็นของชั้นดี พวกเราเจอเหยื่อตัวใหญ่แล้วละ! รีบไปแจ้งพวกพี่น้องเร็ว จะได้จัดการพวกเขา!”
ทั้งสองพูดอย่างไรทำอย่างนั้น บุรุษฉกรรจ์อีกคนหนึ่งจึงไปเรียกพรรคพวกมาทันใด
พวกเขาเป็นกลุ่มโจรลักม้าที่ใหญ่และร้ายกาจที่สุดในทะเลทรายแห่งนี้ พวกเขาทั้งแข็งแกร่งและไร้พ่าย พวกเขาคือตำนานแห่งผืนทะเลทราย!
ทว่า ‘ตำนาน’ อย่างพวกเขา ยามเผชิญหน้ากับอิ่งสือซันและอาเว่ย ก็กลายเป็นเพียง ‘เรื่องตลก’ เท่านั้น
โจรลักม้าสามสิบกว่าคนล้มลงเป็นระนาว เจ้าครึ่งหน่วยกล้าตายที่ถูกพวกเขาดูแคลน กลับกลายเป็นผู้ที่โหดเหี้ยมที่สุด โจรลักม้าบางคนยังไม่ทันได้ลืมตามองก็ถูกอิ่งสือซันเด็ดศีรษะไปเสียแล้ว
“เร็ว! ร…รรร…รีบแจ้งหัวหน้าใหญ่! ”
บุรุษฉกรรจ์ซึ่งก่อนหน้านี้ลอบสอดแนมตกใจกลัวจนพูดไม่ออก
อีกคนหนึ่งบีบกระบอกไม้ไผ่ ลูกไฟลูกหนึ่งพุ่งขึ้นไปยังกลุ่มเมฆ ส่องแสงสว่างวาบไปทั่วท้องนภายามราตรี
“ผู้ใดกัน? มาทำร้ายลูกน้องของข้า! วอนตายซะแล้ว!”
เสียงร้องคำรามดังกัมปนาทจากเส้นขอบฟ้า ทรงพลังเสียจนชิงเหยียนกระอักเลือดสดออกมา
เป็นวรยุทธ์ที่น่ากลัวยิ่งนัก!
คนผู้นี้คือ…
ในความมืดมิด คนผู้นั้นว่องไวเสียจนมองเห็นเพียงเงาเลือนราง โจรลักม้าทั้งสามได้รับการช่วยเหลือให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของอิ่งสือซัน
ทว่าพวกเขายังไม่ทันได้มีปฏิกิริยาตอบสนอง เงานั้นก็พุ่งหมัดตรงไปยังกระโจมซึ่งดูหรูหราที่สุดตรงนั้น!
นั่นเป็นกระโจมของเยี่ยนจิ่วเฉา!
เยี่ยนจิ่วเฉาไร้วรยุทธ์ หากถูกฝ่ามือของเขาเข้าไป ย่อมต้องตายสถานเดียว!
ภายในชั่วพริบตาเดียว อิ่งสือซันและอาเว่ยก็ปราดเข้ามาด้านหน้ากระโจม ใช้แรงทั้งหมดที่มีรับฝ่ามือนั้นไว้
แต่ต่อให้ใช้สองแรงรับ ก็ยังไม่อาจทำอะไรเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้นต้องจำใจถอยหลังอีกหลายก้าวจนเกือบจะล้มก้นจ้ำเบ้า!
“หึ รับฝ่ามือของข้าได้ ดูแล้วคงไม่ธรรมดา เช่นนั้นก็ดี รับไปอีกฝ่ามือก็แล้วกัน!” บุรุษชุดสีเทาเอ่ยขึ้น พร้อมกับฟาดฝ่ามือออกไปยังอิ่งสือซันและอาเว่ยอีกครั้ง
ครั้งนี้เขาใส่วรยุทธ์ลงไปเพิ่มอีกสองส่วน
ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็รับไม่ไหว
อิ่งสือซันตะโกนว่า “พาคุณชายหนีไป!”
ชิงเหยียนพุ่งเข้าไปในกระโจม หมายจะพาเยี่ยนจิ่วเฉาออกมา
ทันใดนั้นเอง บุรุษชุดสีเทาก็เปลี่ยนเป้าหมายมาเป็นชิงเหยียน
“อาโต้ว!!!”
เสียงของอาม่าดังขึ้นจากกระโจมหลังหนึ่ง
บุรุษชุดสีเทาชะงัก จากนั้นจึงสะบัดแขนเสื้อ หยุดการโจมตีชิงเหยียน
ชิงเหยียนสูดหายใจเข้าลึกเพื่อตั้งสติ เขามองไปยังผู้เฒ่าซึ่งปรากฏตัวขึ้น “อาม่า เหตุใดท่านถึงออกมา”
ผู้เฒ่ากลับมิได้สนใจความเป็นห่วงเป็นใยของชิงเหยียน แต่กลับเดินตรงไปยังบุรุษชุดสีเทา
ชิงเหยียนหน้าถอดสี “อาม่า! ระวัง!”
บุรุษชุดสีเทายกมือขึ้น ความตกใจปรากฏบนใบหน้าอันแข็งกร้าวของเขา จากนั้นเขาก็คุกเข่าลงกับพื้น “ท่านนักบวช!”
อิ่งสือซันตะลึงงัน
อิ่งลิ่วและเยว่โกวก็ตะลึงงันเช่นกัน
อิ่งสือซันยังคงมองเขาอย่างระแวดระวัง เตรียมพร้อมพาคุณชายหนีทันทีที่คนผู้นี้เกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมา
ผู้เฒ่าพยุงเขาขึ้นมา “อาโต้ว เป็นเจ้าจริงหรือ?”
บุรุษชุดสีเทาซึ่งถูกเรียกว่าอาโต้วน้ำตาไหลอาบแก้ม “ท่านนักบวช! ข้าเอง!”
ไม่มีผู้ใดเรียกเขาว่าอาโต้วมานานเหลือเกิน จนเขาคิดว่าชีวิตนี้คงไม่มีวันได้ยินอีกแล้ว
“เจ้าดูแก่ลง…” อาม่าสะอึกสะอื้น
“ท่านก็ดูแก่ลง…” บุรุษชุดสีเทาก็สะอึกสะอื้น
อาม่า “…”
อยู่ๆ ก็ชักไม่อยากรู้จักเจ้านี่เสียแล้ว
“เอ่อ กะ…เกิดอะไรขึ้น” อิ่งลิ่วถามเยว่โกว
เยว่โกวตอบว่า “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน! ข้าไม่รู้จักเขา!”
“เจ้ารู้จักไหม?” อิ่งลิ่วแอบย่องเข้าไปด้านข้างชิงเหยียน
ชิงเหยียนส่ายหน้า “ข้าก็ไม่รู้จัก เจ้าดูอายุอานามของเขา ใกล้เคียงกับท่านแม่ทัพใหญ่เลย ตอนที่เขาเดินทางออกจากเผ่าไปอยู่ในยุทธภพ ข้าคงจะยังไม่เกิด”
อิ่งลิ่วมองค้อนเขา “เจ้าเองก็ไม่ได้อายุน้อยๆ”
ชิงเหยียน “เหอะ!”
คนที่ตกตะลึงไม่ได้มีเพียงอิ่งลิ่ว ทว่าเหล่าโจรลักม้าก็อยู่ในอาการงุนงงเช่นเดียวกัน
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“นั่นสิ หัวหน้ารู้จักกับพวกเขารึ?”
โจรลักม้ามองหน้ากันไปมา ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น ไฉนหัวหน้าของพวกเขาถึงไปคุกเข่าต่อหน้าเจ้าแก่นั่น มิหนำซ้ำยังพูดไปร้องไห้ไปอีกด้วย
นั่นคือหัวหน้าผู้องอาจของพวกเขาจริงหรือ?
บุรุษชุดสีเทาร่ำไห้เสียจนไม่เป็นผู้เป็นคน ผ่านไปพักใหญ่จึงหยุดร้อง เขากุมมืออาม่าพร้อมกับกล่าวว่า “ดีเหลือเกินที่ได้พบท่านผู้เฒ่า ที่นี่อากาศหนาว ไม่เหมาะกับท่านนักบวช หากไม่รังเกียจ เชิญท่านพักผ่อนที่หมู่บ้านข้าสักสองสามวันเถิด”
มีที่พักช่างดีเหลือเกิน อาม่ามิใช่คนหนุ่มร่างกายแข็งแรง เขาป่วยง่าย ทั้งยังปวดเอว ปวดขา นั่งบนรถม้าก็โยกเยกจนลำตัวแทบจะหัก ครานี้เห็นทีจะมีเตียงนุ่มๆ ให้นอนสักคืน
แน่นอนว่าลำพังเขาคนเดียวไม่อาจตอบรับได้ ต้องไปถามคุณชายเสียก่อนว่ายินดีหรือไม่
อาม่าให้อิ่งสือซันไปปลุกเยี่ยนจิ่วเฉา แล้วเล่าเรื่องโจรลักม้ากับอาโต้วให้ฟัง
อิ่งสือซันบอกว่า “โจรลักม้าคล้ายกับจะเป็นเพื่อนเก่าของอาม่าขอรับ อาม่าเชื่อใจเขามาก เขาเชิญพวกเราไปพักที่หมู่บ้านของพวกเขา”
“อ้อ” เยี่ยนจิ่วเฉาหาววอด “ถ้างั้นก็ไปสิ”
พวกเขาทั้งหมดจึงเก็บสัมภาระขึ้นรถม้า
เหล่าโจรลักม้าไม่ค่อยสบอารมณ์นัก กว่าจะสู้ก็ยากลำบาก ทั้งยังกลับกลายเป็นคนรู้จักอีก โชคร้ายเสียจริง
พวกเขาตามบุรุษชุดสีเทาไปยังหมู่บ้าน หมู่บ้านนี้ไม่นับว่าหรูหรา แต่อย่างน้อยก็ดีกว่านอนกลางดินกินกลางทรายเฉกเช่นก่อนหน้านี้
หลังจากเข้าไปในที่พัก ชุยเฒ่าและอิ่งลิ่วอยู่กับเยี่ยนจิ่วเฉา ส่วนอิ่งสือซันและคนอื่นๆ ก็ติดตามอาม่าไปยังห้องของบุรุษชุดสีเทา
“ท่านนักบวชมาทำอะไรที่นี่?” บุรุษชุดสีเทาเอ่ยถามด้วยความสงสัย
อาม่าถอนหายใจ “เรื่องมันยาว แล้วเจ้าเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร คนพวกนั้นคือลูกน้องของเจ้า เจ้าผันตัวไปเป็นโจรลักม้าแล้วหรือ? ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้ถูกส่งให้ออกไปตามหาฮูหยินหรอกหรือ?”
หัวใจอาโต้วนั้นขมขื่นเหลือเกิน
เขาออกไปตามหา
แต่หาไม่พบ
เขาหลงทางอยู่ในทะเลทราย ไปต้าโจวก็ไม่ถูก กลับเผ่าปีศาจก็ไม่ได้ สุดท้ายอับจนหนทาง ต้องมาเป็นโจรลักม้า และก็เป็นโจรลักม้าตั้งแต่นั้นมา
อิ่งสือซันเปิดหน้าต่าง เพื่อให้ลมโชยเข้ามา
บุรุษชุดสีเทาลุกขึ้นยืน เดินไปยังปากประตู พลางเงยหน้ามองดวงจันทร์อันเปล่าเปลี่ยว “มีเรื่องที่ท่านนักบวชยังไม่รู้ หลายปีมานี้ข้าพยายามหาทางกลับเผ่า แต่ทะเลทรายแห่งนี้กว้างใหญ่เหลือเกิน ข้าหาทางกลับบ้านไม่ได้ ข้าสำรวจอยู่หลายที่ สุดท้ายก็จำใจลงหลักปักฐานที่นี่”
ที่นี่ก็นับว่าอยู่ในชายแดนของทะเลทรายแล้ว มีทะเลทรายอีกแห่งหนึ่งอยู่ติดกัน ห่างออกไปสามหลี่มีลี่ว์โจว(โอเอซิส)เล็กๆ แห่งหนึ่ง แหล่งน้ำและอาหารของพวกเขาล้วนมาจากที่นั่น
“ข้าอยู่ที่นี่มาสิบปีแล้ว ข้าอยากกลับไปอยู่เสมอ…ข้ายังจำสวนผลไม้ที่บ้านได้อยู่เลย”
บุรุษชุดสีเทาหวนระลึกถึงบ้านเกิด ในใจก็พลันรู้สึกถวิลหา
อิ่งสือซันกล่าวว่า “ใช่ต้นที่ใบสีแดงๆ ผลสีเหลืองๆ หรือไม่? ผลไม้นี้หากินที่อื่นไม่ได้ มีเพียงเผ่าปีศาจของพวกเจ้าเท่านั้นที่มี?”
“มิผิด” บุรุษชุดสีเทาพยักหน้า เขารู้สึกไม่ชอบมาพากล แต่ก็ไม่รู้ว่ามีสิ่งใดผิดปกติ
อิ่งสือซันพูดต่อว่า “ต้นไม้เหล่านี้มิได้มีมาก แต่ละที่จะมีเพียงไม่กี่ต้น ด้านตะวันตกมีต้นม่านหลัวถัว ด้านตะวันออกมีรูปสลักหินซึ่งถูกลมกัดเซาะจนมองไม่ออกว่าเป็นรูปอะไร”
บุรุษชุดสีเทาหันหน้าไปด้วยความประหลาดใจ เขามองไปยังอิ่งสือซันแล้วกล่าวว่า “เจ้าพูดออกมาหมดแล้ว น้องชายท่านนี้ ไฉนเจ้าจึงรู้เรื่องของเผ่าปีศาจดีเช่นนี้?”
อิ่งสือซันชี้ออกไปยังทิวเขาฝั่งตรงข้ามทะเลทรายด้านนอกหน้าต่าง “ไม่ใช่ที่นั่นหรอกหรือ?”
บุรุษชุดสีเทาเดินมา สายตามองตามทิศทางที่อิ่งสือซันชี้ ทันใดนั้นก็ต้องตะลึงงัน
มารดามันเถอะ!
เขาพูดถึงทิวทัศน์ด้านหลังเขา ถึงว่าทำไมดูคุ้นตานัก!!!
…………………..
Related