หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 398.1 ราชันหมื่นสัตว์พิษน้ำลายสอ เขามาแล้ว (1)

มันใช้เล็บดันขวดหยก กลิ้งไปรอบๆ แขนเสื้อของอวี๋หวั่น
หิว หิวแล้ว หิวๆๆๆ!
อวี๋หวั่นหาวหวอดก่อนจะปล่อยมันออกมา “เป็นอะไรไปอีก?”
สัตว์พิษตัวน้อยนอนแผ่ ใช้กรงเล็บตบลงบนท้องของมัน
อวี๋หวั่นยกหน้าผากขึ้นอย่างงัวเงีย “หนอนกู่ที่ข้าซื้อมาให้อยู่ในเรือนหมดแล้ว…”
สัตว์พิษตัวน้อยหันหลังน้อยๆ ให้ด้วยท่าทางน้อยอกน้อยใจอย่างมาก
“เอาละๆๆ ข้าจะไปหาให้เจ้า หาให้เจ้าก็ตกลงแล้วใช่หรือไม่?” อวี๋หวั่นชอบไม้อ่อนไม่ชอบไม้แข็ง หากเจ้าตัวนี้โมโหโวยวาย เธอกลับเพิกเฉยได้ แต่ท่าทางในยามนี้ ทำให้เธอไม่อาจปฏิเสธได้เลย
อวี๋หวั่นค้นไปทั่วห้อง แต่ก็พบเพียงหนอนกู่ตัวเล็กๆ บนร่างกายของเธอ “ดีร้ายอย่างไรก็เป็นราชันร้อยสัตว์พิษ ไม่เช่นนั้นก็เอาอันนี้ไปก่อน?”
ราชันร้อยสัตว์พิษตัวสั่นระริก!!!
สัตว์พิษตัวน้อยเมินหน้าด้วยความรังเกียจ
จากนั้นก็ค่อยๆ ยกกรงเล็บที่หักขึ้นมาอย่างอ่อนแรง
กู่อย่างข้าอเนจอนาถถึงเพียงนี้ ยังกล้าไม่ให้กินดีอีกหรือ?
อวี๋หวั่นกุมหน้าผาก ก้มหัวเล็กๆ ข้า…ข้าแพ้เจ้าแล้ว!
อวี๋หวั่นจำต้องลุกขึ้นไปหาอะไรให้มันกิน แต่หวังว่าจวนซือคงจะมี ไม่เช่นนั้นสัตว์พิษตัวน้อยก็คงต้องกินเพียงราชันร้อยสัตว์พิษที่มันรังเกียจ
“เหตุใดเมื่อครู่ข้าไม่หยิกมันให้ตาย เจ้าดูสิ นี่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้าเลยนะ” อวี๋หวั่นเยาะเย้ย
สัตว์พิษตัวน้อยแลบลิ้น กลอกตา!
อวี๋หวั่นทำปากยื่น
ชั่วยามนี้ ข้ารับใช้ส่วนใหญ่ในเรือนไปพักแล้ว ทหารยามที่เฝ้าประตูจวนซือคงก็ถูกย้ายออกไปเช่นกัน มีเพียงฮวาจือที่ปูที่นอนอยู่ข้างนอกลำพัง อากาศหนาวเย็น ลำบากนางแล้ว
อาจเพราะเชื่อว่าอวี๋หวั่นถูกพิษกู่ การเฝ้าดูอวี๋หวั่นจึงผ่อนคลายลงมาก ไม่เพียงแต่ไม่มีคนเฝ้าเรือน แม้แต่สลักหลอนก็ไม่มีแล้วเช่นกัน
อวี๋หวั่นเปิดประตูอย่างเบามือ ฮวาจือได้ยินเสียงเคลื่อนไหว กำลังจะลุกขึ้น อวี๋หวั่นฝังเข็มเงินเล่มหนึ่งให้นางจนสลบไป
สัตว์พิษตัวน้อยเกลือกกลิ้งไปมาในขวดหยกอย่างตื่นเต้น
อวี๋หวั่นกระซิบ “อย่าขยับไปมา เดี๋ยวขวดจะหล่น”
สัตว์พิษตัวน้อยอยู่นิ่งๆ อย่างเชื่อฟัง
ในที่สุดสัตว์พิษตัวน้อยก็ใช้กรงเล็บเล็กๆ เตะผนังขวด
อวี๋หวั่น “…”
ต้องได้ป่วนสักหน่อยถึงจะมีความสุข?
อวี๋หวั่นก้าวขาข้ามฮวาจือ ปิดประตู เขย่งเท้าเดินออกไป
หลายวันนี้อวี๋หวั่นกินจนอวบอ้วน แต่กลับเป็นคนอ้วนที่เคลื่อนไหวคล่องแคล่ว เธอกลั้นหายใจ ลงมาบนพื้นเงียบๆ ไม่ถูกหน่วยลาดตระเวนสังเกตเห็น
เธอเหลือบมองขวดหยกใบเล็กในฝ่ามือ
ที่นี่มีอาหารหรือไม่?
สัตว์พิษตัวน้อยนั่งอยู่ในขวด ขาสองสามคู่ไขว้กัน พลางส่ายหัวอย่างเคร่งขรึม
อวี๋หวั่นทอดถอนใจอย่างช่วยไม่ได้ จำต้องพาสัตว์พิษตัวน้อยออกจากเรือนซือคงอวิ๋น
อาจเพราะกลางคืนไม่คุ้มกันแน่นหนาเช่นกลางวัน อวี๋หวั่นจึงเกิดความคิดที่จะหนีอยู่ครู่หนึ่ง แต่เธอก็เข้าใจว่า ทำได้แค่คิดเท่านั้น สาเหตุที่ภายในจวนซือคงหละหลวมเช่นนี้ ก็เพราะภายนอกถูกป้องกันอย่างเข้มงวด เธอควรตั้งใจหาของกินให้สัตว์พิษตัวน้อยดีกว่ากระมัง
อวี๋หวั่นเดินไปมาอยู่พักหนึ่ง ไม่เห็นการเคลื่อนไหวใดๆ จากสัตว์พิษตัวน้อย เธอเลิกคิ้ว
แปลกจริง จวนซือคงกว้างใหญ่ออกเพียงนี้ ไม่ได้เลี้ยงหนอนกู่ที่แข็งแกร่งไว้บ้างเลยหรือ?
ในขณะที่คาดเดาอยู่นั้น อวี๋หวั่นก็ใช้มือข้างหนึ่งยันภูเขาหินปลอมโดยไม่ได้คิดอะไร แต่ทันใดนั้นกำแพงหินก็เปิดออก อวี๋หวั่นซวนเซถลาเข้าไป!
ที่นี่ที่ใดกัน?
มืดถึงเพียงนี้!
โชคดีที่อวี๋หวั่นนำตะบันไฟมาด้วย
เธอหยิบตะบันไฟออกมา อาศัยแสงสว่างของตะบันไฟ จึงเห็นว่าตนอยู่บนทางเดินที่มืดและชื้น ประตูเมื่อครู่เปิดได้อย่างไร ไม่อาจยืนยันได้แล้ว สิ่งเดียวที่แน่นอนคือ เธอไม่พบกลไกที่จะใช้เปิดประตูบานนั้น
แต่ในเมื่อมีทางเข้า ก็ต้องมีทางออกอื่นแน่ อวี๋หวั่นจำใจเดินต่อไปข้างหน้า
ระหว่างทาง อวี๋หวั่นยังกังวลว่าที่นี่จะมีกลไกใดอีกหรือไม่ หลังจากเดินไปสักพักก็พบว่าตนเองคิดมากเกินไป นี่เป็นทางเดินธรรมดาที่แสนจะธรรมดา สูงราวๆ เจ็ดฉื่อ กว้างสามฉื่อ ดูจากระดับที่กำแพงหินและพื้นดินถูกบุกรุก มีอายุหลายปีแล้ว
“จวนเห้อเหลียนคงไม่มีทางขุดอุโมงค์ใต้ดินที่จวนของพวกเขา…” อวี๋หวั่นกระซิบเบาๆ ขณะเดียวกันก็เริ่มสงสัยว่าทางออกอื่นอยู่ที่ใด
กล่าวโดยทั่วไปแล้ว อุโมงค์ที่ดูไม่ได้เช่นนี้ มักเป็นสถานที่ซุกซ่อนความสกปรกของตระกูล เธอคงไม่บังเอิญไปพบความลับของสกุลซือคง แล้วก็ถูกคนสกุลซือคงฆ่าปิดปากกระมัง?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ขาของอวี๋หวั่นก็คล้ายกับก้าวไม่ออก
อย่างไรก็ตาม สัตว์พิษตัวน้อยในขวดหยกยามนี้กลับเริ่มมีการเคลื่อนไหว
มันเกาะผนังขวด ใช้กรงเล็บเล็กๆ ผลักไปมา
นี่เพราะตื่นเต้นแล้ว
เมื่อคิดว่าเบื้องหน้าอาจเป็นอันตรายหนักหนาและไม่มีทางย้อนกลับได้ อวี๋หวั่นก็หลับตาลงอย่างปวดหัว
เจ้าตัวเล็กนี่แน่ใจว่าไม่ได้มาทำอันตรายเธอหรือ?
จะเอาๆๆๆๆ!
สัตว์พิษตัวน้อยทุบขวดหล่นกลิ้งไปกับพื้น!
อวี๋หวั่น “…”
อวี๋หวั่นหยิบขวดหยกมาด้านหน้าและพูดอย่างโกรธเคือง “หากข้าตาย ก็เป็นเพราะเจ้า รู้หรือไม่?”
สัตว์พิษตัวน้อยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
รู้แล้ว!
อวี๋หวั่น “…”
ยิ่งไม่อยากไปแล้ว…
ในที่สุดอวี๋หวั่นก็เดินไป อย่างไรเสียอยู่นี่ไปก็ไม่ได้ช่วยอะไร และเธอไม่อาจออกไปทางออกแรก อีกเดี๋ยวหากมีใครมา ก็ยังมีคนเห็นเธอ
อวี๋หวั่นพยายามลดความรู้สึกมีตัวตนลง และเดินไปข้างหน้า แสงจันทร์สาดส่องเข้ามาอย่างเลือนราง ดูเหมือนเดินมาสุดทางแล้ว
อวี๋หวั่นพร้อมสำหรับการต่อสู้ที่สิ้นหวัง แต่เมื่อออกจากอุโมงค์ก็พบว่าไม่มีเงาของผู้ใดอยู่เลย!
พื้นที่ราบว่างเปล่า มีป่าอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ทิศตะวันออกเป็นภูเขาแห้งแล้ง ทิศตะวันตกเป็นทะเลสาบ
“เอ่อ…นี่คือ…”
ที่ใด?
ราวกับมีภาพลวงตาของสกุลซือคงเกิดขึ้น…
จะเอาๆๆๆๆ!
สัตว์พิษตัวน้อยกลิ้งและตีขวดให้แตก
อวี๋หวั่นถมึงตามอง “รู้ว่าเจ้าหิวจะแย่แล้ว ไปหาแล้วๆ ตกลงหรือไม่!”
สัตว์พิษตัวน้อยนั่งลงอย่างสงบ
แต่หลังจากนั่งลงดีๆ แล้ว ก็ฉวยโอกาสยามที่อวี๋หวั่นไม่เตรียมตัว กลิ้งอีกครั้ง อวี๋หวั่นส่งสายตาแหลมคมดุจใบมีด จึงหยุดลงในที่สุด
อวี๋หวั่นก็ไม่ใช่สตรีพิษจริงจัง เธอไม่ค่อยไวต่อลมหายใจของกู่ธรรมดา แต่ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไร เธอก็ยิ่งสัมผัสได้ดีขึ้นเท่านั้น
เธอสงบจิตใจลงก็เริ่มรู้สึกได้
มีราชันสัตว์พิษที่ทรงพลังมากอยู่ใกล้ๆ ราชันสัตว์พิษตัวนี้ก็ทำให้เธอเกิดลางสังหรณ์ที่อันตรายอย่างยิ่ง
“แน่ใจหรือว่าจะกิน?” อวี๋หวั่นถาม
สัตว์พิษตัวน้อยพยักหน้าพร้อมกับกางกรงเล็บทั้งหมด
อวี๋หวั่นดึงจุกปล่อยสัตว์พิษตัวน้อยออกมา
สัตว์พิษตัวน้อยกระโดดออกไปพร้อมกับเสียงสวบสาบ แวบหายไป!
อวี๋หวั่นหาก้อนหินแถวนั้นนั่งลง
ความสามารถของสัตว์พิษตัวน้อย ในใจของเธอก็รู้อยู่บ้าง แม้ว่ามันจะเป็นแค่ทารกสัตว์พิษ แต่ก็มีความสามารถโดยกำเนิด ยามต่อสู้ในกับพันธุ์เดียวกันทั้งหมด มันเป็นตัวเดียวที่กินหนอนกู่ตัวอื่นมาโดยตลอด ไม่มีกู่ตัวอื่นที่สามารถรังแกมัน
ในไม่ช้าสัตว์พิษตัวน้อยก็รีบวิ่งกลับมา เหวี่ยงตัวเข้าไปในอ้อมแขนของอวี๋หวั่น!
มันไม่ได้ทำท่าทีเช่นเด็กที่กินอิ่มแล้วออดอ้อนด้วยความพึงพอใจ แต่…มันกำลังวิ่งหนีตายด้วยความหวาดกลัว…
อวี๋หวั่นถึงกับผงะไป
เกิดอะไรขึ้น?
ในวินาทีถัดมาราชันสัตว์พิษที่มีขนาดใหญ่กว่าสัตว์พิษตัวน้อยหลายเท่าก็พุ่งเข้ามาอย่างดุเดือด
อวี๋หวั่นเบิกตากว้างในทันที
เจ้า เจ้า เจ้าหาเรื่องใหญ่อะไรเช่นนี้?
ลมหายใจของเจ้าตัวนี้ใกล้เคียงกับราชันหมื่นสัตว์พิษยิ่งนัก ไม่สิ…ดูเหมือนมันคือราชันหมื่นสัตว์พิษ! ทั้งยังเป็นราชันหมื่นสัตว์พิษที่โตเต็มวัย สัตว์พิษตัวน้อยของเธอต้องอยากตายมากเพียงใดถึงไปยั่วเจ้าตัวใหญ่เช่นนี้?
จบเห่ จบเห่ ไปรังแกเขากลับถูกรังแกเสียเอง…
“เจอตัวที่แข็งแกร่งกว่า เจ้าไม่รู้จักหนีไปให้ไกลๆ ยังวิ่งกลับมากิน! เจ้า…” อวี๋หวั่นไม่รู้จะเอ่ยอย่างไรดี หัวใจเธอโกรธจนเจ็บ อ๊าก! เหตุใดถึงมีเจ้าตัวน้อยที่โง่เขลาเช่นนี้?
สัตว์พิษตัวน้อยเจาะเข้าไปในกระโปรงของอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นเอ่ยในใจ เจ้ากลัวก็เข้าไปซ่อนในตัวข้า แล้วข้าจะไปซ่อนที่ใด?
สัตว์พิษตัวน้อยตัวเล็กเท่านี้ก็สามารถฆ่าองครักษ์ของสกุลซือคงได้อย่างสบายๆ แล้ว ราชันหมื่นสัตว์พิษนั้นน่ากลัวถึงเพียงนี้ กลัวก็แต่หยิกตัวเองให้ตายจะเป็นเรื่องง่ายเสียกว่า…
อวี๋หวั่นอยากร้องไห้ไม่มีน้ำตา เธอถูกสิ่งเล็กๆ นี้ฆ่าตายจริงๆ ช่างน่ารันทดอดสูเสียยิ่งกว่าโต้วเอ๋อ[1]…
………………..

[1] ‘ช่างน่ารันทดอดสูเสียยิ่งกว่าโต้วเอ๋อ’ มีที่มาจากวรรณกรรมเรื่องโต้วเอ๋อยวน เปรียบเทียบผู้พูดว่าตนเองไม่ได้รับความยุติธรรม

Related

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset