หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 56.2 สตรีในคืนนั้น (2)

บทที่ 56 สตรีในคืนนั้น (2)
โดย
Ink Stone_Romance
“มีอันใดรึ?” เมื่อซั่งกวนเยี่ยนได้ยินเสียง จึงลงจากรถม้าและเดินมาหา
สาวใช้หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา คุกเข่าลงเช็ดหน้าเด็กน้อย “ฮูหยินดูสิเจ้าคะ! โคลนกระเด็นใส่หน้าคุณชายน้อยแล้ว! สกปรกไปหมดเลย!”
เด็กจ้ำม่ำทั้งสามมองซั่งกวนเยี่ยนอย่างไร้เดียงสา
ซั่งกวนเยี่ยนอุ้มเด็กน้อยทั้งสามคนขึ้นมาแล้วใส่กางเกงให้เรียบร้อย “เอาละ เขาคงมิได้ตั้งใจหรอก”
“มิได้ตั้งใจอันใด? พวกเขาเกือบจะชนคน ทว่าไม่มีแม้แต่คำขอโทษเลยนะเจ้าคะ!” สาวใช้เอ่ยเสียงดัง ราวกับว่าจงใจให้อีกฝ่ายรับรู้
ฝ่ามือใหญ่ภายใต้ถุงมือหนัง ยื่นออกมาจากรถม้าเพื่อเปิดม่านด้านข้าง
มืออีกข้างก็เอื้อมมากดรั้งแขนของตนไว้
ชายที่สวมถุงมือหนังรู้ดี พยายามข่มจิตสังหาร ปิดม่านกลับไปดังเดิม
สาวใช้กระทืบเท้าด้วยความโกรธ “วิ่งเร็วเช่นนี้! เจ้านี่มัน!”
ซั่งกวนเยี่ยนสู้ใครต้องดูคน โดยปกตินางจะไม่ยุ่งกับคนอยู่สองประเภท คือ คนที่ไม่เกี่ยวข้องและคนที่อันตรายเกินไป รถม้าคันนั้นทำให้นางรู้สึกว่าเป็นคนประเภทหลัง
ซั่งกวนเยี่ยนมองไปยังทิศที่รถม้าขับออกไป เหมือนว่า…พวกเขากำลังจะไปยังหมู่บ้านเหลียนฮวา
……………………..
ที่หมู่บ้านเหลียนฮวา
อวี๋หวั่นกำลังนั่งสอนวิชาความรู้ให้กับเถี่ยตั้นน้อยอยู่ในห้อง ผู้จัดการชุยส่งคำถามของข้อสอบในปีก่อนๆ มาให้ ประเภทของคำถามไม่ซับซ้อนอย่างที่คิด ส่วนใหญ่เป็นการท่องจำและการเขียน ขอบเขตของคำถามคือ คัมภีร์สามอักษร และ พันบทอาขยานจีนโบราณ อวี๋หวั่นได้ยินมาว่า การสอบเข้าครั้งถัดไปเป็นเดือนหก หลังจากสอบผ่านแล้ว ก็จะสามารถเข้าเรียนได้
ตอนนี้ปลายเดือนสาม เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึงสามเดือน ต้องจดจำคัมภีร์สามอักษร ในระยะเวลาสั้นเช่นนี้ ให้เรียนพันบทอาขยานจบ ก็ยังนับว่ายากกว่า
เถี่ยตั้นน้อยไม่อาจเล่นกับเจินเจินอีกแล้ว และไม่อาจไปหาก้อนหินที่สันเขาได้อีก ทุกวันเขาอยู่แต่ในห้องกับพี่สาว มีแต่เรียนหนังสือและคัดขีดเขียน!
เถี่ยตั้นน้อยหัวโตหมดแล้ว!
“คำนี้ผิดแล้ว ท่องจำใหม่อีกรอบ” อวี๋หวั่นเอ่ยอย่างเคร่งเครียด
เถี่ยตั้นน้อยกล่าว “ท่านพี่ ข้าหิว”
“ท่องให้เสร็จก่อน ค่อยกิน” อวี๋หวั่นเอ่ยอย่างไม่แยแส
เถี่ยตั้นน้อยจำต้องท่องต่อไปด้วยความผิดหวัง “นภาปฐพีดำเหลือง จักรวาลก่อตัวแต่โบราณ ตะวันจันทราเต็มดวง ยามค่ำดาวพร่างพราว ร้อนหนาวผลัดเปลี่ยน ฤดูใบไม้ร่วงเก็บเกี่ยว ฤดูหนาวกักตุนอาหาร…”
อวี๋หวั่นทำสองสิ่งในคราวเดียว ฟังเสียงน้องชายท่องจำไปพลาง ทำบัญชีไปพลาง เธอได้รับเงินหนึ่งร้อยตำลึงมาจากวัง เพียงพอสำหรับค่าวัสดุก่อสร้างที่ค้างจ่ายและค่าแรงคนงาน ลูกน้องคนงานได้รับแล้ว ยังเหลือหัวหน้าคนงานสองสามคนและนายช่างใหญ่
“…ทองคำมาจากแม่น้ำหาดทรายทอง[1] อาทิตย์มาจากเทือกเขาคุนหลุน…”
“หยกมาจากเทือกเขาคุนหลุน” อวี๋หวั่นแก้คำผิดให้เถี่ยตั้นน้อย
เถี่ยตั้นน้อยถึงกับพูดไม่ออก มิใช่ว่ากำลังคิดบัญชีอยู่รึ? เหตุใดยังฟังออกว่าข้าพูดผิด?
หลังจากนั้น เถี่ยตั้นน้อยจงใจท่องผิดไปสองสามจุด อวี๋หวั่นก็ยังสามารถจับได้ทุกคำ ในขณะเดียวกัน ก็คิดบัญชีจนเสร็จ
“ผิดมากเพียงนี้ ข้าคิดว่าเจ้าคงอยากจะถูกลงโทษ” อวี๋หวั่นมองเถี่ยตั้นน้อยอย่างเฉยเมย
เถี่ยตั้นน้อยรีบโบกมือ “ไม่ๆๆ! ข้าไม่ได้อยากถูกลงโทษ!”
“ท่องใหม่อีกครั้ง”
“ไม่เอา!”
“เช่นนั้นก็สองครั้ง”
“หา?!”
ขณะที่เถี่ยตั้นน้อยกำลังจะระเบิดโทสะ ซวนจื่อก็มาที่ประตูด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “อาหวั่น! สถานที่ก่อสร้างเกิดเรื่องแล้ว! เจ้ารีบไปดูเร็วเข้า!”
เถี่ยตั้นน้อยชะเง้อศีรษะ
อวี๋หวั่นมองเขา “อย่าแม้แต่จะคิด เมื่อข้ากลับมา เจ้าต้องคัดเสร็จสองรอบแล้ว”
เถี่ยตั้นน้อยหงอย
ท่านพี่แย่เกินไปแล้ว แย่เกินไป แย่เกินไปแล้ว!
อวี๋หวั่นตามซวนจื่อไปยังสถานที่ก่อสร้างโรงงาน ได้ยินเสียงตะโกนของป้าจางและสตรีผู้หนึ่งดังมาแต่ไกล สตรีผู้นั้นอวี๋หวั่นรู้จัก นางชื่อนางเหมียว มาจากหมู่บ้านอู๋เจีย ผู้ชายของนางเหมียวเป็นช่างไม้ เป็นหัวหน้าคนงานในสถานที่ก่อสร้างของสกุลอวี๋ นางเหมียวไม่มีอะไรทำที่บ้าน จึงมาถามอวี๋เฟิงว่านางจะมาช่วยงานได้หรือไม่ อวี๋เฟิงคิดว่าสถานที่ก่อสร้างต้องมีคนทำความสะอาด จึงเรียกให้นางมาเก็บกวาด
นางเหมียวนับว่าเป็นคนขยันทำงาน ทว่ามีนิสัยชอบลักขโมย
สามีของนางทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว ทว่าก็ติดที่นางเป็นภรรยาจึงไม่อาจพูดได้ นอกจากนี้ ในสถานที่ก่อสร้างก็มิได้มีสิ่งของดีๆ ให้นางขโมย มากที่สุดก็แค่อัวอัวโถวกับซาลาเปาที่กินเหลือไม่กี่ชิ้นเท่านั้น บ้านนางเหมียวมีเด็กเล็ก นางโดนพี่ชายของซวนจื่อจับได้ครั้งหนึ่ง ก็ร้องห่มร้องไห้บอกว่าเพราะเด็กหิว พี่ชายของซวนจื่อจึงเตือนนางว่าอย่าทำอีก มิเช่นนั้นเขาจะไม่เกรงใจ
ใครจะรู้ว่านางเหมียวไม่เข็ดหลาบ หลังจากมื้อกลางวันวันนี้ นางก็ไปขโมยซาลาเปา และถูกพี่ชายของซวนจื่อจับได้อีกครั้ง พี่ชายของซวนจื่อโกรธมาก อยากจะตัดมือนางทิ้ง ทว่านางกลับแย้งว่า พี่ชายของซวนจื่อปรักปรำนาง
นางคิดว่านางเป็นผู้หญิง พี่ชายของซวนจื่อคงไม่กล้าทำรุนแรงกับตน ทว่าพี่ชายของซวนจื่อกลับก้าวไปเตะจนนางล้มลงกลิ้งไปในโคลน!
ผู้ชายของนางเหมียวโกรธมาก เรียกช่างฝีมือคนอื่นๆ จากหมู่บ้านอู๋เจียที่มาทำงานที่นี่ มาลงไม้ลงมือกับพี่ชายของซวนจื่อ
เมื่อเอ้อร์หนิวเห็นว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้อง จึงรีบไปเกลี้ยกล่อม ทว่ากลับถูกลูกหลงจนบาดเจ็บ
เลือดกระเซ็นไปทั่วทุกแห่ง ทุกคนต่างตกใจกลัว
ป้าจางได้ยินว่าบุตรชายของนางเกิดเรื่อง จึงวางงานทุกอย่างและรีบไปยังสถานที่ก่อสร้าง เมื่ออวี๋หวั่นมาถึงที่เกิดเหตุ ป้าจางก็นั่งยองๆ ลงบนพื้น ใช้ผ้าฝ้ายปิดปากแผลให้เอ้อร์หนิวไปพลาง ร้องไห้สาปแช่งนางเหมียวไปพลาง “ใจดำต่ำช้าได้ถึงเพียงนี้…ขี้ลักขโมย…กลับไปหมู่บ้านของเจ้าซะ…มาที่หมู่บ้านของเราทำไม…”
“เจ้าๆๆ…เจ้ามาโกรธข้าได้อย่างไร? พวกเราไม่ได้ผลัก! เขาต่างหาก!” นางเหมียวชี้นิ้วไปที่พี่ชายของซวนจื่อ
แท้จริงแล้วตอนนั้นพี่ชายของซวนจื่อผลักเอ้อร์หนิวล้มลง แต่พี่ชายของซวนจื่อมองไม่เห็นเอ้อร์หนิว และเขาก็ถูกคนของหมู่บ้านอู๋เจียผลักมา
“หยุดเดี๋ยวนี้!” อวี๋หวั่นกวาดสายตามองทุกคนอย่างเย็นชา ป้าจางและนางเหมียวที่กำลังทะเลาะกันเมื่อครู่ ในตอนนี้ถึงกับเงียบเสียง
อวี๋หวั่นเดินไปหาป้าจางกับเอ้อร์หนิว และหันกลับไปมองฝูงชนที่กำลังดูความตื่นเต้น “มามุงดูอยู่ที่นี่ ไม่ไปทำงานรึไร? หรือจะไม่เอาเงินค่าจ้างแล้ว!”
ซวนจื่อดึงแขนพี่ชายของเขา “ท่านพี่ เราไปกันเถิด”
พี่ชายของซวนจื่อจ้องมองช่างฝีมือของหมู่บ้านอู๋เจียด้วยสายตาเย็นชา และสาวเท้าไปทำงานของตัวเอง ไม่นาน ช่างฝีมือที่เหลือก็แยกย้าย
อวี๋หวั่นย่อตัวลงและเอ่ยว่า “ท่านป้าจาง ขอข้าดูหน่อย”
ป้าจางนำผ้าฝ้ายเปื้อนเลือดออกด้วยร่างอันสั่นเทา นางสะอึกสะอื้นร้องไห้ “อาหวั่น เอ้อร์หนิวจะไม่เป็นไรใช่หรือไม่? เขาเลือดออกมาก…”
อวี๋หวั่นหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนสะอาดจากกระเป๋าเล็กๆ ที่พกติดตัว ลูบกะโหลกของเอ้อร์หนิวผ่านผ้าเช็ดหน้า “กระดูกไม่เป็นไร มีเพียงแผลที่ผิวหนัง ข้าจะพาพี่เอ้อร์หนิวไปเย็บแผลก่อน”
“เย็บ…เย็บ?” ป้าจางผงะ
อวี๋หวั่นพยักหน้า แผลของเอ้อร์หนิวกว้างกว่าของอวี๋ซงในครั้งก่อนมาก มันจะไม่ดีขึ้นหากไม่เย็บปากแผล เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของป้าจาง เธอจึงเอ่ยอย่างอดทน “ป้าจางวางใจเถิด แผลนี้ข้าเคยรักษาให้พี่รองมาก่อน ข้าชำนาญแล้ว”
ป้าจางเคยเห็นแต่เธอรักษาวัว ไม่เคยรู้ว่าเธอรักษาคนได้ด้วย แต่เมื่อเธอเอ่ยเช่นนี้ ก็คิดว่าคงจะมีความชำนาญจริงๆ และอีกอย่าง บุตรชายของนางก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก รอพาเข้าเมืองไปหาหมอคงไม่ทัน ป้าจางจึงปล่อยให้เอ้อร์หนิวไปกับอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นทำความสะอาดบาดแผลของเอ้อร์หนิว และเตรียมเข็มกับด้าย “พี่เอ้อร์หนิว อาจจะปวดสักเล็กน้อย ท่านต้องอดทนหน่อยนะ”
เอ้อร์หนิวหน้าแดง “ไม่เป็นไร ข้าไม่เคยได้รับบาดเจ็บใดในค่ายทหาร นี่เล็กน้อย…อ๊าก—-”
เมื่ออวี๋หวั่นลงเข็ม เอ้อร์หนิวก็กรีดร้องอย่างอเนจอนาถ
เอ้อร์หนิวเข้าไปด้วยกายตั้งตรง ออกมากายนอนแผ่หลา…เจ็บปวดนัก
ป้าจาง “…”
“แฮะๆ ลงมือหนักไปหน่อย” ก่อนหน้านี้เธอเคยเย็บแต่หมู “แต่ก็เย็บสวยใช้ได้”
ก็หนังหมูหนาถึงเพียงนั้น จริงไหมละ หนังคนเย็บง่ายกว่าเยอะ

หลังจากรักษาเอ้อร์หนิว อวี๋หวั่นก็ไปยังสถานที่ก่อสร้าง และถามเรื่องราวจากคู่กรณีและพยานในเหตุการณ์ โดยพื้นฐานเหมือนกับที่ซวนจื่อเล่า เอ่ยคือ เริ่มแรกนางเหมียวขโมย หลังจากนั้นพี่ชายของซวนจื่อก็สั่งสอนนาง ต่อมาผู้ชายของนางเหมียวก็เรียกคนมารุม
อวี๋หวั่นกล่าวอย่างเฉยเมย “ที่เชิญพวกเจ้ามา ก็เพื่อให้พวกเจ้าตั้งใจทำงาน ไม่ใช่มาก่อปัญหา นางเหมียว นี่หาใช่ครั้งแรกของเจ้า วัดของข้าเล็กเกินกว่าจะรองรับพระใหญ่เช่นเจ้า วันพรุ่งนี้เจ้าไม่ต้องมาแล้ว”
นางเหมียวตกใจ “อะไรกัน? เจ้าจะไล่ข้าออกรึ?”
อวี๋หวั่นเอ่ยเบาๆ “ใช่ เจ้าได้ยินไม่ผิด ข้าไล่เจ้าออก”
นางเหมียวไม่ทำอะไรแล้ว นางยืนเท้าสะเอว “เรียกพี่ใหญ่ของเจ้ามา! พี่ใหญ่ของเจ้าเป็นคนที่เชิญข้ามา! หากจะไล่ออกก็ให้เขาเป็นคนไล่ ใช่เวลาที่เด็กผู้หญิงเช่นเจ้าจะพูดแล้วรึ!”
อวี๋หวั่นกล่าวอย่างเย็นชา “หากเจ้ายังหาเรื่องอีก ข้าจะไล่ผู้ชายของเจ้าออกด้วย!”
นางเหมียวเงียบกริบ
“แล้วก็พวกเจ้า” อวี๋หวั่นมองไปยังพี่ชายของซวนจื่อและช่างฝีมือของหมู่บ้านอู๋เจีย “จะถือว่าพวกเจ้าทำผิดครั้งแรก ครั้งนี้ข้าจะหักหนึ่งในสิบของเงินเดือน หากมีครั้งต่อไป ก็เก็บข้าวของออกไปได้เลย! แน่นอน หากตอนนี้อยากไปก็ย่อมได้ พวกเจ้ามีฝีมือ ช่างฝีมือในเมืองก็มีฝีมือเช่นกัน อย่างมากก็แค่จ่ายเงินเพิ่มอีกหน่อย สกุลอวี๋ของเราก็ไม่ได้ยากเกินไปที่จะจ่าย! เชิญพวกเจ้ามาเพราะเห็นแก่หน้าของท่านปู่อู๋! คิดว่าประหยัดเงินไปได้สองสามตำลึงเช่นนี้ สกุลอวี๋ของเราก็ร่ำรวยได้แล้วรึ!”
ช่างฝีมือของหมู่บ้านอู๋เจียที่คิดจะใช้การลาออกกันยกกลุ่มมาข่มขู่อวี๋หวั่น ต่างก็ต้องก้มหน้าสลด
ค่าจ้างที่อวี๋เฟิงให้พวกเขาน้อยกว่าช่างฝีมือเก่าในเมือง ทว่าก็ยังสูงกว่าหมู่บ้านอื่นๆ หากสกุลอวี๋ทิ้งพวกเขา ก็ยังสามารถจ่ายเงินจ้างช่างฝีมือที่ดีกว่าได้ แต่พวกเขาไม่อาจหางานที่ดีกว่านี้ได้แล้ว
เมื่อคิดเช่นนี้ พวกเขาก็ยอม แม้ต้องถูกหักเงินไปก็ตาม
เดิมเคยคิดว่าตราบใดที่พวกเขาเกาะกลุ่มกัน ก็อาจเอาชนะดรุณีผู้นี้ได้ ทว่าใครจะคิดว่า เด็กผู้หญิงคนนี้จะเก่งกาจได้ถึงเพียงนี้ ไม่น้อยหน้าผู้ชาย…
“ท่านพี่ของซวนจื่อ ท่านมิเป็นไรใช่หรือไม่?” หลังจากที่ช่างฝีมือออกไป อวี๋หวั่นก็เรียกรั้งพี่ชายของซวนจื่อที่กำลังจะเดินกลับไป
พี่ชายของซวนจื่อหันกลับมา “ข้าทำให้เจ้าเดือดร้อน”
“ไม่มีเรื่องอันใดเลย ข้ารู้ว่าท่านพี่ของซวนจื่อทำเพราะหวังดีต่อข้า ดังนั้นท่านไม่จำเป็นต้องเก็บมาคิดหรอก” เรื่องนี้ของนางเหมียว ย่อมมีคนออกหน้ามาทำเรื่องไม่ดี พี่ชายของซวนจื่อมิใช่ว่าไม่มีความเป็นลูกผู้ชาย เขาแค่ทิ้งภาระของผู้ชายออกไปชั่วคราว
อวี๋หวั่นยื่นขวดยาเล็กๆ ให้พี่ชายของซวนจื่อ “นี่ ข้าให้”
พี่ชายของซวนจื่อตะลึงงัน จากนั้นก็มองไปที่กำมือของตนเอง มันกลับมีแผลถลอกเปื้อนเลือด เขายิ้ม “ข้าไม่รู้เลย”
เขารับขวดยา “ขอบใจนะ”
“มิเป็นไร” อวี๋หวั่นกล่าว
พี่ชายของซวนจื่อมองเธอแน่นิ่ง “เจ้าและแม่ของเจ้าดูเหมือนกันมาก”
อวี๋หวั่นยิ้มและเอ่ยว่า “ใช่แล้ว ทุกคนก็พูดเช่นนี้ ข้าเหมือนท่านแม่ น้องชายข้าก็เหมือนท่านพ่อ”
“ช่างดีเหมือนแม่” ช่างสวยงาม
“ถูกต้องแล้ว” พี่ชายของซวนจื่อเดินไปสองสามก้าว เมื่อนึกบางสิ่งขึ้นได้ ก็พลันหยุดกะทันหัน “ดูเหมือนว่าสกุลจ้าวจะย้ายกลับมาแล้ว”
“หือ?” อวี๋หวั่นผงะ จ้าวเหิงเป็นหนี้เธอสามร้อยตำลึง ยังมีหน้าจะย้ายกลับมาอีกรึ?
พี่ชายซวนจื่อขมวดคิ้ว “ข้าเพิ่งผ่านบ้านของเขามา เห็นมีรถม้าจอดอยู่หน้าบ้าน และมีคนกำลังขนสัมภาระ”
…………………………………………………….
[1] แม่น้ำหาดทรายทอง คือ แม่น้ำแยงซี

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม

เธอคือหมอ(รักษาสัตว์)เทวดาคนแรกของอาณาจักร เริ่มจากข้ามมิติมาอยู่ในร่างของเด็กสาวชาวบ้านผู้แสนยากจน ทางซ้ายมีท่านแม่ที่ป่วยกระเสาะกระแสะ ทางขวาก็มีน้องชายตัวน้อยคอยให้ป้อนข้าว ที่แย่ไปกว่านั้นคือ เธอถูกผู้ชายเฮงซวยยกเลิกการแต่งงาน… ให้ตายเถอะ! เสือไม่โอ้อวดพลังก็จริง แต่เห็นเธอเป็น HelloKitty หรืออย่างไร ถึงมารังแกกันแบบนี้?! สั่งสอนผู้ชายเฮงซวย รักษาอาการป่วยของท่านแม่ เลี้ยงดูน้องชายที่ผอมแห้งแรงน้อย บุกเบิกที่นารกร้าง ปลููกพืชบนที่ดินว่างเปล่า นั่งดูความอุดมสมบูรณ์ แล้วก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข วันเวลาอันแสนสุขค่อยๆ ผ่านไป… วันหนึ่งก็ได้ยินว่าเทพแห่งความตายผู้น่าสะพรึงกลัวจะมาเยือนถึงหน้าบ้าน บังคับขู่เข็ญให้เธอแต่งงานด้วย? ถึงเธอจะชอบผู้ชายหน้าตาดีก็เถอะ แต่ได้ยินว่าท่านอ๋องผู้นี้… “ท่านอ๋อง พวกเราไม่ได้สนิทกันเสียหน่อย!” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เหอะๆ” ท่านอ๋องยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัย แล้วคว้าเด็กน้อยตัวอ้วนจ้ำม่ำสามคนออกมาจากด้านหลัง “เรียกแม่สิ” เธอล่ะอยากจะเป็นลม…

Options

not work with dark mode
Reset