บทที่ 63 คลอดกลางดึก
Ink Stone_Romance
เธอคงต้องบ้าไปแล้ว ถึงได้ไปตรวจร่างกายกับผู้ชายคนนี้!
อวี๋หวั่นรู้สึกว่าผู้ชายอย่างจ้าวเหิง ต่อให้ฆ่าให้ตายก็ไม่อาจระบายโกรธ หากจะบอกว่าเขาเป็นคนชั่ว เขาก็ไม่ได้ละเมิดกฎหมายใด หากจะบอกว่าเขาเป็นคนดี เขาก็เคยบีบบังคับหญิงบริสุทธิ์คนหนึ่งให้ต้องตาย
ผู้ชายเช่นนี้คงเป็นคนที่น่ารำคาญที่สุดแล้วกระมัง เจ้าของร่างเดิมลืมทุกอย่างเกี่ยวกับเขาไปเกือบหมด ก็คงเพราะเจ็บปวดใจด้วยความผิดหวังถึงที่สุดแล้ว
“จ้าวเหิง เจ้าเป็นคนร่ำเรียนหนังสือเสียเปล่า ครั้นเอ่ยสิ่งใดไม่ไตร่ตรองเพียงนี้เชียวหรือ?”
แม้ว่าเธอจะไม่เคยมีประสบการณ์ส่วนตัวมาก่อน แต่เธอก็เข้าใจว่าการตรวจร่างกายมีความหมายกับผู้หญิงสมัยโบราณอย่างไร มันเกือบจะเป็นความอัปยศอดสูของชีวิต บัณฑิตซิ่วไฉผู้สอบเคอจวี่ที่สง่างามน่าเกรงขามกลับมีคำพูดโง่ๆ เช่นนี้ออกจากปาก แล้วคุณสมบัติของเขาล่ะ? เอาไว้เลี้ยงสุนัขหมดแล้วหรือ?!
“ข้าเคยตาบอดที่ชอบคนท่าดีทีเหลวเช่นเจ้า!”
“ข้า…”
อวี๋หวั่นตำหนิเสียงแข็ง “หุบปาก! เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นวัวและม้าให้กับครอบครัวจ้าวเช่นไร เพียงได้ยินข่าวเล่าข่าวลือเรื่องสองเรื่อง ก็ตะโกนบอกว่าจะยกเลิกงานแต่งกับข้า เพื่อทำให้ตัวเองสะอาดบริสุทธ์ ไม่ลังเลที่จะทำลายชื่อเสียงของข้าต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากนั้นก็ย้ายออกจากหมู่บ้านเหลียนฮวาในชั่วข้ามคืนเพื่อหนีหนี้สามร้อยตำลึง…แต่ละอย่าง แต่ละเรื่องเหมือนผู้ที่เป็นบุรุษทำกันหรือไม่เล่า?”
จ้าวเหิงโต้แย้ง “ไม่ใช่ว่าข้าต้องการทำลายชื่อเสียงของเจ้า ข้าแค่ไม่คิดว่าน้องสาวของข้า นางจะ…”
อวี๋หวั่นเอ่ยขัดอย่างเย็นชา “ดังนั้นความผิดอื่นๆ เจ้าก็ยอมรับเช่นนั้นสิ?”
จ้าวเหิงสำลัก
จะยอมรับก็ไม่ใช่ จะโต้แย้งก็ไม่เชิง
เขาจึงบอกว่านางไม่ใช่อาหวั่น อาหวั่นของเขาไม่ได้ก้าวร้าวเช่นนี้ และยิ่งไม่มีทางฉลาดเฉลียวมีไหวพริบถึงเพียงนี้!
จ้าวเหิงยังใคร่จะเอ่ยบางสิ่ง ทว่าก็เห็นอวี๋หวั่นเดินเข้ามา อวี๋หวั่นนั่งยองๆ ลงตรงหน้าเขา และยื่นมือเรียวออกมาดึงอาภรณ์ของเขา
สีหน้าเขาเปลี่ยนไปในทันที “กลางวันแสกๆ…เจ้า…เจ้าจะทำอันใด? เจ้าเป็นอิสตรี…ไม่มีความละอาย…”
ยังไม่ทันเอ่ยคำว่าใจ อวี๋หวั่นก็คว้าถุงเงินของเขาพร้อมกับเทเศษเงินทั้งหมดออกมา พลางเอ่ยเสียงเรียบเฉย “ทั้งหมดสองตำลึง เจ้ายังเป็นหนี้ข้าอีกสองร้อยเก้าสิบแปดตำลึง ต่อไป หากเจ้าไม่หลบหน้าข้า เจอหน้าข้า ข้าก็จะให้เจ้าจ่ายคืนอีกครั้งหนึ่ง!”
พูดจบ อวี๋หวั่นก็โยนกระเป๋าเงินคืนให้เขา และเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
เมื่อออกจากตรอก อวี๋หวั่นได้เดินสวนกับสตรีชั้นสูงคนหนึ่งซึ่งสวมเสื้อคลุมและจงใจลดปีกหมวกลง แล้วเหตุใดจึงรู้ว่านางเป็นสตรีชั้นสูง ก็เพราะร่างกายของนางอบอวลไปด้วยกลิ่นควันหอมล้ำค่าที่คนจนไม่อาจใช้
สตรีผู้สูงศักดิ์จะปรากฏตัวในตรอกซอมซ่อเช่นนี้หรือ? เมื่อเห็นท่าทีระแวดระวังของนาง ดูเหมือนจะออกมาโดยหลบเลี่ยงสายตาผู้คน
แต่มันเกี่ยวอะไรกับเธอละ?
ในชีวิตนี้ เธอไม่มีทางข้องเกี่ยวอะไรกับนาง
อวี๋หวั่นไม่ได้สนใจ แต่สตรีชั้นสูงกลับมองไปที่อวี๋หวั่นอย่างระแวดระวัง ทว่าไม่ใช่เพราะสนใจอวี๋หวั่น นางเพียงแค่ระมัดระวังตัว และกังวลว่าอาจจะเจอคนรู้จักที่นี่
นางเข้าไปในตรอกข้างทาง และเดินไปด้วยใบหน้าซีดเผือด “คุณชายจ้าว ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่? ท่านได้รับบาดเจ็บ!”
จ้าวเหิงเช็ดเลือดที่มุมปาก “มิเป็นไร”
หญิงสาวยื่นมือออกไปหมายจะช่วยพยุงเขาขึ้นมา ทว่าก็รู้สึกไม่ควรทำผิดธรรมเนียมเช่นนี้ จึงลดมือลง
จ้าวเหิงยันกำแพงยืนขึ้นและกล่าวทักทายนางอย่างสุภาพ
“ผู้ใดทำร้ายท่านเช่นนี้? ต้องการแจ้งทางการหรือไม่?” หญิงสาวถามด้วยความกังวล
จ้าวเหิงส่ายศีรษะ “ไม่จำเป็นหรอกขอรับ เหตุใดคุณหนูจึงมาที่นี่?”
หญิงสาวหยิบซองยาออกมาแล้วเอ่ยเบาๆ “ข้าทำยามาให้ท่านป้า”
จ้าวเหิงหลุบตาลง โค้งคำนับ “…ขอบคุณท่านมาก”
…
อวี๋หวั่นกลับมาที่ร้านขนม สารถีเดินมา เห็นสีหน้าของอวี๋หวั่นไม่สู้ดี จึงคิดว่าเธอไล่ตามหัวขโมยไม่ทัน “คนไม่เป็นไรก็ดีแล้ว หากต่อไปเจอเรื่องเช่นนี้อีก ก็อย่าไล่ตามไปเลย”
หัวขโมยล้วนเป็นชายหนุ่ม อันตรายเกินกว่าที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งจะไล่ตามไป
“ข้าได้กระเป๋าเงินคืนแล้ว” อวี๋หวั่นไม่ต้องการเล่าเรื่องที่เธอได้พบกับจ้าวเหิง พูดจบเธอก็นำเงินไปจ่ายค่าขนม
ในเมื่อตามไปเอาคืนมาได้แล้ว ไยไม่มีความสุขเล่า? สารถีรถม้าไม่ได้ถามออกไป พวกเขาทำอาชีพนี้ ต้องมีหูไว้ฟังให้มาก และมีปากไว้พูดให้น้อย
“ตอนนี้จะไปที่จวนสกุลเซียวหรือไม่?” สารถีรถม้าถาม
“ไม่ต้องแล้วละ ฟ้าเริ่มมืดแล้ว กลับหมู่บ้านกันเถิด” อวี๋หวั่นเข้าไปในรถม้า
สารถีเงยหน้ามองท้องฟ้า ก็สายไปจริงๆ ทว่าเขากลับรู้สึกว่าแม่นางอวี๋มิได้ยกเลิกการเดินทางเพราะฟ้ามืด
แต่เนื่องจากแม่นางอวี๋ไม่ได้กล่าวสิ่งใด เขาจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้
สารถีรีบเคลื่อนรถกลับหมู่บ้านเหลียนฮวาอย่างรู้ความ
อวี๋หวั่นเดินกลับมาถึงหมู่บ้าน ก็มอบขนมและถังหูลู่ให้กับเถี่ยตั้นน้อยกับน้องสาว
“เหตุใดจึงมีสามไม้?” เถี่ยตั้นน้อยเอ่ยพลางเลียถังหูลู่
อวี๋หวั่นลูบหัวเล็กๆ ของเขาและเอ่ยในใจ ที่ข้าหมดกำลังใจเช่นนี้ เพราะถูกชายชั่วผู้นั้นทำร้ายจิตใจ เธอไม่เข้าใจว่าผู้ชายเลวๆ เช่นนี้สอบเข้าเป็นซิ่วไฉได้อย่างไร?
อวี๋หวั่นมองเถี่ยตั้นน้อย “ต่อไปเจ้าจะเป็นเช่นนั้นไม่ได้นะ”
เถี่ยตั้นน้อยสับสนงงงวย เป็นเช่นใดไม่ได้?
…
ไม่รู้ว่าเพราะโกรธจ้าวเหิงหรือไม่ คืนนี้ อวี๋หวั่นฝันว่าตนเองมีลูก
เธอฝันว่าในคืนที่ฟ้าแลบฟ้าร้อง เธอนอนอยู่บนเตียงขนาดใหญ่ที่ไม่คุ้นเคย ใต้ร่างของเธอถูกรองด้วยฟูกหนาๆ เนื้อตัวชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเย็นๆ ความรู้สึกเจ็บปวดราวร่างจะแตกสลายแล่นมาจากท้องน้อยกับอุ้งเชิงกราน
“อาม่า! อาม่า!”
หญิงรับใช้คนหนึ่งที่อายุไล่เลี่ยกับแม่หลินผลักประตูเข้ามา “เจ้าเป็นอันใดไป?”
“อาม่าข้าเจ็บ…”
หญิงรับใช้ก้าวไปด้านหน้า และใช้ปลายนิ้วเย็นๆ คลำท้องของเธอ ทันใดนั้นแววตาของนางก็เปลี่ยนไป “ไม่ดี ใกล้จะคลอดแล้ว!”
เธอมองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ชัดเจน ทว่าก็คว้ามือของอีกฝ่ายไว้ “อาม่า…ท่านอย่าไป…”
หญิงรับใช้กล่าว “เจ้ากำลังจะคลอดแล้ว…ข้าต้องไปตามหมอตำแย!”
น้ำตาของเธอไหลอาบแก้ม “อาม่า ข้ากลัว…”
“ไม่ต้องกลัว เจ้าจะไม่เป็นไร สตรีล้วนต้องคลอดบุตร คลอดแล้วก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวดอีก…” หญิงรับใช้เอ่ยจบ ก็แกะมือของเธอออก และสวมเสื้อคลุมกันฝน ก่อนจะวิ่งลุยฝนออกไป
สายลมและหยาดฝนเย็นๆ กระหน่ำลงมา เธอนอนปวดท้องแทบขาดใจอยู่บนเตียง
ทันใดนั้นเธอก็สัมผัสถึงคลื่นความร้อนที่แผ่ออกมาจากใต้ร่างกาย
ถุงน้ำคร่ำแตกแล้วหรือ?
อวี๋หวั่นตกใจสะดุ้งตื่นจากฝัน!
เธอลืมตาโพลง มองคานห้องที่ดูคุ้นเคยอยู่เนิ่นนานกว่าสติจะกลับคืนมา
ความเจ็บปวดในความฝันช่างเหมือนจริงเกินไป กระทั่งตื่นขึ้นมาก็ยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่หลงเหลือจากท้องน้อยกับอุ้งเชิงกราน ราวกับว่าเธอเคยเจ็บปวดเช่นนั้นจริงๆ
“แย่จริง ทำไมถึงฝันแบบนี้ได้?” อวี๋หวั่นลุกขึ้นนั่ง เสื้อผ้าของเธอชุ่มชื้น ไม่รู้เพราะร้อนหรือเพราะกลัวกันแน่ คลื่นความร้อนนั้น…
อวี๋หวั่นยกผ้านวมออก ลูบตัวเถี่ยตั้นน้อย พลางถอนใจอย่างช่วยไม่ได้ เด็กคนนี้ ฉี่รดที่นอนอีกแล้ว!
อวี๋หวั่นเปลี่ยนผ้าปูที่นอนและฟูก พร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เถี่ยตั้นน้อยและตัวเธอเอง ขณะที่กำลังจะหลับไปอีกครั้ง มีเสียงกรีดร้องของป้าจางดังขึ้นจากด้านนอก
บ้านสกุลจางเกิดเรื่องขึ้นหรือ?
อวี๋หวั่นรีบสวมกระโปรงผ้าโปร่งและเสื้อตัวนอก อวี๋เซ่าชิงก็ตกใจตื่นเช่นกัน พ่อลูกออกมาเจอกันที่ห้องโถงโดยไม่ได้นัดหมาย
“ดูเหมือนจะเป็นบ้านของป้าจาง” อวี๋หวั่นกล่าว
“ไป ไปดูกันเถิด” อวี๋เซ่าชิงเดินออกไปพร้อมกับบุตรสาว
เมื่อทั้งสองมาถึงบ้านป้าจาง ป้าไป๋และครอบครัวของหลี่เจิ้งก็มาด้วย
“นี่ เจ้าอย่าได้เข้าไป” หลี่เจิ้งหยุดรั้งอวี๋เซ่าชิง “ภรรยาของซันหนิวกำลังจะคลอดลูก”
ซันหนิวเป็นน้องชายของเอ้อร์หนิว เอ้อร์หนิวถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร ทำให้การแต่งงานล่าช้า ดังนั้นเขาซึ่งเป็นน้องชายจึงได้แต่งงานมีบุตรก่อน ภรรยาของซันหนิวตั้งครรภ์บุตรคนที่สอง โดยปกติแล้วก็คงไม่ใช่เรื่องยากลำบากเกินไป ทว่ากลับเห็นสีแดงก่อน ดูเหมือนจะร้ายแรงไม่เบา
วาจาเหล่านี้ เป็นเรื่องยากที่ชายร่างใหญ่ทั้งหลายจะเอ่ย หลี่เจิ้งเพียงกระแอมในลำคอ “เอ้อร์หนิวกับซวนจื่อไปเชิญหมอตำแยมาแล้ว”
อวี๋เซ่าชิงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้าจะไปด้วย”
หมู่บ้านละแวกนี้ไม่มีหมอตำแย จำต้องเข้าไปในตำบล ซวนจื่อใช้รถลากวัว แต่รถลากวัวที่ใดจะไวกว่าม้า?
หลี่เจิ้งพยักหน้า “ก็ดี เจ้ารีบไปรีบกลับละ”
อวี๋เซ่าชิงขี่ม้าออกไป
ภรรยาของซันหนิวกรีดร้องโหยหวน อวี๋หวั่นนึกถึงความฝันนั้นอีกครั้ง หัวใจของเธอก็เต้นรัวด้วยความตื่นตระหนก เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และเอ่ยว่า “ข้าจะเข้าไปดู”
“อืม” หลี่เจิ้งปล่อยให้อวี๋หวั่นเข้าไป
ภรรยาของซันหนิวกำลังนอนอยู่บนเตียง นางเสี่ยวเฉินยืนอยู่ข้างๆ คอยเช็ดเลือดให้นางด้วยผ้าเช็ดหน้า ป้าจางที่อยู่ด้านข้างก็ร้องไห้ไม่หยุด ส่วนป้าไป๋ก็ปลอบโยนนางสุดหัวใจ
อวี๋หวั่นไม่เคยลืมที่จะศึกษาหนังสือการแพทย์ที่ท่านปู่เป้าทิ้งไว้ให้เธอ หนังสือการแพทย์มีบันทึกเกี่ยวกับการคลอดบุตรอย่างละเอียด วินิจฉัยอย่างไร ทำคลอดอย่างไร ไปจนถึงการผ่าคลอดเบื้องต้น อวี๋หวั่นจดจำทุกรายละเอียดได้อย่างลึกซึ้ง ทว่าไม่รู้เหตุใด เมื่อเห็นเลือดที่นองอยู่เช่นนั้น จู่ๆ สมองของอวี๋หวั่นก็รู้สึกพร่ามัว
“อาหวั่น อย่ามัวอ้ำอึ้ง! รีบมาช่วยกันสิ!”
เสียงของเสี่ยวเฉินขัดจังหวะความคิดของอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นตั้งสติและเดินไปข้างหน้า
เสี่ยวเฉินยื่นผ้าฝ้ายเปื้อนเลือดใส่มืออวี๋หวั่น พร้อมกับหยิบผ้าผืนใหม่เช็ดเลือดให้กับภรรยาของซันหนิว
อวี๋หวั่นจ้องมองผ้าฝ้ายเปื้อนเลือดในมือ สลับมองภรรยาของซันหนิวที่กำลังกรีดร้องอยู่ท่ามกลางกองเลือด จู่ๆ ความคิดของเธอก็หลุดลอย
“ท่านแม่ ข้ากลัว”
“อาม่า ข้ากลัว”
เสียงร้องของภรรยาซันหนิวซ้อนทับกับเสียงที่แว่วเข้ามาในจิตใจของเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ
อวี๋หวั่นค่อยๆ ยืนขึ้น ผ้าเปื้อนเลือดก็ตกลงในอ่างน้ำ ทำให้เลือดสาดกระเด็นถูกเสี่ยวเฉิน
เสี่ยวเฉินเอ่ย “อาหวั่น นี่เจ้าทำอันใด!”
ทรวงอกของอวี๋หวั่นขยับขึ้นลง เหงื่อเม็ดเล็กๆ ซึมออกมาจากหน้าผาก
“อาหวั่นเจ้า…ไม่เป็นไรใช่หรือไม่?” ป้าไป๋เป็นคนแรกที่สังเกตเห็นความผิดปกติของอวี๋หวั่น
ก่อนหน้านี้อวี๋หวั่นเป็นเพียงหญิงในหมู่บ้านที่ไม่เข้าใจโลก ทว่าหลังจากที่เธอถูกจ้าวเหิงทำให้เจ็บปวด ก็ดูเปลี่ยนเป็นคนละคน ป้าไป๋ไม่คิดว่าเรื่องนี้มีสิ่งใดผิดปกติ รู้เพียงว่าเธอทำจ้าวเหิงเสียใจ เมื่อคิดได้ เธอก็เรียนรู้ที่จะเป็นคนใหม่ตั้งแต่นั้นมา
ป้าไป๋เห็นการเปลี่ยนแปลงในตัวอวี๋หวั่นทั้งหมดมาตลอด ไม่ว่าเหตุการณ์จะวิกฤตเช่นไร เธอก็จะไม่แสดงสีหน้าตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ทว่าในยามนี้เธอดูราวกับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่กำลังหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
“ข้าไม่เป็นไร…” คำพูดนี้ ไม่รู้ว่ากำลังตอบป้าไป๋ หรือกำลังบอกตัวเอง อวี๋หวั่นเดินไปที่เตียง และยกมือขึ้นคลำท้องของภรรยาซันหนิว พลางเอ่ยเสียงเบา “ตำแหน่งของทารกในครรภ์ไม่ถูกต้อง ต้องจัดตำแหน่งของทารกในครรภ์เสียก่อน”
เสี่ยวเฉินผงะ “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“ข้าเคยคลอดมาก่อน” อวี๋หวั่นเอ่ยโพล่งออกมา หลังจากนั้นก็ตกตะลึงกับตัวเอง
ทุกคนในห้องต่างก็ตกใจ แม้แต่ภรรยาของซันหนิวที่กำลังเจ็บปวดที่สุดก็ยังหยุดร้องและมองไปที่อวี๋หวั่นราวกับมีฟ้าผ่า
อวี๋หวั่นแปลกใจยิ่งกว่าพวกเขา ไม่รู้ว่าเธอเอ่ยเช่นนั้นไปได้อย่างไร
ป้าไป๋กระแอมไอเล็กน้อย และเอ่ยอ้อมๆ “อาหวั่นหมายถึง นางเคยทำคลอดให้คนอื่นมาก่อน! พวกเจ้าได้ยินอะไร!”
อวี๋หวั่นหลุบตาลง ไม่ได้ยอมรับหรือโต้แย้ง
ทุกคนคิดว่าเธอยอมรับโดยปริยาย จึงถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก พวกเขาก็คิดว่า เด็กสาวอายุน้อยที่ไม่มีผู้ชายใด จะเคยมีบุตรได้อย่างไร?
ภรรยาซันหนิวเอนกายนอนลงบนเตียงอีกครั้ง “อ๊า” และเริ่มร้องครวญครางต่อ
อวี๋หวั่นเดินออกจากห้องคลอด
หลี่เจิ้งเดินเข้ามารับเธอ “ภรรยาของซันหนิวเป็นอย่างไรบ้าง?”
อวี๋หวั่นส่ายหัว
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้า…เจ้าไม่สามารถรักษาได้หรือ?” เรื่องที่อวี๋หวั่นเย็บแผลให้เอ้อร์หนิวและอวี๋ซงได้แพร่ออกไป หลี่เจิ้งรู้ว่าเธอรักษาผู้คนได้เป็นครั้งคราว
“ใช่ ข้ารักษาไม่ได้”
ไม่ใช่ว่าความสามารถทางการแพทย์ของเธอไม่เพียงพอ แต่เพราะมือของเธอ…
อวี๋หวั่นมองมือที่กำลังสั่นระริกของตน หลังจากสัมผัสท้องของภรรยาซันหนิว มือทั้งสองของเธอเริ่มสั่นจนควบคุมไม่ได้
“หมอตำแยมาแล้ว!” อวี๋เซ่าชิงรีบควบม้ามาหยุดที่หน้าบ้าน
อวี๋เซ่าชิงอุ้มหมอตำแยที่ใกล้จะอาเจียนลงมา และให้ป้าไป๋พาเข้าไปด้านใน
อวี๋หวั่นกลับไปที่บ้าน
เถี่ยตั้นน้อยยังคงนอนหลับอยู่ แต่นางเจียงกลับตื่นขึ้นมา
นางเจียงนั่งอยู่บนเตียงของเถี่ยตั้นน้อย และดึงผ้านวมที่เถี่ยตั้นน้อยเตะออกขึ้นมาห่มให้เขา ดูเหมือนนางกำลังดูแลเถี่ยตั้นน้อย และกำลังรออวี๋หวั่นเช่นกัน
“ท่านแม่” อวี๋หวั่นเอ่ยอย่างสับสน “…ข้าเคยมีบุตรแล้วใช่หรือไม่?”
นางเจียงไม่ได้หันกลับไปมอง หรือถามว่าเหตุใดเธอจึงเอ่ยเช่นนั้น
นางก้มหัวลงช้าๆ “…ใช่”
…………………………………………………….