หมอหญิงจ้าวดวงใจ – ตอนที่ 106 หมิงชั่นลองเชิง เยี่ยนอวี่หยั่งรู้ (1)

ตอนนางฝังเข็มให้กับคนไข้ จะไม่ปล่อยให้เข็มเงินฝังอยู่บนผิวหนังเป็นเวลานาน จุดฝังเข็มบางจุด นางแค่ทิ่มเข้าไปด้านในและจะรีบดึงออกมาโดยทันที แน่นอนว่านี่ไม่ใช่วิธีการทั้งหมดในการฝังเข็ม เข็มเงินทุกเข็มจะถูกฝังเข้าไปและดึงออกมาในเวลาที่ไม่เสมอกัน วิธีการหมุนเข็มก็จะไม่เหมือนกัน หมอหลวงผู้ที่ไว้เคราแพะกับสหายของเขาจับจ้องจนตาลายไปทันที อีกทั้งยังเปรยในใจด้วยความตกใจ แม่นางผู้นี้มีที่มาที่ไปอย่างไรกัน วิธีการฝังเข็มของนาง เหตุใดถึงได้อัศจรรย์เยี่ยงนี้!

เวลาผ่านไปแค่หนึ่งเค่อเท่านั้น ทั้งเรือนร่างของเหยาเยี่ยนอวี่ก็เปียกโชกด้วยเหงื่อ

เหตุผลประการแรกคืออากาศในห้องนี้อบอ้าวและร้อนจนเกินไป และอีกหนึ่งประการก็คือการรมยาแบบไท่อี่ต้องสูญเสียพลังงานเป็นอย่างมาก อภิปรัชญากำลังภายในที่จารึกไว้ใน ‘คัมภีร์ไท่ผิง’ แม้แต่เศษเสี้ยวของกำลังภายใน นางยังไม่อาจบรรลุ การฝังเข็มที่ต้องใช้พลังอันแข็งแกร่งเช่นนี้ สำหรับนางแล้วก็ยังคงเป็นเรื่องท้าทายสภาพร่างกายและจิตใจของนางเป็นอย่างมาก

ทว่าโชคดีที่ยังได้รับผลลัพธ์ที่ไม่เลว หลังจากที่ดึงเข็มออก ถึงแม้จะยังคงมีอาการตกเลือด แต่หากเทียบกับเมื่อครู่นี้ ก็ถือว่าน้อยลงไปมากแล้ว

หลังจากที่แท้งบุตร ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เกิดอาการหลั่งเลือด ไม่เช่นนั้นภายในมดลูกก็คงจะไม่สะอาด และเสี่ยงต่อการมีเนื้องอกขึ้นที่กล้ามเนื้อมดลูก อาจจะทำให้มีอาการแทรกซ้อนในภายหลังได้

เหยาเยี่ยนอวี่พลันเก็บเข็ม แล้วมองเฟิงฮูหยินน้อยที่สลบไปแล้ว จากนั้นก็สั่งการเฉินซิน “ข้าได้ทำสุดความสามารถแล้ว! พวกเจ้าทำความสะอาดร่างกายของฮูหยินท่านซื่อจื่อเถอะ แล้วเชิญหมอหลวงมาจ่ายยาบำรุงเลือด เพื่อปรับความสมดุลของร่างกายให้ฟื้นตัว จงจำไว้อย่าได้ทำให้ฮูหยินของพวกเจ้ารู้สึกเสียใจ อย่าให้หงุดหงิดโมโหเกินไป ต้องให้นางผ่อนคลาย เปิดใจให้มาก ใจเย็นๆ แล้วนางจะค่อยหายอย่างช้าๆ เองตามธรรมชาติ”

“ขอบคุณคุณหนูเหยาเป็นอย่างยิ่ง! ขอบคุณคุณหนูเหยาเป็นอย่างยิ่ง!” สาวใช้เฉินซินจึงคุกเข่าพร้อมกับน้อมก้มกราบเหยาเยี่ยนอวี่

เหยาเยี่ยนอวี่ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ “พอเถอะ! ไม่ต้องขอบคุณแล้ว ตั้งใจปรนนิบัตินายหญิงของพวกเจ้าให้ดีก็พอ” ขณะที่เอ่ยขึ้น นางก็เก็บเข็มเงินอย่างไร้เรี่ยวแรง จากนั้นก็เดินโงนเงน ออกจากเรือนไป

ตรงหน้าประตู ชุ่ยเวยยืนคอยอย่างกระวนกระวาย พอเห็นคุณหนูของตนก้าวผ่านธรณีประตูพร้อมกับขาที่อ่อนแรง ทำให้นางรู้สึกตกใจจนต้องรีบเข้าไปพยุงเอาไว้ แล้วเอ่ยถามไม่หยุด “คุณหนูเป็นอย่างไร เหนื่อยมากไหม คุณหนูเป็นอะไรมากหรือไม่เจ้าคะ!”

เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดขึ้นอย่างฝืนทน “ข้ายังสบายดี ไม่ต้องเป็นห่วง พยุงข้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ”

ซูอวี้ผิงพลันเดินเข้ามา แล้วเอ่ยถามขึ้นไม่หยุด “คุณหนูเหยา ภรรยาของข้าเป็นเช่นไรบ้างแล้ว”

เหยาเยี่ยนอวี่จึงกล่าวขึ้นอย่างจนปัญญา “สามารถช่วยชีวิตของฮูหยินไว้ได้ทันเวลา ทว่าทารก…ตอนที่ข้าเข้าไปเมื่อครู่นี้ก็ได้…”

“ข้ารู้…ข้ารู้…” อย่างไรเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ ต่อให้บิดากับบุตรยังไม่ได้เจอหน้ากัน ความสัมพันธ์ทางสายเลือดก็ยังคงอยู่ ซูอวี้ผิงเป็นนักรบในสนามรบ และผ่านศึกสงครามมามากมายก็ย่อมเจอะเจอกับความตายอยู่เป็นประจำ เขายังคงน้ำตาคลอ ทว่ากลับพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้รินไหลลงมา แล้วถอนหายใจ พร้อมกล่าวขอบคุณเหยาเยี่ยนอวี่ “คุณหนูเหยา ขอบคุณเจ้าเป็นอย่างยิ่ง”

เหยาเยี่ยนอวี่มองซูอวี้เสียงที่กำลังเศร้าโศก รู้สึกว่าเขาเป็นคนที่มีความรักและชอบธรรมเช่นกันเธอจึงชักชวนเขาอย่างอ่อนแรง ภายในใจจึงนึกถึงเขาก็เป็นผู้ที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี จากนั้นจึงปลอบโยนเขาอย่างไร้เรี่ยวแรง “ถ้าหากเป็นไปได้ ท่านซื่อจื่อกรุณาเกลี้ยกล่อมฮูหยินหน่อยเถอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ต้องรู้จักปล่อยวาง อย่างไรการรักษาสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เรื่องอื่นค่อยว่ากันในภายหลัง”

ซูอวี้ผิงทำมือคารวะให้กับเหยาเยี่ยนอวี่อีกครั้ง “คุณหนูเหยากล่าวถูก”

ซุนฮูหยินน้อยออกจากด้านใน ก็เห็นซูอวี้ผิง จึงปลอบโยนด้วยเสียงทุ้มต่ำ “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้หลับไปแล้ว ท่านไม่ต้องเป็นห่วง”

เหยาเยี่ยนอวี่ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะพูดคุยกับคนพวกนี้อีกต่อไป จึงพยักหน้าให้ซูอวี้ผิงและคนอื่นๆ จากนั้นก็จับมือของชุ่ยเวยเดินออกไปที่อื่น

หลังจากนั้น ซูอวี้อันและซูอวี้เสียงก็เข้ามา และปลอบโยนซูอวี้ผิงด้วยคำพูดไม่กี่คำ เหยาเยี่ยนอวี่ก็ไม่ได้ไปใส่ใจอะไรอีก จากนั้นชุ่ยเวยก็พยุงนางพลางกล่าวทักทายเหลียนหมัวมัวที่อยู่ข้างกายลู่ฮูหยิน แล้วมุ่งหน้าไปยังเรือนฉีเสียงทันที เหยาเฟิ่งเกอที่ได้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ตั้งแต่เนิ่นๆ ก็เข้ามาคล้องแขนของนางด้วยความกระวนกระวาย ผ่านไปสักพักก็ไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา

เหยาเยี่ยนอวี่พิงอยู่บนตั่งไม้ของเหยาเฟิ่งเกอ แล้วดื่มน้ำโสมหนึ่งถ้วย หลังจากที่พักผ่อนไปราวๆ หนึ่งชั่วยามก็ค่อยๆ มีเรี่ยวแรงขึ้น ไม่ว่านางจะเอ่ยคำพูดเช่นไร เหยาเฟิ่งเกอก็ไม่ยอมปล่อยนางไป แค่ว่าเหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกว่าตอนนี้จวนติ้งโหวเกิดเรื่องชุลมุนวุ่นวายเช่นนี้ ทางที่ดีที่สุด ตนก็อย่าได้ไปข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้นเลย นางจึงให้เหตุผลว่าตนต้องผ่าตัดกำจัดรอยแผลเป็นของหันหมิงชั่น และยืนหยัดที่จะออกจากจวนให้ได้

หันซังเย่ว์ที่ส่งน้องสาวและเหยาเยี่ยนอวี่มาถึงที่นี่ ก็ไม่ได้จากไปไหน เขายังคงคอยเหยาเยี่ยนอวี่อยู่ตรงหน้าเรือนรับแขก หลังจากที่เหยาเฟิ่งเกอใคร่ครวญดูแล้ว นางจึงตัดสินใจว่าจะไปพักอาศัยอยู่กับเหยาเยี่ยนอวี่ที่บ้านสวนเป็นเวลาชั่วคราว แค่บอกว่าตนเองมีจิตใจที่ไม่สงบสุข และต้องการออกจากเมืองหลวงไปพักผ่อนหย่อนใจสองสามวัน รอให้ทารกในครรภ์แข็งแรงแล้วค่อยกลับมา

ซูอวี้เสียงได้ยินคำพูดเช่นนี้จึงรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมา “เจ้าจะไปหาเรื่องทำให้ตัวเองทุกข์ยากลำบากในเวลานี้ทำไมกัน ดูแลและบำรุงครรภ์ในจวนอยู่ดีๆ เถอะ! หากเดินทางออกนอกเมืองหลวง หนทางพวกนั้นก็สุดแสนจะลำบาก หรือว่าเช่นนี้จะทำให้เจ้ารู้สึกดีขึ้น”

เหยาเฟิ่งเกอไม่ยอมเชื่อฟังเขา แค่กล่าวขึ้นอย่างดื้อรั้น “พี่สะใภ้ใหญ่คอยระมัดระวังตนอยู่ทุกวี่ทุกวัน เหตุใดถึงได้หกล้มอย่างไร้เหตุผลเล่า ในจวนต้องมีวิญญาณร้ายอาศัยอยู่แน่นอน ข้าไม่กล้าอาศัยอยู่ต่อที่นี่แม้แต่วันเดียว อย่างไรข้าก็ต้องไปพักกับน้องสาวข้าที่บ้านนาสักสองสามวันให้ได้ ในใจจึงจะรู้สึกสบายใจมากขึ้น อีกอย่างมีน้องสาวข้าอยู่ ข้าจะกลัวว่าครรภ์ของข้าไม่แข็งแรงอีกได้อย่างไรกัน”

สองสามีภรรยาจึงถกเถียงกันไปสักพัก สุดท้ายซูอวี้เสียงก็เถียงเหยาเฟิ่งเกอไม่ไหว จึงทำได้เพียงบอกกล่าวให้ลู่ฮูหยินทราบเรื่อง

ภายในใจของลู่ฮูหยินเองก็กำลังวุ่นวายกับเรื่องที่เฟิงฮูหยินน้อยแท้งบุตรอยู่ และทางฝั่งองค์หญิงต้าจั่งก็ส่งอันหมัวมัวมาถามเกี่ยวกับต้นสายปลายเหตุของเรื่องที่เกิดขึ้น วันนี้ตนได้เสียหลานชายคนหนึ่งไปแล้ว และกลัวว่าเหยาเฟิ่งเกอที่มีสุขภาพร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้ว ทารกในครรภ์จะไม่แข็งแรงอีกจึงทำได้เพียงตอบตกลง อย่างไรก็ตามลู่ฮูหยินก็ยังไม่รู้สึกวางใจจึงส่งตัวเหลียนหมัวมัวไปเพื่อกำชับให้พวกบ่าวไพร่ดูแลนายหญิงดีๆ และได้เห็นหลี่หมัวมัวแม่นมของเหยาเฟิ่งเกอและสาวใช้ขั้นหนึ่งซานหูเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว ทั้งนายและบ่าวอีกสองสามคนก็ขึ้นรถม้าของเหยาเยี่ยนอวี่และหันหมิงชั่น โดยมีหันซังเย่ว์และซูอวี้เสียงไปส่งพวกนางด้วยกัน

ตอนที่รถม้าของเหยาเยี่ยนอวี่และหันหมิงชั่นออกจากจวนองค์หญิงใหญ่ก็ใกล้ยามเว่ย[1]แล้ว จากนั้นก็ยังมาเสียเวลาอยู่ในจวนติ้งโหวอีกหนึ่งชั่วยามกว่าๆ จึงทำให้พวกเขาต้องรีบเดินทางออกจากเมืองหลวงไปโดยเร็ว แต่สุดท้ายก็เกรงว่าถนนหนทางอาจจะขรุขระและเป็นหลุม จึงไม่กล้าขับเร็ว รอจนถึงบ้านนาน้อยวัวจวู ฟ้าก็มืดสนิทลงแล้ว

โชคดีที่หันซังเย่ว์เป็นบุรุษที่มั่นคงและไว้ใจได้ อีกทั้งยังนำเหล่าทหารที่น่าเชื่อถือติดตามมาด้วย พวกเขาสามารถปกป้องเหล่าสตรีให้เดินทางกลับบ้านชานเมืองอย่างปลอดภัย โดยไม่มีเหตุการณ์ที่น่าวิตกกังวลใดๆ เกิดขึ้น

หลังจากที่ถึงบ้านสวนวัวจวู เหยาเยี่ยนอวี่ที่ได้พักผ่อนมาตลอดทางก็สามารถฟื้นฟูให้ตัวเองมีชีวิตชีวาขึ้นมา นางลงจากรถม้าเป็นคนแรกเพื่อสั่งให้เฝิงหมัวมัวไปเตรียมที่พักให้กับเหยาเฟิ่งเกอและคนอื่นๆ แล้วสั่งเซินเจียงและเถียนหลัวไปเก็บกวาดเรือนนอนให้พวกหันซังเย่ว์พักอาศัยอยู่ที่นี่หนึ่งคืน ชุ่ยผิงเองก็ไปยุ่งวุ่นวายกับงานในโรงครัว เพื่อจัดเตรียมอาหารให้กับทุกคน

หันซังเย่ว์ดูแลด้วยตนเองให้คนขนย้ายสัมภาระของหันหมิงชั่นและเหยาเฟิ่งเกอไปยังเรือนหลัง ทุกคนต่างยุ่งวุ่นวายจนถึงยามไฮ่[2] ก็ค่อยแยกย้ายกลับเรือนไปอาบน้ำ แล้วเตรียมตัวเข้านอน

เรือนที่เหยาเยี่ยนอวี่เตรียมให้เหยาเฟิ่งเกอพาหลี่หมัวมัวและซานหูเข้าพักคือเรือนที่อยู่ฝั่งทิศตะวันออก ส่วนนางก็พาหันหมิงชั่นไปพักอาศัยอยู่ในเรือนนอนของนางเหมือนเดิม โชคดีที่เรือนมีขนาดกว้างขวาง อีกทั้งเตาผิงถูกสร้างขึ้นใหม่อย่างชาญฉลาด ในแต่ละเรือนจึงเต็มไปด้วยความอบอุ่น และถือว่าอบอุ่นกว่าเรือนในจวนองค์หญิงใหญ่และจวนติ้งโหวเสียอีก ต่อให้สาวใช้ปูที่นอนบนพื้นก็ยังไม่รู้สึกทรมานเพราะอากาศที่เหน็บหนาว

หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ เหยาเยี่ยนอวี่ก็เฝ้าจนเหยาเฟิ่งเกอนอนหลับสนิท นางจึงจะกลับเรือนของตน หันหมิงชั่นเองก็อาบน้ำเสร็จแล้วเปลี่ยนชุดนอนพิงอยู่บนเตียง เมื่อเห็นเหยาเยี่ยนอวี่ลากร่างที่อ่อนล้าของนางเข้ามาจึงเอ่ยขอโทษ “ไม่คาดคิดว่าการทำตามอำเภอใจของข้า แต่มันกลับทำให้น้องสาวลำบากมากเพียงนี้”

เหยาเยี่ยนอวี่เปิดผ้าห่มแล้วนอนลงใต้ผ้าห่ม จากนั้นก็นอนตะแคงข้างลงบนหมอนกลมสีเขียวมรกตที่ปักลายบุปผา แล้วมองหันหมิงชั่นพลางคลี่ยิ้มอ่อนๆ พร้อมกับส่ายหน้า “พี่หญิงพูดเช่นนี้กับข้า แสดงว่าเห็นข้าเป็นคนนอกหรืออย่างไร”

หันหมิงชั่นยื่นมือออกไปดึงปลายผ้าห่มของเหยาเยี่ยนอวี่ให้กระชับ จากนั้นก็ทอดถอนใจ “ข้าไม่ได้เห็นเจ้าเป็นคนนอก แค่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยแทนเจ้าจากใจจริง”

[1] ยามเว่ย เป็นเวลา 13:00-15:00

[2] ยามไฮ่ เป็นเวลา 21:00-23:00

Comment

Options

not work with dark mode
Reset