ตอนที่ 170 รักษาองค์ชาย ขอผลประโยชน์ (1)
ในโรงเตี๊ยม ไม่เพียงแต่มีหันซังเกอและอวิ๋นคุนอยู่ แม้แต่แม่ทัพเจิ้นกั๋วกงที่เป็นสุดยอดนักรบและเฉิงอ๋องอวิ๋นเสิ้นโย้วที่เป็นคนที่ควบคุมดูแลทหารรักษาการณ์ก็อยู่
เหยาเยี่ยนอวี่เห็นสถานการณ์เยี่ยงนี้ ภายในใจจึงรู้สึกลังเลขึ้นมาเล็กน้อย
หลังจากเจิ้นกั๋วกงและเฉิงอ๋องสบตากัน แล้วเจิ้นกั๋วกงก็เอ่ยพูด “คุณหนูเหยา เจ้ารู้สึกว่าบาดแผลขององค์ชายแห่งอาเอ่อร์เข้อเป็นเช่นไรบ้าง”
“ทูลกั๋วกง เมื่อวานหลังจากที่หม่อมฉันฝังเข็มเสร็จก็ยังไม่ทันได้ตรวจจับชีพจร ดังนั้นยังพูดอะไรไม่ได้เพคะ”
เฉิงอ๋องพยักหน้าแล้วตรัส “เช่นนั้นก็จับชีพจรให้ก่อนเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่โค้งลำตัวลง แล้วติดตามนางกำนัลที่เข้าเวรไปในเรือนของอาปาเข้อช่า พอแม่นางที่ลักพาตัวนางเห็นเหยาเยี่ยนอวี่จึงเดินมาข้างหน้ามาน้อมคำนับ จากนั้นก็เรียกเหยาเยี่ยนอวี่ว่า “ผู้มีพระคุณ” ภายในใจของเหยาเยี่ยนอวี่จึงคาดคะเนว่าผลลัพธ์ของการฝังเข็มเมื่อคืนนี้น่าจะไม่เลว
หลังจากเข้าเรือนไป ก็เลิกมุ้งขึ้น สีหน้าของอาปาเข้อช่าไม่ได้ขาวซีด ริมฝีปากก็ไม่ได้เขียวและม่วงอีกต่อไป ทว่ากลับมาสีม่วงคล้ำเล็กน้อย เหยาเยี่ยนอวี่จึงแอบโล่งอก นี่เป็นครั้งแรกที่นางแก้พิษด้วยวิธีการฝังเข็ม อีกทั้งยังไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามได้รับพิษอะไรเข้าสู่ร่างกาย ตอนนี้ดูๆ แล้วคงจะได้ผลดั่งที่คาดไว้
หลังจากที่เหยาเยี่ยนอวี่ยื่นมือไปจับชีพจร ก็เอ่ยถามแม่นางผู้นั้น “ให้ข้าดูแผลของเขาหน่อยเถอะ”
แม่นางผู้นั้นเปิดผ้าห่ม ทำให้เห็นแผงอกของอาปาเข้อช่า
ในผ้าพันแผลสีขาวมีผ้าทับอยู่หลายชั้น คราบเลือดเกราะกรังเป็นชั้นหนา ดูจากตำแหน่งกลับเป็นบาดแผลที่อยู่ฟากซ้ายและฟากขวา ตรงฟากขวาใกล้ตรงตำแหน่งหัวใจยิ่งนัก และหากแผลฟากซ้ายนั้นลึก เกรงว่าจะทำให้กลีบปอดได้รับบาดเจ็บ เหยาเยี่ยนอวี่มองแล้วรู้สึกตกใจภายในใจ แล้วอุทานขึ้นอีกครั้งว่าองค์ชายผู้มีเคราะห์ร้ายท่านนี้กลับสามารถรอดชีวิตมาถึงวันนี้
“หมอเซียนเหยา หมอเซียนเหยา!” แม่นางต่างแดนติดตามอยู่ข้างกายเหยาเยี่ยนอวี่ แล้วคำพูดที่ระบายความไม่สบอารมณ์โดยใช้ภาษาจีนนั้นน่าขบขันเล็กน้อย “ได้โปรดท่านช่วยชีวิตองค์ชาย!”
เหยาเยี่ยนอวี่มองนางอย่างรวดเร็ว แล้วนึกถึงแม่นางผู้นี้ที่แบกตนเองเดินไปครึ่งพื้นที่เมืองหลวงอวิ๋นและเกือบจะทำให้กระเพาะของตนเองเกิดอาการไหลย้อน จึงรู้สึกทั้งซาบซึ้งทั้งเกรี้ยวโกรธ
ซาบซึ้งที่นางสามารถทำเพื่อคนที่หมายปองในใจจนถึงขั้นนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และโกรธเกรี้ยวที่แม่นางผู้นี้ใช้ดาบจี้คอตนเอง
ดังนั้นจึงถอนหายใจ แล้วส่ายหัวอย่างประหม่า
“หมอเซียนเหยา!” แม่นางเห็นเหยาเยี่ยนอวี่ทำสีหน้าเช่นนี้ จึงรีบคุกเข่าลง แล้วกอดขาของเหยาเยี่ยนอวี่พร้อมกับอ้อนวอนขึ้น “ได้โปรด! ท่านต้องช่วยชีวิตองค์ชาย…”
“ข้าบอกว่า เขานอนอยู่ที่นี่ไม่ได้” เหยาเยี่ยนอวี่ยกมือแล้วชี้ไปยังตั่งไม้แคบที่อยู่ข้างๆ แล้วสั่งการ “เจ้ารีบสั่งคนยกเขาไปนอนทางโน้น ข้าจะทำแผลให้เขา ไม่เช่นนั้นพิษในร่างกายของเขาคงทำให้มีชีวิตอยู่รอดได้ไม่กี่วัน”
เหยาเยี่ยนอวี่สั่งการทางนี้เสร็จ ก็สั่งการชุ่ยผิง “เอาเครื่องมือออกมา แล้วจัดเตรียมให้พร้อม”
ชุ่ยผิงรีบตอบกลับ แล้วเปิดผ้าตรงกลางอกออก
ข้างในมีเสื้อ หน้ากากและหมวกที่ติดกระดาษมันไว้ เหยาเยี่ยนอวี่ใช้เหล้าต้มเช็ดห่อใส่เข็ม และห่อใส่มีดผ่าตัดโดยเฉพาะ แล้วยังมีที่คีบขนาดเล็ก กรรไกรขนาดเล็ก เส้นใยไหมที่มีความหนาบางไม่เหมือนกัน
แม้ว่าชุ่ยผิงจะเทียบชุ่ยเวยไม่ได้ ทว่าก็เคยผ่านการสอนจากเหยาเยี่ยนอวี่มาโดยพิเศษ จึงชำนาญเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ อีกอย่าง นางเหมือนจะมีความกล้าหาญกว่าชุ่ยเวย พอเห็นเลือดไม่กี่ครั้ง ก็รู้สึกเฉยชากับการบาดเจ็บทุกชนิดไปแล้ว
ทุกคนต่างเตรียมความพร้อมอย่างรอบคอบ ข้างนอกก็มีคนมาถึง
ขันทีเอกที่คอยติดตามอยู่ข้างกายฮ่องเต้เดินเข้ามา ทั้งข้างกายยังมีหมอหลวงอันดับหนึ่งในสำนักหมอหลวงจางชางเป่ยที่แทบจะติดตามอยู่ข้างกายฮ่องเต้โดยไม่ไปไหน ทั้งสองเห็นเจิ้นกั๋งกงและท่านเฉิงอ๋อง จึงโค้งลำตัวน้อมคำนับ “ท่านอ๋อง ท่านกั๋วกง บ่าวขอน้อมทำความเคารพท่านทั้งสอง”
“กงกงเชิญลุกขึ้นเถอะ” เฉิงอ๋องรีบยกมือ “มีพระราชโองการจากเสด็จพี่หรือ”
ไหวเอินรีบทำมือคารวะแล้วทูลด้วยรอยยิ้ม “ไม่มีพระราชโองการใด แค่เพียงฮ่องเต้ทรงเป็นห่วงองค์ชายแห่งอาเอ่อร์เข้อ จึงสั่งให้บ่าวมาดูว่าคุณหนูเหยาท่านนี้รักษาองค์ชายอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”
“เป็นเยี่ยงนี้นี่เอง” เฉิงอ๋องหันไปมองจางชางเป่ยเพียงพริบตาเดียว ภายในใจของเสด็จพี่ยังคงรู้สึกไม่วางใจเหยาเยี่ยนอวี่ หรือว่าอยากจะให้จางชางเป่ยมาเปิดหูเปิดตา ดังนั้นจึงคลี่ยิ้ม “ว่าไปแล้ว เปิ่นอ๋องก็ยังรู้สึกแปลกใจ”
เจิ้นกั๋วกงจึงคลี่ยิ้ม “ไหนๆ ทุกคนต่างก็แปลกใจ ไม่เช่นนั้นก็เข้าไปดูด้วยกันดีหรือไม่ ถึงแม้ฝีมือการแพทย์ของคุณหนูเหยานั้นอัศจรรย์ยิ่งนัก แต่ก็คงไม่ถือสาว่าจะมีหรือไม่มีคนไปดูหรอก”
“เช่นนั้นก็ดี” เฉิงอ๋องหันไปสั่งการคนที่อยู่ข้างๆ “ไปดูหน่อย เมื่อใดที่คุณหนูเหยาเริ่มก็มารายงาน เปิ่นอ๋องกับท่านกั๋วกงแล้วยังมีไหวเอินจะเข้าไปดู”
ผู้อารักขาที่อยู่ข้างๆ จึงขานรับแล้วหันหลังเดินจากไป อีกสักครู่หนึ่งก็เดินกลับมา “ท่านอ๋อง ท่านกั๋วกงพ่ะย่ะค่ะ คุณหนูเหยาเริ่มแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“ไป” เฉินอ๋องเหยียดกายลุกขึ้นแล้วเดินไปด้านหลังก่อน
ไหวเอินทำมือคารวะให้เจิ้นกั๋วกง แล้วเดินตามไป จางชางเป่ยเป็นคนที่ไม่มากความตลอดมา แน่นอนว่าต้องไม่มากความในเวลานี้อยู่แล้ว จึงคารวะเจิ้นกั๋วกง แล้วเดินตามไปติดๆ
เจิ้นกั๋งกงเคยเห็นเหยาเยี่ยนอวี่รักษาบุตรชายตนเองมาก่อน ดังนั้นจึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไร ทว่าหันซังเกอไม่เคยเห็น ดังนั้นจึงรีบเหยียดกายลุกขึ้นแล้วเดินตามไป เหยาเหยียนอี้ก็รู้สึกแปลกใจน้องสาวที่เป็นหมอเซียนคนนี้ของตนเองว่าทำการรักษาผู้ป่วยอย่างไร จึงเดินตามไปอย่างไม่เกรงใจ
ท่ามกลางคนเหล่านี้ เว่ยจางคนเดียวที่ดูมีสติที่สุด ทว่าภายในใจของเขากังวลเรื่องที่เหยาเยี่ยนอวี่พักผ่อนแค่ไม่นาน กลัวว่าร่างกายของนางจะรับไม่ไหว จึงหันไปสั่งการคนในโรงเตี๊ยม “ไปเตรียมน้ำแกงโสมเข้มข้นหนึ่งถ้วย”
คนของโรงเตี๊ยมก็นึกว่าจะให้องค์ชายแห่งอาเอ่อร์เข้อดื่ม จึงไม่กล้าชักช้า เลยรีบไปเตรียมทันที
ตรงห้องโถงเล็กที่อยู่ด้านหลัง บนตั่งไม้แคบที่ตั้งอยู่บนตรงกลางเรือน ข้างบนมีองค์ชายอาปาเข้อช่าแห่งอาเอ่อร์เข้อนอนสลบไสล
เหยาเยี่ยนอวี่ที่สวมหมวกและหน้ากาก แล้วยังมีเสื้อคลุมที่ผ่านการฆ่าเชื้อเรียบร้อยแล้ว และยังสวมใส่ถุงมือยืนอยู่ข้างตั่งไม้ ชุ่ยผิงสวมใส่อุปกรณ์ต่างๆ ที่เหมือนดั่งเหยาเยี่ยนอวี่ ข้างกายนางมีโต๊ะสูงวางอยู่หนึ่งโต๊ะ บนโต๊ะสูงมีผ้าฝ้ายสีขาวประดุจหิมะปูอยู่หนึ่งผืน ข้างบนมีมีดผ่าตัดวางเรียงรายตามลำดับ มีกรรไกร ที่คีบเล็ก เข็มเงิน เหล้าต้ม ผ้าฝ้ายที่ตัดเป็นแผ่นๆ และอื่นๆ
เหยาเยี่ยนอวี่ตัดผ้าพันแผลที่เปรอะเปื้อนเลือดบนเรือนร่างขององค์ชายอาปาเข้อช่าออก เผยให้เห็นแผลอันน่ากลัว
แผลทั้งสองเน่าแล้ว ทั้งยังส่งกลิ่นคาวและกลิ่นเน่าเสียของเนื้อปะปนกัน ทำให้เฉิงอ๋อง ขันทีไหวเอิน เหยาเหยียนอี้และคนอื่นๆ ที่ปกติมักจะใช้ชีวิตที่สุขสบาย ไม่เคยเจอกับสถานการณ์ที่อาบเลือดเยี่ยงนี้มาก่อน ทุกคนต่างก็เอาผ้าเช็ดหน้าปิดปากปิดจมูก และเกือบจะอาเจียนออกมา
แม้กระทั่งเจิ้นกั๋วกงและหันซังเกอที่ดูอยู่ ยังอดหันหน้าไปทางอื่นไม่ทัน
มีเพียงจางชางเป่ยที่มองเหยาเยี่ยนอวี่ นัยน์ตามีความนับถือแอบแฝง แม่นางตัวเล็กผู้นี้ดูมีผิวพรรณที่ขาวผ่องและสะอาดสะอ้าน กลับใจกล้าถึงปางนี้ หากเปลี่ยนเป็นแม่นางผู้อื่นมาเห็นบาดแผลเช่นนี้ เกรงว่าคงจะอาเจียนหมดไส้หมดพุง นางกลับไม่ แม้แต่นัยน์ตายังไม่แปรเปลี่ยน
แท้จริงแล้วภายในใจของเหยาเยี่ยนอวี่ก็สะดุ้งตกใจอยู่เหมือนกัน สถานการณ์ในตอนนี้ก็เท่ากับว่านางกำลังยืนอยู่ในห้องผ่าตัดแล้ว จิตใจที่กล้าหาญที่ถูกฝึกมาเมื่อชาติปางก่อนเริ่มผุดขึ้นมาทันที ตอนนี้นางอยู่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานแต่สีหน้ากลับไม่เปลี่ยน ภายในใจรู้สึกตื่นตกใจก็ส่วนของอาการตื่นตกใจ ทว่าสติไม่อาจวุ่นวายตามไปด้วยได้ แม้แต่จังหวะการเต้นของหัวใจก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลง ไม่เช่นนั้น หากมือเผลอสั่นขึ้นมา อาจจะทำให้ชีวิตของคนคนหนึ่งต้องสูญสิ้นไปก็ได้