ตอนที่ 178 ร่ำรวยอย่างมีคุณธรรม บุพเพสันนิวาสที่ทุลักทุเล (4)
เหยาเหยียนอี้พึมพำเสียงเรียบ “ไม่เช่นนั้นน้องสาวลองไปทูลองค์หญิงใหญ่ดูหรือไม่ สูตรปรุงยาชนิดที่สองนี้เทียบไม่ได้กับสูตรก่อนหน้านี้ ทว่าก็ไม่ควรทำการใดอย่างเปล่าประโยชน์ หากผลิตยาออกมาแล้วขายให้กับสามัญชนทั่วไป และช่วยผู้คนแก้ความยากลำบาก ก็ถือว่าเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง”
“ได้หรือ” เหยาเยี่ยนอวี่กำลังฉงนสงสัยในใจ
“นี่ก็ต้องดูว่าจะพูดอย่างไร” เหยาเหยียนอี้คิดวิเคราะห์อย่างละเอียด “หากฮ่องเต้ต้องการสร้างความน่างสนใจจริงๆ หากนำสูตรปรุงยานี้ไปแล้วก็วางไว้ตรงนั้น ก็แค่ต้องการต้องการศัตรูเท่านั้น ทว่าหากนำมาผลิตเป็นยาจริงๆ แล้วส่งไปขายในร้านยาใหญ่แต่ละแห่ง ไม่ใช่ว่าเป็นวิธีอย่างหนึ่งที่ป้องกันได้มากกว่าหรือ”
เหยาเยี่ยนอวี่ทำนัยน์ตาเปล่งประกาย แล้วเอ่ยชม “คำพูดนี้ของท่านพี่ช่างมีเหตุผล ข้าเข้าใจแล้ว”
เหยาเหยียนอี้พยักหน้าอย่างอมยิ้ม “เจ้าแค่ทูลองค์หญิงใหญ่หนิงหวา เรื่องนี้จะสำเร็จหรือไม่ ก็ต้องดูว่าองค์หญิงใหญ่จะทูลฮ่องเต้อย่างไร”
“อืม ข้าเข้าใจแล้ว” เหยาเยี่ยนอวี่ถูกพี่ชายที่มีประสบการณ์ด้านการค้าขายชี้แนะไปสองสามประโยค ความคิดก็ผุดขึ้นมาทันที จากนั้นจึงรีบกลับเรือนไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วมุ่งหน้าไปยังจวนองค์หญิงใหญ่
ก่อนหน้านี้ฮ่องเต้ก็ทรงตรัสมาแล้ว เรื่องที่เกี่ยวกับสูตรลับของยารักษาแผลภายนอก หากมีข้อสงสัยใดๆ ก็ให้ไปทูลองค์หญิงใหญ่หนิงหวา เพราะเหตุนี้ เหยาเยี่ยนอวี่จึงมาหาองค์หญิงใหญ่หนิงหวาเพื่อปรึกษหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ แน่นอนว่านางเองก็ไม่มีทางปฏิเสธกลับอยู่แล้ว
ได้ยินเหยาเยี่ยนอวี่ทูลเรื่องสูตรปรุงยาชนิดที่สองไปหนึ่งรอบ องค์หญิงใหญ่หนิงหวาจึงตรัสพร้อมรอยยิ้ม “ความคิดนี้ของเจ้าไม่เลว ทำให้สามัญชนทั่วไปสะดวกในการใช้ยา แล้วยังสามารถสร้างผลประโยชน์อีกหนึ่งช่องทาง อีกทั้งนี่ยังเป็นหนทางในการแสวงหาผลกำไรในระยะยาว หากกระทำการนี้ออกมาอย่างดี ต้องสร้างรายได้ที่น่าประทับแน่นอน”
ตลอดทางที่เหยาเยี่ยนอวี่เดินทางมาก็ทำการตัดสินใจแล้ว เรื่องนี้หากอยากจะกระทำในระยะยาว ก็ต้องดึงบุคคลที่มีภูมิหลังแแน่นแฟ้นมาร่วมลงทุนด้วยกัน ดังนั้นจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “เรื่องนี้แม้ว่าจะเป็นเรื่องนี้ ทว่าเยี่ยนอวี่ยังอายุน้อย แล้วยังเป็นเพียงแม่นางผู้หนึ่ง แค่เกรงว่าหากพึ่งพาแค่กำลังของตนเองก็คงกระทำการไม่สำเร็จ ต่อให้สามารถทำอย่างฝืนทนไปได้ ทว่าก็เกรงว่าจะเริ่มต้นอย่างสวยงาม แต่อาจจะจบลงอย่างย่ำแย่เพคะ”
องค์หญิงใหญ่หนิงหวาจึงแย้มพระสรวล “เจ้าจะพึ่งพาแต่กำลังของตัวเองได้อย่างไร เจ้าไม่ใช่ว่ายังมีบิดาและพี่ชายหรือ”
เหยาเยี่ยนอยี่ทูลกลับ “บิดาและพี่ชายของข้า วันนี้มัวแต่ยุ่งกับการงานที่ได้รับมอบหมายจากราชสำนัก แล้วยังต้องยุ่งวุ่ยวายกับงานในจวน ก็คงไม่มีกระจิตกระใจมากระทำการเหล่านี้ พี่รองก็ได้เข้าสอบคัดเลือกขุนนางแล้ว ตามความหมายของบิดา อนาคตก็คงอยากจะให้เขาได้เข้ารับตำแหน่งเพคะ เกรงว่าคงไม่มีใจว่ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้ ดังนั้นความเพียรพยายามนี้ของเยี่ยนอวี่ ยังต้องขอร้องให้องค์หญิงใหญ่ทรงช่วยเหลือเพคะ”
องค์หญิงใหญ่หนิงหวารู้สึกจากใจจริงว่าเรื่องนี้สามารถกระทำให้เป็นจริง จึงเอ่ยถามหันซังเกอที่อยู่ด้านข้าง “เจ้าคิดว่าเช่นไร”
หันซังเกอคลี่ยิ้ม “คุณหนูเหยาเองก็ครุ่นคิดเผื่อส่วนรวม พอนึกถึงตอนแรกที่น้องรองก็เคร่งเครียดมากเพียงใด ตอนนี้เรื่องเคร่งเครียดเหล่านั้นก็ผ่านไปแล้ว นางก็ดูมีความสุขมากขึ้น บางทีลูกก็คิดว่า ในทั่วพิภพนี้นั้นกว้างใหญ่เยี่ยงนั้น ไม่แน่ผู้ที่มีเรื่องเคร่งเครียดเหมือนดั่งน้องรองก็มีอยู่มากมาย ไหนๆ คุณหนูเหยาก็มีสูตรปรุงยาที่อัศจรรย์เช่นนี้แล้ว ก็ควรที่จะคลายเรื่องเคร่งเครียดของคนทั่วพิภพนี้ เพียงแต่ว่าหากเก็บสูตรยานี้ไว้ตามลำพัง อย่างไรก็คงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงใหญ่หนิงหวาทรงแย้มพระสรวล “ข้าก็หมายความว่าเช่นนี้เหมือนกัน แต่เรื่องนี้ต้องมีคนไปจัดการ คุณหนูเหยาก็เพิ่งจะบอกเมื่อครู่นี้ หากกำลังของผู้ที่กระทำการไม่เพียงพอ กลัวว่าเริ่มต้นดี แต่อาจจะจบอย่างย่ำแย่ ถึงเวลาความเพียรพยายามอาจจะเปล่าประโยชน์ อีกทั้งหากถูกคนใช้ประโยชน์ เรื่องดีก็อาจจะกลายเป็นเรื่องแย่ก็ได้”
หันซังเกอจึงคลี่ยิ้ม “หากท่านแม่รู้สึกว่าเรื่องนี้สามารถเป็นจริง ลูกกลับมีคนสองคนที่เหมาะสมในการจัดการกับเรื่องนี้”
องค์หญิงใหญ่หนิงหวาจึงเอ่ยถาม “อ่อ? คือใคร ไหนลองว่ามาซิ”
หันซังเกอคลี่ยิ้มพลางทูลกลับ “ก่อนจะถึงเทศกาลตรุษจีน เสด็จแม่ก็ทรงตรัสมาแล้ว อายุของหลานหมัวมัวครบหกสิบปีแล้ว นางรับใช้ท่านมาสี่สิบห้าปี ก็ควรจะถึงเวลาที่เกษียณอายุแล้ว หลานหมัวมัวออกไปเกษียณอายุ บุตรชายของนางทั้งสองก็ต้องติดตามออกไปรับใช้มารดาที่แก่เฒ่าของพวกเขา เหตุใดเสด็จแม่ถึงไม่ทรงกระทำเรื่องที่เมตตาต่อพวกเขา ให้พวกเขาสองคนมีการมีงานทำล่ะ อีกทั้งหลานหมัวมัวเป็นคนที่กระทำการทุกอย่างอย่างรอบคอบและสัตย์ซื่อ ลูกก็เห็นว่าบุตรชายทั้งสองของนางก็เป็นคนที่เหมาะสมที่สุด การที่พวกเขาออกไปทำงาน ก็ไม่เป็นการสร้างปัญหาต่อจวนแน่นอน”
“อืม คำพูดนี้ของเจ้ากล่าวได้ไม่เลว” องค์หญิงใหญ่หนิงหวาพยักหน้า “ตอนเทศกาลตรุษจีนข้ายังปรึกษาหารือกับเสด็จพ่อของเจ้าว่าจะหางานให้บุตรชายทั้งสองคนของหลานหมัวมัว แค่ว่าพวกเขาสองคนต่างไม่มีความชำนาญในการต่อสู้ งานในค่ายทหารก็ไม่เหมาะสมกับพวกเขา ว่าไปแล้ว นี่ก็คือเรื่องที่ไม่เลวอยู่เหมือนกัน” ขณะที่ตรัสขึ้น องค์หญิงใหญ่หนิงหวาก็มองเหยาเยี่ยนอวี่ พลางเอ่ยถาม “คุณหนูเหยาคิดว่าเป็นเช่นไร”
เหยาเยี่ยนอวี่จึงรีบทูล “ทุกอย่างให้เป็นไปตามการตัดสินขององค์หญิงใหญ่เพคะ”
วันนั้น องค์หญิงใหญ่หนิงหวาก็เรียกบุตรชายสองคนของหลานหมัวมัวมาเจอเหยาเยี่ยนอวี่
หลานหมัวมัวเป็นหมัวมัวที่องค์หญิงใหญ่พาออกจากวังหลวง หลังจากออกจากวังหลวงก็ได้แต่งงาน สามีคือรองแม่ทัพคนหนึ่งที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของหันเวย และก็ได้เสียชีวิตในการปราบกบฏเมื่อสิบกว่าปีก่อน พวกเขามีบุตรชายสองคน คนโตคือหันจวิ้นจง ปีนี้อายุสามสิบหก ส่วนบุตรคนที่สองนามว่าหันจวิ้นเสี้ยว ปีนี้อายุสามสิบเอ็ด ตอนนี้พวกเขาต่างก็ทำงานให้กับจวนเจิ้นกั๋วกง หันจวิ้นจงคอยรับผิดชอบผู้เช่าสวนจวนกั๋วกงที่เช่าเฉพาะในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ส่วนหันจวิ้นเสี้ยวก็ดูแลเรื่องการซ่อมแซมจวนเจิ้นกั๋วกงในทุกปี
เหยาเยี่ยนอวี่เป็นผู้ที่เกิดมาในสองภพชาติ อย่างไรก็สามารถตันสินความผิดชอบชั่วดีของคนจากภายนอกได้มากกว่าผู้อื่นอยู่แล้ว ถึงแม้สองพี่สองคู่นี้จะไม่ได้ดูฉลาดหลักแหลมะ ทว่าเป็นคนที่ซื่อสัตย์สุจริต แน่นอน บุคคลที่ท่านซื่อจื่อเจิ้นกั๋วกงแนะนำ ต้องไม่ย่ำแย่เกินไปอยู่แล้ว และต้องไปฉลาดหลักแหลมเกินไป
หากย่ำแย่เกินไป ออกไปจัดการธุระต่างๆ ก็คงจะทำให้หน้าตาของจวนกั๋งกงต้องเสื่อมเสีย หากฉลาดเกินไป…หันซังเกอไม่เคยคิดว่าเหยาเยี่ยนอวี่เป็นคนโง่ หากนำคนสองคนที่ฉลาดหลักแหลมเกินไปให้นางใช้งานก็คงเป็นการสร้างปัญหาให้นาง
เรื่องนี้สามารถลุล่วงอย่างราบรื่นโดยที่นางเองก็คาดคิดไม่ถึง นี่จึงทำให้เหยาเยี่ยนอวี่มีอารมณ์ที่ดีกว่าปกติ หลังจากที่ทำการสำคัญเสร็จสิ้น หันหมิงชั่นก็ลากตัวเหยาเยี่ยนอวี่ไปลอบพูดคุยเล่น และให้นางอยู่ทานมื้อเที่ยงด้วยกัน ถึงจะปล่อยให้นางกลับไป
หลังจากออกจากจวนองค์หญิงใหญ่ เหตุเพราะเวลายังไม่สาย เหยาเยี่ยนอวี่จึงสั่งการเถียนหลัว “พวกเราไปเยี่ยมชมโรงหลอมกระจกหน่อยเถอะ”
เถียนหลัวตอบกลับด้วยความดีใจ จึงเปลี่ยนทิศทางรถม้า แล้วมุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองหลวง
การแบ่งแยกพื้นที่ของเมืองหลวงต้าอวิ๋นเป็นระเบียบเรียบร้อยจริงๆ โรงงานช่างฝีมือจะรวบรวมอยู่ที่ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ อะไรก็ตามที่หลอมเหล็กหล่อทองแดง การประดิษฐ์เครื่องประดับเงินและทอง อีกทั้งยังมีร้านที่ประดิษฐ์เครื่องปั้นดินเผา แน่นอนว่าขอบข่ายของโรงงานหัตถกรรมเหล่านี้ไม่ได้ใหญ่มาก ทว่าก็มุ่งเน้นในการทำงานอย่างประณีต เหล่าช่างฝีมือที่นี่ต่างก็ได้รับการสืบทอดงานฝีมือมาสามชั่วรุ่น ปกติไม่ได้งานยุ่งมาก ทว่าชิ้นงานที่รับมาต่างก็ได้รับจากเหล่าตระกูลชั้นสูง
เหยาเยี่ยนอวี่พูดในใจ หากอยู่ในยุคปัจจุบัน นี่ก็คือการสั่งทำสินค้าเฉพาะตัวเรานั่นเอง
เหตุเพราะถนนเส้นนี้ค่อนข้างคับแคบ และรถม้าของเหยาเยี่ยนอวี่เป็นรถที่ขับเคลื่อนด้วยม้าสองตัว จึงไม่สะดวกในการขับเข้าไปด้านใน ดังนั้นเถียนหลัวจึงจอดรถม้าไว้ตรงปากทาง เหยาเยี่ยนอวี่ก็ต้องเดินเข้าไปข้างในซอย
ตอนที่เดินเข้าไปในนั้น เหยาเยี่ยนอวี่ยังคิดว่า สถานที่แห่งนี้สามารถใช้เป็นสถานที่ชั่วคราวเท่านั้น หากรอให้ทดลองสำเร็จ และสามารถหลอมกระจกที่ได้มาตรฐาน ก็ยังต้องหาสถานที่ที่กว้างขวางเพื่อสร้างโรงงานใหญ่ ไม่เช่นนั้นหากกระจกที่ผลิตออกมาสำเร็จแล้ว ทว่ากลับขนออกไปไม่ได้ ก็คงจะเป็นปัญหา
ชุ่ยเวยและชุ่ยผิง สาวใช้สองคนนี้และผัวซื่อสองคนที่ซื่อสัตย์สุจริตก็เดินเข้าไปในซอยไปพร้อมกันเหยาเยี่ยนอวี่ ก่อนหน้านี้บ่าวสองคนที่จะหนุ่มยังแน่น ซึ่งเป็นบ่าวที่คอยติดตามอยู่ด้านหลังรถม้าก็ลงจากม้าแล้วติดตามมาด้วย มีเพียงเถียนหลัวที่ยังคงเฝ้ารถม้าอยู่ตรงปากทางเข้าถนน
หลังจากที่คนเผ่าอาเอ่อร์เข้อลักพาตัวเหยาเยี่ยนอวี่ไป เหยาเหยียนอี้ก็หาบ่าวที่เป็นวิชาการต่อสู้มาคอยปกป้องเหยาเยี่ยนอวี่อยู่สองคน
ตอนนั้นเหยาเยี่ยนอวี่จึงหัวเราะ บอกว่านางแค่เดินทางในเขตเมืองหลวงอวิ๋นเท่านั้น ในนี้มีทหารจิ่นหลินของฮ่องเต้คอยรักษาความปลอดภัย แล้วยังมีคนของจวนเจิ้นกั๋วกงอีก คนทั้งสองฝั่งไม่มีทางอนุญาตให้ตนเองเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่นอน จำเป็นต้องพาผู้อารักขาคอยติดตามตนเองอยู่ตลอดเวลาด้วยหรือ