ตอนที่ 192 อาหารเช้าของท่าเรือ การเดิมพันทางน้ำ (4)
บันไดหินริมท่าเปียกแฉะไปด้วยน้ำ เหยาเยี่ยนอวี่เดินอย่างระมัดระวัง ไม่ให้น้ำกระเซ็นมาเปื้อนรองเท้าจนสกปรก เหยาเหยียนอี้เดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าวก็มองนาง เพียงพริบตาเดียวจากนั้นก็ขมวดคิ้วเตือนนางให้เดินช้าๆ
หากเดินเข้าไปลึกกว่านี้ ตามริมทางจะมีร้านขายปลาขายผัก และยังมีร้านขายอาหารเช้าจำพวกปาท่องโก๋ แป้งทอด เต้าฮวย และน้ำเต้าหู้ อีกทั้งยังมีไข่ต้มใบชาและอื่นๆ
เหยาเยี่ยนอวี่มองไปรอบทิศ กำลังคิดว่าจะกินอะไรดี
ทันทีทันใดเหยาเหยียนอี้ก็หยุดเดิน ชี้ไปยังเพิงไม้ข้างๆ พร้อมเอ่ยถาม “ซาลาเปาร้านนั้นมีคนต่อแถวเยอะเป็นพิเศษ ไม่เช่นนั้นพวกเราลองไปดูไหม”
“เหอะ! เยี่ยมมาก!” เซียวหลินหันไปมองก็เห็นใต้เพิงมีชายเปียกปอนสิบกว่าคนกำลังกินซาลาเปาอย่างตะกละตะกลาม บนโต๊ะมีซาลาเปาวางอยู่ในซึ้งข้างๆ มีซึ้งว่างที่วางทับกันเป็นชั้นๆ มองจากตาเปล่า ซึ้งที่ข้างในว่างเปล่าเหล่านั้นมีราวๆยี่สิบซึ้ง
“อร่อยขนาดนั้นเลยหรือ” เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกสงสัยในความขายดิบขายดีของร้านซาลาเปา
“คุณชายเหยา!” ถังเซียวอี้ที่อยู่ท่ามกลางบุรุษเหล่านั้นก็เงยหน้าพร้อมยกมือขึ้นทักทายพวกเขาสามคน ตอนที่เห็นเหยาเยี่ยนอวี่ แววตาของเขาก็เป็นประกาย “มา! มากินด้วยกันที่นี่เถอะ”
เหยาเหยียนอี้อยากจะรีบเดินจากไป เขาพาน้องสาวมา จะนั่งกินอาหารกับเหล่าบุรุษที่ร่างกายเปียกปอนแบบนี้ได้อย่างไร
เซียวหลินกลับรู้สึกน่าสนใจ สาวเท้าเดินไปทันที “นี่ไม่ใช่คุณชายถังหรือ! ช่างบังเอิญจริงๆ”
บนท่าเรือทุกคนต้องปิดบังตำแหน่งและฐานะทางราชการ ถังเซียวอี้ตบสหายคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เบาๆ เพื่อสื่อให้เขาหลีกที่นั่ง สหายคนนี้จึงหยิบซาลาเปาขึ้นมาทีเดียวสามลูก ยัดเข้าปากหนึ่งลูกพลางพึมพำขึ้น “ท่านค่อยๆ กิน ข้าน้อยขอตัวก่อนขอรับ” จากนั้นก็เดินไปทางฝั่งท่าเรือโดยไม่หันหลังกลับมา
“คุณชายเหยา! มานี่สิ!” ถังเซียวอี้เห็นสองพี่น้องตระกูลเหยายืนอยู่ที่เดิมจึงขานเรียกอย่างสนิทสนม
หากยังไม่เดินไปอีกก็คงจะไม่ให้เกียรติเขา เหยาเหยียนอี้หันไปมองเหยาเยี่ยนอวี่เพียงพริบตาเดียว ยังดีที่น้องสาวของตนเองแต่งกายเป็นบุรุษ นับเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก!
สองพี่น้องเดินตามกันไป ถังเซียวอี้ก็สั่งให้คนข้างๆ หลีกที่นั่งอีกครั้ง “นี่ หลีกที่นั่งหน่อยข้ามีธุระต้องคุยกับคุณชายเหยา”
คนเหล่านั้นที่บ้างกินอิ่มแปล้ บ้างกำลังเรอก็ลุกขึ้น ไม่นานคนที่กินใกล้อิ่มก็คว้าซาลาเปาไปสองสามลูก เตรียมตัวจากไปส่วนคนที่ยังไม่อิ่มก็รู้ตัวดี จึงเปลี่ยนไปนั่งโต๊ะอื่นกับสหายคนอื่น
ตอนที่เหยาเหยียนอี้และน้องสาวนั่งลง คนที่อยู่ตรงโต๊ะนี้ก็แทบจะหายไปจนหมดแล้ว
ถังเซียวอี้มองเหยาเยี่ยนอวี่เพียงพริบตาแล้วยิ้มสดใส พร้อมกับยื่นมือเอาแขนเสื้อเช็ดตรงเก้าอี้ข้างๆ มองเหยาเยี่ยนอวี่ด้วยความเอาใจใส่พร้อมกันคลี่ยิ้ม “มา คุณชายเหยาท่านนี้ เชิญนั่งทางนี้ขอรับ”
เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยมองเก้าอี้ที่ถูกไอ้หมอนี่ทำเปียก เจ้าไม่เช็ดก็ยังดี พอเช็ดแล้วก็เปียกไปด้วยน้ำจะให้คนอื่นนั่งอย่างไร!”
เหยาเหยียนอี้ถอนหายใจอย่างประหม่าแล้วกระชากผ้าเช็ดหน้าในแขนเสื้อผืนหนึ่งออกมา ยื่นไปให้เหยาเยี่ยนอวี่ นางจึงรับไว้แล้วปูบนเก้าอี้พร้อมกันส่งยิ้มให้กับถังเซียวอี้และนั่งลง
“ซาลาเปาร้านนี้ไม่เลวจริงๆ” ถังเซียวอี้ยื่นซาลาเปานึ่งสีขาวดุจหิมะให้พร้อมกับคลี่ยิ้ม “พวกท่านทั้งสองรีบลิ้มลองดู ไส้แน่นแป้งบาง เลิศรสยิ่งนัก มิน่าล่ะ ถึงได้ขายดิบขายดีเยี่ยงนี้”
“อื้ม? เหตุใดถึงเห็นแค่คุณชายถังมาตามลำพัง” เซียวหลินกัดซาลาเปาหนึ่งคำแล้วกวาดสายตามองไปก็ไม่เห็นแม่ทัพเว่ย
“เมื่อคืนนายของพวกเรานอนไม่หลับทั้งคืน เวลานี้จึงนอนทดแทน” ถังเซียวอี้กล่าวขึ้นแล้วมองเหยาเยี่ยนอวี่ด้วยสายตาลุ่มลึก
ดั่งคาด คิ้วทรงสวยของคุณหนูเหยาที่แต่งกายเป็นบุรุษขมวดเข้าเล็กน้อย แม้กระทั่งซาลาเปาก็ลืมกัด
เหยาเหยียนอี้กระแอมในลำคอแล้วพูดขึ้น “เขาไม่ได้กระทำความผิดอะไรเสียหน่อย เหตุใดถึงนอนไม่หลับทั้งคืน”
ถังเซียวอี้คลี่ยิ้ม “นี่ไม่ได้เกี่ยวว่าเขากระทำความผิดหรือไม่ นายของข้ากำลังครุ่นคิดถึงผู้ที่โปรดปรานในใจ นี่เรียกว่าอะไร…หมายปองไม่ได้ตื่นหลับครวญใคร่เขาเรียกว่าเช่นนี้หรือไม่คุณชายเซียว?” ถังเซียวอี้หันไปมองเซียวหลินเพื่อที่จะหาแนวร่วมให้ตนเอง
“อืม ถูกต้อง คือประโยคนี้แหละ” เซียวหลินพยักหน้าแล้วกัดซาลาเปาต่ออีกหนึ่งคำพร้อมกับเอ่ยชม “ซาลาเปาร้านนี้ไม่เลวจริงๆ! ประเดี๋ยวตอนกลับก็ซื้อกลับไปหลายสิบลูกเถอะ ตอนเที่ยงจะได้กินกัน”
เหยาเหยียนอี้เหลือบตามองเซียวหลินแล้วก้มหน้ากัดซาลาเปาอย่างไม่พอใจ จากนั้นคิ้วที่ขมวดเป็นปมก็คลายออกทันที…อืม ซาลาเปาร้านแบบนี้กลับทำได้อร่อยขนาดนี้เลยหรือ
คุณชายรองตระกูลเหยาไม่อยากได้ยิน อีกทั้งไม่อยากยินยอมให้ใครพูดถึงน้องสาวของตนอย่างหมายปองเช่นนั้น ก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตากินซาลาเปา
เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกว่ารองแม่ทัพถังผู้นี้ช่างพูดยิ่งนัก อีกทั้งนัยน์ตาที่มองตัวเองมักจะเคล้าด้วยการหยอกล้อ ดังนั้นก็ไม่อยากจะมากความ แค่ตั้งใจกินมื้อเช้า
พวกเขาทั้งสามอย่างไรก็เทียบเทียมกับท่านแม่ทัพไม่ได้ ผู้ที่กินเยอะที่สุดคือเซียวหลิน เขากินซาลาเปาไปห้าลูกก็อิ่มแล้ว
เหยาเหยียนอี้เห็นเหยาเยี่ยนอวี่ไม่กินต่อจึงควักเศษก้อนเงินในถุงบุหงาออกมาจ่ายเงินหนึ่งอัน เฒ่าแก่เห็นเศษก้อนเงินนี้อย่างน้อยก็เท่ากับสองชั่ง ดังนั้นจึงคลี่ยิ้มอย่างลำบากใจ “คุณชายท่านนี้ ซาลาเปาหนึ่งลูกเท่ากับหนึ่งอัฐ ท่านให้ข้าทั้งหมดสิบสองอัฐก็พอ”
เหยาเหยียนอี้จับถุงบุหงา ในนั้นมีเงินก้อนอีกหลายอัน ทว่าแต่ละอันก็มากกว่าที่ให้ไป
ถังเซียวอี้ผายมือพลางพูดกลั้วหัวเราะ “ไม่เช่นนั้นคิดของพวกเราด้วยเถอะ ดูว่าก้อนเงินพอหรือไม่ หากยังเยอะอยู่ก็ให้ซาลาเปาเพิ่มอีก บนเรือของข้าไม่มีอะไรให้กิน”
เหยาเหยียนอี้เม้มปากแล้วชำเลืองมองถังเซียวอี้ด้วยสายตาไม่พอใจครู่หนึ่ง แต่เหยาเยี่ยนอวี้กลับคลี่ยิ้มบางแล้วเสวนากับเฒ่าแก่ร้านซาลาเปา “ทำตามที่คุณชายท่านนี้พูดเถอะ”
เฒ่าแก่ได้ยินจึงตอบกลับอย่างดีใจ ไม่นานก็เอาใบบัวที่ห่อซาลาเปาไว้สองก้อนมาแล้วยังให้กระเทียมอีกสองสามหัว
เหยาเหยียนอี้สุดจะบรรยายจริงๆ มองเหยาเยี่ยนอวี่อย่างเย็นชาพร้อมกับพูดขึ้น “ไปเถอะ” เขาลุกขึ้นแล้วจากไปก่อน ขี้คร้านแม้แต่จะกล่าวลาถังเซียวอี้
เหยาเยี่ยนอวี่คิดว่าพวกถังเซียวอี้วิ่งมาตั้งไกลขนาดนี้ก็เพื่อที่จะตามมาปกป้องตนเอง ไม่ว่าอย่างไรแผนการเดินทางครั้งนี้ของตนก็ได้ได้กำไรอยู่แล้ว คนเหล่านี้กลับต้องลำบากเสียเปล่า คิดดังนี้แล้วก็มักจะรู้สึกผิดกับพวกเขา ดังนั้นจึงลุกขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มจางให้กับถังเซียวอี้ “ลำบากคุณชายถังแล้ว พวกเราขอตัวก่อน”
ถังเซียวอี้พยักหน้าอย่างพึงพอใจ ใบหน้าเคล้าด้วยรอยยิ้มสดใสเหมือนสายลมฤดูใบไม้ผลิ “พวกเราต่างก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
เหยาเหยียนอี้ที่อยู่ข้างหน้าได้ยินคำพูดนี้ก็แทบจะกระอักเลือกออกมา คนๆ นี้ไม่รู้สึกอับอายขายขี้หน้าเลยหรือไร ใครเป็นครอบครัวเดียวกัน ใครที่ต้องเกรงใจกัน ใคร!
เหยาเยี่ยนอวี่ไม่อยากให้พี่ชายตนเองเข้าใจเว่ยจางผิดอีกต่อไป ต่อให้ก่อนหน้านี้เว่ยจางจะทำเรื่องที่เกินเลยไปหน่อย ทว่าตอนนี้นางก็ไม่อยากให้พวกเขามีเรื่องบาดหมางใจกันดังนั้นจึงหาเวลาว่างแอบบอกเหยาเหยียนอี้ว่าการเดินทางสู่ตอนใต้ในครั้งนี้ของเว่ยจาง เป้าหมายของเขาคือมาปกป้องตนเองตามคำสั่งฮ่องเต้ให้
เหยาเหยียนอี้ได้ยินเช่นนี้จึงเงยหน้ามองเรือเล็กไม่กี่ลำที่อยู่ที่ไกลๆ ถึงแม้สีหน้ายังคงดูไม่ดี ทว่ากลับไม่พูดอะไรอีก
ถังเซียวอี้นำซาลาเปากลับไปที่ท่าเรือ เรือของพวกเขาก็เทียบท่าแล้ว หลังจากขึ้นเรือ ถังเซียวอี้ก็วางซาลาเปาไว้ตรงหน้าแม่ทัพเว่ยแล้วคลี่ยิ้ม “ท่านแม่ทัพกินตอนร้อนๆ เถอะ นี่เป็นตั้งซาลาเปาที่คุณชายเหยาซื้อแน่ะ”