ตอนที่ 194 เยี่ยนอวี่เกลี้ยกล่อมท่านแม่ทัพหวั่นไหว (1)
ถังเซียวอี้เอ่ยชมและเชิดชูเหมือนไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใดท่านแม่ทัพเว่ยก็ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้แท้จริงว่าภายในใจของเขาก็รู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย
เขาจะไม่รู้จักแม่ทัพเว่ยได้อย่างไร หากพูดถึงการสังหารศัตรูในสนามรบ แม่ทัพเว่ยต้องไร้เทียมทานและไม่มีใครเทียบได้แน่นอน ทว่าจับปลาในน้ำ…ต่อให้ครุ่นคิดอย่างไรก็รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจ เพราะว่าคนอย่างพวกเราเป็นทหารที่เติบโตจากพื้นที่ทะเลสาบและพื้นที่ราบสีเขียว ถึงแม้จะรู้ทักษะใต้น้ำ ทว่าตอนอยู่ในน้ำกลับไม่เคยกล้ายืดเยื้อเวลานานถึงเพียงนี้
ถังเซียวอี้ไม่มากความอีกต่อไป แน่นอนว่าเว่ยผิงก็ไม่เรียกร้องอะไรอีก เหยาเยี่ยนอวี่จึงเก็บเบ็ดตกปลาแล้วแขวนหยกตรงเบ็ด จากนั้นก็หย่อนเบ็ดลงไปในน้ำช้าๆ รอให้ปลามาหาตนเอง
ทันใดนั้นทุกคนต่างก็ไม่พูดไม่จา บรรยากาศเงียบงันจนทำให้ไม่สบายใจ
เวลาผ่านไปนานนัก จนบ่าวที่พายเรือทนไม่ไหวอีกต่อไป จากนั้นก็โยนไม้พายแล้วเริ่มถอดเสื้อ “บ่าวจะลงไปตามหาท่านแม่ทัพขอรับ!”
“ห้ามไป!” ถังเซียวอี้สีหน้าเคร่งขรึม นานทีปีหนที่เขาจะเคร่งขรึมเช่นนี้ เรื่องนี้ไม่เพียงแต่เป็นการเดิมพันเท่านั้น ยังเกี่ยวกับหน้าตาของแม่ทัพ ถังเซียวอี้จะให้บ่าวคนหนึ่งไปช่วยเว่ยจางได้อย่างไร อีกอย่าง นี่ยังอยู่ต่อหน้าแม่นาง
เหยาเยี่ยนอวี่แม้สีหน้านิ่งสงบ แท้จริงแล้วภายในใจก็ไม่สบายใจอยู่แต่แรกแล้ว ทุกนาที ทุกวินาทีล้วนผ่านไปอย่างยากลำบากจริงๆ เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยสีหน้ากระวนกระวายอย่างไม่อาจปิดบังไว้ได้อีก สุดท้ายนางก็รอไม่ไหว หัวใจเต้นรัวแรงด้วยความกังวลยิ่งนัก กระสับกระส่ายไปทั้งตัว
นางจึงโยนเบ็ดตกปลาในมือทิ้งแล้วหันกลับไป
ถังเซียวอี้กลับเงยหน้ามองท้ายเรือลำใหญ่ ความตื่นเต้นกระวนกระวายบนใบหน้าจู่ๆ ก็ราวจะบ้าคลุ่งขึ้นมาแล้วขานเรียกด้วยเสียงหัวเราะอันแผ่วเบา “ท่านแม่ทัพ?”
เหยาเยี่ยนอวี่จึงหยุดชะงักไปลงแล้วค่อยๆ หันกลับมา
ตรงท้ายเรือ ศีรษะของแม่ทัพเว่ยเปียกโชกไปด้วยน้ำ จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เดินขึ้นมาโดยทิ้งรอยเท้าเปียกน้ำเอาไว้ ความโอหังและทระนงตัวยังคงไม่ลดน้อยลงเลย ในมือของเขาจับแหปลาเก่าๆ พังๆ ไว้ แหเต็มไปด้วยตะไคร่น้ำ ข้างในมีปลาตัวเป็นๆ ที่กำลังดิ้นไปดิ้นมา
“ท่านแม่ทัพ!” ถังเซียวอี้กระโดดขึ้นบนเรือใหญ่ด้วยความดีใจแล้วยื่นมือไปรับแหปลาเก่าพังนั้นขึ้นมา พร้อมกับยกขึ้นอวด “ปลาเยอะขนาดนี้เลยหรือ ตอนเที่ยงข้าคงมีลาภปากแล้ว!”
เหยาเยี่ยนอวี่คลี่ยิ้มบางๆ แล้วมองคนๆ นั้น จากนั้นก็กัดริมฝีปากแล้วสั่งชุ่ยผิงที่อยู่ข้างๆ “ไปเอาน้ำขิงมาหนึ่งถ้วย”
“เจ้าค่ะ” ชุ่ยผิงเป็นสาวใช้ที่มีไหวพริบดีจึงรีบตอบกลับแล้วหันหลังวิ่งไปทันที
“นี่! คุณหนูเหยา ข้าไปสั่งให้จัดการกับปลา! ตกลงกันไว้แล้ว… ปลาเผาตอนมื้อเที่ยงต้องมีส่วนของข้าด้วยนะ!” ถังเซียวอี้ยกปลาแล้วตะโกนใส่เหยาเยี่ยนอวี่ก่อนเดินจากไป
เว่ยจางสะบัดหัวของตนเอง หยดน้ำบนเส้นผมก็ถูกสะบัดกระจัดกระจาย
“เสื้อ!” เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้วแล้วตะโกนให้กับคนที่อยู่บนเรือเล็กข้างล่าง
“อ้อ! ขอรับ! รับไว้นะขอรับ!” บ่าวที่จงรักภักดีของแม่ทัพเว่ยม้วนชุดคลุมสีนิลและที่คาดเอวให้เป็นก้อน จากนั้นก็โยนให้กับเหยาเยี่ยนอวี่
เหยาเยี่ยนอวี่ไม่ได้ระวังตัว แค่รู้สึกเหมือนมีเมฆอันมืดครื้มปกคลุม เสื้อตัวนั้นกำลังตกลงคลุมหน้าคลุมหัว นางสะดุ้งตกใจแล้วรีบเอามือไปกันข้างหน้าไว้ทันที “นี่… เจ้าทำอะไรเนี่ย!”
ทันใดนั้นเมฆมืดครื้มนั้นก็ถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งจับไว้ ตรงหน้าของคุณหนูเหยาจึงสว่างขึ้นมาทันที
เว่ยจางสะบัดเสื้อของตัวเองที่พันไว้ออก คลุมลงบนร่างของตนเองพลางหันไปก่นด่าบ่าวคนนั้น “ทำตัวประมาท! ลงไปฝึกกลั้นหายใจในน้ำไป!”
“ขอรับ!” บ่าวคนนั้นก็ไม่กล้าชักช้า พอรับคำก็หันหลังกระโดดลงไปในน้ำ
เหยาเยี่ยนอวี่อดหัวเราะและมองบนไม่ได้ ภายในใจกำลังคิดว่า ใครสั่งให้เจ้าด่าคนอื่นเมื่อครู่นี้ล่ะ! ยังทำตัวไม่ซื่อสัตย์อีก ถึงถูกแม่ทัพของเจ้าลงโทษด้วยการลงไปแช่น้ำในแม่น้ำ!
“เจ้าชนะแล้ว”
“เจ้าแพ้แล้ว”
เหยาเยี่ยนอวี่และเว่ยจางเอ่ยพูดพร้อมกันต่างฝ่ายต่างพูดออกมาสามคำ จึงอดหัวเราะไม่ได้
“ภูมิใจแล้วหรือ” เหยาเยี่ยนอวี่หัวเราะเสร็จแล้วก็มองแม่ทัพเว่ยอย่างดูถูก
“อืม” แม่ทัพเว่ยพยักหน้าอย่างไม่ถ่อมตน “แน่นอน”
“มีอะไรน่าภูมิใจ” คุณหนูเหยาพูดด้วยเสียงในลำคอ
แม่ทัพเหยากลับหัวเราะอย่างมีความสุขมากกว่าเดิม “ได้กินปลาที่เจ้าเผาเองกับมือแน่นอนว่าต้องภูมิใจสิ”
“ปัญญาอ่อน!” คุณหนูเหยาเหลือบตามองแม่ทัพที่เรือนร่างเปียกโชกแล้วหันหลังเดินจากไป
“นี่…” แม่ทัพเว่ยกำลังอยากจะพูดอะไรก็รู้สึกคันจมูก จามไปหนึ่งที
เหยาเยี่ยนอวี่รีบตะโกนเสียงดัง “ชุ่ยผิง น้ำขิงล่ะ?”
ตอนที่เรือค่อยๆ แล่นออกจากท่าเรือ เหยาเยี่ยนอวี่กำลังนั่งลงข้างกายถังเซียวอี้แล้วสั่งการเขาที่กำลังจัดการกับปลาเหล่านั้น
“ต้องเอาเส้นคาวปลาออกก่อน” คุณหนูเหยาสั่งการด้วยเสียงราบเรียบ
“อะไรคือเส้นคาวปลา” รองแม่ทัพถังถามด้วยความงงงวย
“หั่นตรงนี้ออก” คุณหนูชี้นิ้วมือขาวผ่องไปบนตัวปลา
ถังเซียวอี้จึงหั่นตามรอยที่นางบอกแล้วเอ่ยถาม “จากนั้นล่ะ?”
“นี่ดึงอย่างไร!” รองแม่ทัพถังแทบเป็นบ้า เขาไม่ใช่เหล่าแม่นาง เรื่องร้อยเข็มร้อยด้ายเขาจะทำเป็นได้อย่างไร
“จับที่นี่ไว้จากนั้นก็ตบตัวปลาเบาๆ…” เหยาเยี่ยนอวี่ทำให้เขาดู
“เจ้าทำไหม” ถังเซียวอี้ยื่นปลาไป
“ไม่เอา!” เหยาเยี่ยนอวี่ปัดมืออย่างรังเกียจ “ข้าไม่ชอบกลิ่นคาวปลา เร็วเข้า”
แม้กระทั่งเนื้อของคนยังกล้าผ่า แล้วยังกลัวกลิ่นคาวปลาอะไรอีก ถังเซียวอี้พร่ำบ่นในใจสุดท้ายก็ยังดึงเส้นคาวปลาออกอย่างช้าๆ ตามที่เหยาเยี่ยนอวี่บอก
“เอาเครื่องในปลาออกด้วย” เหยาเยี่ยนอวี่พูดขึ้นอีกรอบ
“อะไรคือเครื่องในปลา” ถังเซียวอี้ใกล้จะเป็นบ้าจริงๆ แล้ว “ยังมีอะไรอีก”
“สมองปลาก็เอาออกด้วย แล้วยังมีหนังปลาสีดำที่อยู่ในท้องของปลา ต้องล้างให้สะอาดด้วย”
รองแม่ทัพถังเปิดปากอย่างเบื่อหน่าย “ไม่ใช่แล้วกระมัง? แค่กินปลาต้องลำบากเช่นนั้นเลยหรือ”
เหยาเยี่ยนอวี่คลี่ยิ้มน้อยๆ “เจ้าไม่ทำก็ได้”
“เช่นนั้นข้าทำดีกว่า” ถังเซียวอี้ก้มหน้าล้างปลาอย่างยากลำบาก เขาสัมผัสได้ว่าหากแม่ทัพของทุกคนได้แม่นางคนนี้ไปเป็นภรรยา ชีวิตของเหล่าสหายคงไม่สุขสบายแน่นอน!
ครั้งนี้เว่ยจางลงไปจับปลาสิบกว่าตัวในน้ำ ตัวที่ใหญ่สุดก็ยาวหนึ่งฉื่อ ตัวเล็กก็ประมาณห้าหกนิ้ว
ถังเซียวอี้ล้างไปไม่กี่ตัวก็พอจับวิธีได้แล้ว หลังจากนั้นก็ทำอย่างคล่องมือ หลังจากที่ทำความสะอาดแล้วก็ใส่ไว้ในกะละมังเครื่องปั้นดินเผา เหยาเยี่ยนอวี่สั่งให้ชุ่ยเวยมาปรุงพวกเกลือ พริกป่น และเหล้าเพื่อหมักปลา
“เสร็จแล้วหรือ” ถังเซียวอี้เห็นปลาที่หมักด้วยเครื่องปรุงสิบกว่าชนิดก็เหมือนได้กลิ่นหอมของปลา อืมน้ำลายใกล้จะไหลลงมาแล้ว