ตอนที่ 224 คนทำชั่วได้ชั่ว สมรสพระราชทาน (2)
“ร่วมแสดงความยินดี?” เหยาเชวี่ยหวามีลางสังหรณ์ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี ทว่ากลับไม่รู้ว่าคืออะไร
“เจ้าดื่มสุราจนมึนเมาแล้วไปนอนอยู่กลางศาลาหลังสวนไห่ถังแห่งจวนจิ้งหนานปั๋ว คุณชายใหญ่แห่งตระกูลซ่งก็อยู่ที่นั่นพอดี ฮูหยินตามหาเจ้าตั้งนานแต่ก็หาไม่เจอเสียที ท้ายที่สุดก็ไปเจอเจ้ากลางศาลา…เจ้านอนบนตั่งไม้ เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย คุณชายใหญ่แห่งตระกูลซ่ง…เฮ้อ! ฮูหยินเครียดจวนตายพวกเราเลยกลับจวนทันที”
เหยาเยี่ยนอวี่พูดถึงขั้นนี้คลี่ยิ้มพลางปลอบโยน “แต่ว่าอย่างไรพวกเราก็เป็นญาติ จะลงโทษเขาอย่างไรก็คงขึ้นอยู่กับจิ้นหนานปั๋ว ทว่าเจ้าวางใจเถอะ คุณชายใหญ่ซ่งคงถูกทรมานร่างกายอยู่บ้าง ทว่าคงไม่ถึงขั้นสิ้นใจ เพราะอย่างไรเขาก็เป็นถึงต้นกล้าเพียงต้นเดียวของจิ้งหนานปั๋ว”
พอพูดถึงเช่นนี้ เหยาเยี่ยนอวี่มองสีหน้าที่ไม่น่าเชื่อของเหยาเชวี่ยหวาพลางยิ้มบางอีกครั้ง “เจ้าว่าพอเกิดเรื่องนี้ขึ้นควรให้พวกเจ้าหมั้นหมายกันก่อนหรือเปล่า แท้จริงแล้วพวกเราที่เป็นเพียงบุตรีอนุภรรยา การที่ได้แต่งงานกับบุตรชายภรรยาหลวงของจิ้งหนานปั๋วก็ถือว่าเป็นงานสมรสที่ไม่เลวแล้ว ดังนั้นไม่ใช่ว่าควรแสดงความยินดีกับเจ้าหรอกหรือ”
“เป็นไปได้อย่างไร!” เหยาเชวี่ยหวารีบลุกขึ้นยืนจากเตียงพร้อมปาหมอนใส่เหยาเยี่ยนอวี่ “เป็นไปได้อย่างไร! ไม่ใช่เช่นนี้! ไม่ใช่…”
“น้องสามเจ้าเป็นอะไรไป! ใครอยู่ข้างนอกเข้ามาที!” เหยาเยี่ยนอวี่รีบลุกขึ้นพลางหลบไปด้านหลังแล้วตะโกนขานเรียกคนทันที
ผัวจื่อที่อยู่ด้านนอกรับคำ พอเห็นสถานการณ์เช่นนี้ต่างก็เข้ามาจับเหยาเชวี่ยหวาไว้ “คุณหนูสาม! ท่านกำลังทำอะไร ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ”
“ไม่ใช่เช่นนี้! ไม่ใช่!” เหยาเชวี่ยหวายกมือตีผัวจื่อที่กำลังจะเดินเข้ามาจับนางพลางตะโกนเสียงสูง “เจ้าพูดจาเหลวไหล! ไม่ใช่เช่นนี้…ข้าไม่แต่งงานกับเขา! ใครจะแต่งกับเขา…เจ้าทำร้ายข้า! เจ้า…”
เหยาเยี่ยนอวี่ขมวดคิ้วพร้อมเปรยขึ้น “เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้น้องสาวสะเทือนใจอย่างมาก คงจะวิตกกังวลเกินไปจนขาดสติ พวกเจ้าดูแลนางดีๆ อย่าพูดอะไรที่สะเทือนใจนางอีก ประเดี๋ยวรอให้นางสงบสติลงแล้วค่อยให้นางดื่มตํารับยาบํารุงหัวใจช่วยให้นอนหลับเสียหน่อย จะได้ให้นางนอนหลับสบายมากยิ่งขึ้น”
เหล่าผัวจื่อรับคำ หนึ่งในผัวจื่อที่เป็นผู้นำก็หันกลับไปเสวนากับเหยาเยี่ยนอวี่ “คุณหนูรองท่านกลับไปก่อนเถอะ ที่นี่ให้พวกบ่าวจัดการก็พอแล้ว คุณหนูสามเป็นบ้าไปแล้ว อย่าปล่อยให้นางพลั้งมือมาทำร้ายท่านอีกเลย!”
เหยาเยี่ยนอวี่เปรยขึ้น “ได้ พวกเจ้าก็ระวังตัวหน่อยเถอะ”
“คุณหนูกลับดีๆ เจ้าค่ะ” ผัวจื่อเห็นเหยาเยี่ยนอวี่เดินไป พลันหันไปมองเหยาเชวี่ยหวาด้วยความโมโห “คุณหนูสาม! บ่าวขอเตือนท่านว่าให้สงบสติอารมณ์หน่อย ทุกคนจะได้ไม่ต้องเดือดร้อน! เป็นแม่นางคนหนึ่งแท้ๆ ทว่ากลับไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว เกิดเรื่องเช่นนี้ยังจะโวยวายอีก หน้าตาของทุกคนในจวนเสื่อมเสียหมดแล้ว!”
“เจ้า! เจ้า…” คำพูดเพียงไม่กี่คำถึงกับทำให้เหยาเชวี่ยหวาพูดไม่ออก จากนั้นนางจึงสลบไปอีกครั้ง
“ดีแล้ว ครั้งนี้จะได้สบายใจขึ้นมาหน่อย” ผัวจื่อปรบมือพลางชี้ไปยังสาวใช้สองคนพร้อมสั่งการ “พวกเจ้าสองคนเฝ้าตรงนี้ไว้ให้ดี ข้าไปดูยาต้มว่าเสร็จหรือยั งเกิดนางฟื้นขึ้นมาอีกครั้งก็คงยากจะป้อนยานางอีก”
ณ เรือนเก็บของแห่งหนึ่งในจวนตระกูลเหยา
จื่อหลิงถูกมัดข้อมือแขวนอยู่บนคานเรือน ตอนนี้หน้าตนางามอมแมม คราบเลือดเปื้อนมุมปาก ดวงหน้าบวมช้ำ เห็นได้ชัดว่านางถูกทำร้ายมาอย่างแสนสาหัส
เหยาเหยียนอี้ใช้เท้ากระแทกสาวใช้พลางมองนางด้วยความเย็นชา จากนั้นสะบัดชายเสื้อหย่อนตัวลงนั่งไขว้ขาบนเก้าอี้ พูดอย่างเลือดเย็น “ปล่อยนางลงมา”
ผัวจื่อที่อยู่ด้านข้างจึงแกะเชือกแล้วค่อยๆ หย่อนจื่อหลิงลงสู่พื้น ผ่านไปพักใหญ่ก็ไม่เห็นนางขยับใดๆ
“ว่ามาเถอะ” เหยาเหยียนอี้มองหลิงจืออย่างเลือดเย็น “คุณชายซ่งให้อะไรที่ตระกูลเหยาของข้าไม่ให้เจ้าบ้าง เจ้าถึงทำเรื่องที่ไร้มนุษยธรรมเช่นนี้”
“บ่าว…บ่าว…” ตอนที่จื่อหลิงถูกค้นตัวจนเจอผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นก็รู้ว่าครั้งนี้ตนเองคงไม่อาจมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว
หากพูดความจริงว่าตนทำตามคำสั่งของคุณหนูสามและเอายาปลุกกำหนัดมาจากซ่งเหยียนชิงเพื่อลอบทำร้ายคุณหนูรองอาจจะโดนหนักกว่าเดิม แม้กระทั่งคนในครอบครัวก็อาจจะพลอยลำบากไปด้วย ดังนั้นนางรู้ว่าตนเองพูดความจริงออกมาไม่ได้ อีกอย่างนางยังมีความหวังเล็กๆ ที่จะโยนความผิดทั้งหมดให้ซ่งเหยียนชิง ไม่แน่ตระกูลเหยาอาจจะไว้ชีวิตตนเองก็ได้
ดังนั้นจื่อหลิงจึงค่อยๆ พูดขึ้นด้วยถ้อยคำที่นางเตรียมไว้ออกมา “บ่าว…ถูกคุณชายใหญ่ข่มขู่เจ้าค่ะ เขา…บอกว่าหากไม่ฟังคำสั่งของเขา จะเอา…จะเอาบ่าวไปขายที่หอนางโลม…” จื่อหลิงอธิบายทั้งน้ำตา “บ่าวกลัว…คุณชายรอง บ่าวกลัวมาก…บ่าวไม่อยากถูกขายไปยังสถานที่โสมมเช่นนั้น…”
“ดังนั้นเจ้าเลยทรยศนายหญิงตนเองอย่างนั้นหรือ!” เหยาเหยียนอี้ตวาดด้วยความโมโห
“บ่าวมิบังอาจ…บ่าวรู้สึกเสียใจภายหลัง…จึงเปลี่ยนใจไปตามหาคุณหนู….ไปช่วยคุณหนู…”
เหยาเหยียนอี้แสยะยิ้ม “เจ้าพูดเช่นนี้แสดงว่าเจ้ายังมีคุณงามความดีอย่างนั้นสิ?! หรือข้ายังต้องขอบคุณเจ้า?!”
“บ่าวสมควรตาย! บ่าวสมควรตาย!” จื่อหลิงพูดไปพลางโขกหน้าผากกับพื้น “ได้โปรดคุณชายรองปล่อยคนบาปอย่างบ่าวไปเสียเถอะ วันข้างหน้าบ่าวไม่กล้าอีกแล้ว…บ่าวยอมไปเป็นสาวใช้ทำงานลำบากที่บ้านสวน ได้โปรดคุณชายรองอภัยคนบาปอย่างบ่าว…”
เหยาเหยียนอี้ก็ไม่ได้มากความอะไรอีก ซ่งเหยียนชิงเป็นผู้ที่มีสันดานอย่างไรเขาย่อมรู้ดี หลายปีที่ผ่านมา ปากบอกว่าโปรดปรานชุ่ยเวย ตอนนี้กลับมาข่มขู่จื่อหลิง ไม่ว่าใครที่มีรูปโฉมงดงามแม้เพียงเล็กน้อยเขาก็ไม่ยอมปล่อยไป และเหตุเพราะฮูหยินผู้เฒ่ายังอยู่ ตระกูลเหยาจึงต้องให้เกียรติจวนจิ้งหนานปั๋ว เขายิ่งอยู่ก็ยิ่งโหดเหี้ยมขึ้นเรื่อยๆ ยังนึกว่าตระกูลเหยาไม่กล้าแตะต้องเขาใช่ไหม!
“เจ้าคนสารเลวนี่!” เหยาเหยียนอี้ตบราวจับเก้าอี้พลางผุดลุกขึ้น ก่อนจะออกไปข้างนอกก็ได้ออกคำสั่ง “จับตามองเจ้าคนต่ำทรามนี้ไว้ให้ดี! อย่าเพิ่งปล่อยให้นางตาย”
คนที่อยู่ตรงประตูรับคำแล้วยื่นมือกลับไปปิดประตู จื่อหลิงรู้ว่ายื้อชีวิตของตนไว้ได้เพียงชั่วคราวจึงถอนหายใจยาวๆ พลางคลานบนพื้น
ณ เรือนหนิงรุ่ย ในเรือนฮูหยินผู้เฒ่าซ่ง
บ่าวทุกคนต่างก็ถูกไล่ให้ออกไปด้านนอก ในเรือนเหลือเพียงสองแม่ลูกข้าหลวงเหยา
เหยาหย่วนจือนั่งตรงด้านล่างด้วยสีหน้าอึมครึม ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งนั่งอยู่ด้านบนก็ชักสีหน้าบูดบึ้ง
ทั้งสองแม่ลูกนิ่งเงียบไปสักพัก สุดท้ายฮูหยินผู้เฒ่าซ่งเอ่ยขึ้นก่อน “ใครก็คงไม่อยากให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น! ดีที่เรื่องนี้ยังไม่ถูกปล่อยออกไปข้างนอก ตอนนี้ยังถือว่ากอบกู้สถานการณ์ไว้ทัน”
เหยาหย่วนจือเอ่ยถามอย่างไม่พอใจ “ท่านแม่อยากจะกอบกู้เช่นไร”
“เดิมทีข้าอยากสานความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลของพวกเราให้ใกล้ชิดกันกว่าเดิม จึงอยากยกยัยหนูรองให้กับตระกูลซ่ง วันนี้พอเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นก็ยกยัยหนูสามไปเถอะ คงต้องให้นางหมั้นหมายก่อนพี่สาวนางแล้ว…ทว่านี่ก็ทำอะไรไม่ได้ นางยังเล็ก เรื่องงานสมรสก็หมั้นหมายไว้ก่อน รอให้นางเติบโตเป็นสาว เจ้าเด็กเหยียนชิงก็คงจะกลายเป็นคนที่ดีขึ้นเอง”
“ข้าไม่เห็นด้วย” เหยาหย่วนจือพูดเสียงเย็นชา “เรื่องนี้เห็นได้ชัดว่าเขาคิดร้ายในใจ! หากตอบตกลงไม่ใช่เป็นการปล่อยให้เขาสมดั่งปรารถนาหรือ บุตรีของข้าเหยาหย่วนจือต่อให้ต้องเลี้ยงดูจนแก่จนสิ้นใจในจวนก็ไม่ยอมยกให้สัตว์เดรัจฉานเช่นนี้! เพื่อป้องกันไม่เกิดปัญหาอะไรในภายภาคหน้า แม้กระทั่งชื่อเสียงของเหล่าญาติมิตรยังต้องพลอยลำบากเพราะเขา”
ฮูหยินผู้เฒ่าซ่งพลันกังวลใจขึ้นมาทันที จึงตบโต๊ะพลางเอ่ยถาม “นี่เจ้าหมายความว่าอะไร! คนของตระกูลซ่งไม่เข้าตาเจ้าเช่นนี้เลยหรือ เจ้ายังเห็นข้าอยู่ในสายตาอีกไหม!”