หมอหญิงจ้าวดวงใจ – ตอนที่ 266 สุนัขรับใช้ติดกับดักเฟิ่งเกอได้บุตรี (5)

ตอนที่ 266 สุนัขรับใช้ติดกับดักเฟิ่งเกอได้บุตรี (5)

หลี่หมัวมัวเดินเข้าไปค้อมตัวน้อมทำความเคารพอย่างชื่นอกชื่นใจแล้วเอ่ยขึ้น “ฮูหยินน้อยรอง คุณหนูรอง ตลอดการเดินทางลำบากพวกท่านแล้วเจ้าค่ะ”

สาวใช้เฉินซินเล่าเรื่องที่เหยาเฟิ่งเกอน้ำคร่ำแตกและกำลังจะคลอดบุตรให้หลี่หมัวมัวฟังแล้ว หลี่หมัวมัวกล่าวทักทายเสร็จจึงไม่กล้าชักช้าเลยรีบพูดขึ้น “ฮูหยินน้อยรอง คุณหนูใหญ่ของพวกเราใกล้คลอดบุตรแล้ว จึงสั่งให้คนมารายงาน ให้รีบเชิญฮูหยินน้อยรองและคุณหนูรองไปเจ้าค่ะ”

เหยาเหยียนอี้ได้ยินคำพูดนี้จึงรีบพูดขึ้น “เป็นเช่นนี้แล้วพวกเจ้าก็รีบไปเถอะ”

คุณหนูรองเหยาผู้น่าสงสารเพิ่งจะลงเรือยังไม่ทันดื่มน้ำแม้แต่คำเดียวก็ถูกเชิญขึ้นรถม้าพลางเดินทางไปที่จวนติ้งโหวอย่างเร่งรีบ

ต่อให้รถม้าจะเดินทางเร็วมากเพียงใด ระยะจากท่าเรือเข้าเมืองก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ตอนที่เหยาเยี่ยนอวี่เข้าจวนติ้งโหวก็รีบมุ่งหน้าไปยังเรือนฉีเสียงโดยตรง ตอนนี้เหยาเฟิ่งเกอรู้สึกปวดจนไม่มีเรี่ยวแรงอะไรแล้ว

หมอตำแยรู้สึกร้อนใจอย่างมากจึงสั่งให้คนป้อนน้ำโสมให้เหยาเฟิ่งเกอดื่ม ขณะเดียวกันก็พยายามปลอบประโลมให้เหยาเฟิ่งเกอใช้แรงเบ่งแล้วบอกให้ทำเช่นนี้เช่นนั้น ทำให้เหยาเฟิ่งเกอทรมานจนไม่มีแรงแม้แต่จะดื่มน้ำแกง ยังดีที่นางยังมีลมหายใจอยู่จึงแค่เอ่ยถามขึ้น “พี่สะใภ้ใหญ่ เหตุใดน้องรองถึงยังมาไม่ถึง”

เฟิงฮูหยินน้อยที่เฝ้าอยู่ด้านข้างก็รู้สึกร้อนใจนัก ทว่าเรื่องที่ไปรับคน ต่อให้ใจร้อนไปก็ไม่มีประโยชน์

นางกำลังครุ่นคิดว่าจะเกลี้ยกล่อมอย่างไรดี เฉินซินก็ตะโกนอย่างเร่งรีบจากด้านนอก “คุณหนูรองเหยามาแล้ว! หนิงฮูหยินน้อยมาแล้วเจ้าค่ะ!”

เหยาเฟิ่งเกอได้ยินจึงมีเรี่ยวแรงขึ้นมาทันที จากนั้นก็ปวดท้องอย่างน่าแปลก นางยังไม่ทันพูดอะไรออกมาก็กรีดร้อง ‘อ๊า’ หลังจากนั้นก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างไหลผ่านช่องคลอด จนทำให้ช่องคลอดฉีกขาด

“คลอดแล้วๆ!” หมอตำแยยกมือตบก้นทารกสองที ทารกจึงร้อง ‘แอ๊ะๆ’

เหยาเฟิ่งเกอรู้สึกเหมือนถูกสูบวิญญาณออกจากร่าง นางถอนหายใจยาวแล้วค่อยๆ หลับตาไปเมื่อใดก็ยังไม่รู้

หนิงฮูหยินน้อยและเหยาเยี่ยนอวี่เข้าประตูก็ได้ยินเหยาเฟิ่งเกอกรีดร้องจึงตกใจจนชะงักฝีเท้าลง หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของทารกน้อย หนิงฮูหยินน้อยถอนหายใจยาวแล้วตบหน้าอกพลางเปรยขึ้น “อมิตตาภพุทธ! พี่ใหญ่คลอดบุตรแล้ว!”

“คลอดแล้ว! ฮูหยินน้อยสามคลอดแล้วเจ้าค่ะ!” เหล่าผัวจื่อวิ่งออกไปรายงานเรื่องน่ายินดีกับลู่ฮูหยิน “ยินดีกับฮูหยินน้อยด้วยเจ้าค่ะ ฮูหยินน้อยสามได้บุตรีเจ้าค่ะ!”

ลู่ฮูหยินพยักหน้ายิ้มๆ แล้วพูดขึ้น “เด็กอยู่ที่ใด รีบอุ้มมาให้ข้าดูที”

หนิงฮูหยินน้อยและเหยาเยี่ยนอวี่เข้าไปน้อมคำนับลู่ฮูหยิน ลู่ฮูหยินน้อยเห็นทั้งสองคนจึงเชิญพวกนางนั่งลงด้วยความเกรงใจแล้วให้คนยกน้ำชามา

หู่พั่วอุ้มเด็กน้อยเข้าไปน้อมทำความเคารพกับหนิงฮูหยินน้อย แล้วอุ้มไปให้ลู่ฮูหยินดู “ฮูหยินเจ้าคะ ดูเร็วๆ หน้าตาของยัยหนูน้อยเหมือนฮูหยินน้อยสามของพวกเรายิ่งนัก ตอนโตมาต้องเป็นหญิงงามล่มเมืองแน่นอนเจ้าค่ะ”

รอยยิ้มของลู่ฮูหยินจางลงเล็กน้อยและไม่คิดจะอุ้มเด็ก แค่ยื่นมือไปลูบจับดวงหน้าของหลานสาวตัวน้อยแล้วพูดขึ้น “ดูน่าเกลียดน่าชังอยู่เหมือนกัน”

หู่พั่วพลันพูด “ฮูหยินจะตั้งชื่ออะไรดีเจ้าคะ”

ในจวนมีหลานชายเพิ่มขึ้น แน่นอนว่าต้องให้ท่านโหวเป็นคนตั้งอยู่แล้ว ทว่าหากมีหลานสาวเพิ่มขึ้น เรื่องตั้งชื่อคงไม่จำเป็นต้องไปรบกวนท่านโหวอีก หู่พั่วพูดเช่นนี้ก็ถูก

แค่ลู่ฮูหยินไม่ชอบเหยาเฟิ่งเกอตั้งแต่ทีแรก แน่นอนว่าต้องไม่ชอบหลานสาวที่หน้าตาคล้ายคลึงมารดา ดังนั้นจึงพูดยิ้มๆ “พี่สะใภ้ของต้นตระกูลนางมาพอดี ไม่เช่นนั้นก็ให้พี่สะใภ้นางเป็นคนตั้งเถอะ”

หนิงฮูหยินน้อยพลันพูด “ข้าจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้อย่างไร จะกล้าตั้งชื่อให้หลานสาวไปเรื่อยเปื่อยได้อย่างไรกัน จะไม่กลายเป็นเรื่องน่าขบขันหรือเจ้าคะ” ขณะที่พูดก็ยกมือดึงสร้อยทองตรงคอที่นางใส่มาหลายปีแล้ววางลงบนผ้าห่อทารกพร้อมพูดขึ้นยิ้มๆ “เดินทางมาเร่งรีบเกินไปจึงไม่ทันได้เตรียมของขวัญหลาน นี่เป็นสร้อยที่ข้าใส่มาสิบกว่าปี ข้างบนสลักบทสวดไว้ ขอให้พระพุทธองค์ปกปักรักษายัยหนูน้อยให้เติบโตอย่างแข็งแรงและราบรื่นเถอะ”

ขณะที่ฝั่งนี้กำลังพูด เฉินซินก็เดินเข้ามาอย่างกังวลใจ “ฮูหยินเจ้าคะ ฮูหยินน้อยสามตกเลือดค่อนข้างมาก ได้โปรดคุณหนูรองเหยาไปดูอาการหน่อยเถอะเจ้าค่ะ”

หนิงฮูหยินน้อยได้ยินจึงพูดกับเหยาเยี่ยนอวี่ “เจ้ารีบไปเถอะ”

เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้าแล้วไม่พูดไม่จา แค่เดินไปที่เรือนข้างตะวันตกทันที

ในห้องคลอดฟุ้งด้วยกลิ่นคาวเลือด ฟูกด้านล่างอาบด้วยเลือดดำและแดงปะปนกันไป แม้นสถานการณ์จะไม่ค่อยน่ากังวลมากเท่าใด ทว่าเห็นได้ชัดว่าหมอตำแยทั้งสองคนกระวนกระวายใจมาก

เหยาเยี่ยนอวี่เดินเข้าไปจับข้อมือของเหยาเฟิ่งเกอ หลังจากจับชีพจรแล้วจึงสั่งผัวจื่อที่อยู่ข้างๆ “เปิดผ้าห่มแล้วพับขากางเกงขึ้น”

“เอ๊ะ แม่นางผู้นี้คือ…” หมอตำแยคาดไม่ถึงว่าสตรีคนหนึ่งที่ยังไม่ออกเรือนกลับมาสั่งโน่นสั่งนี่จึงค่อนข้างทนดูไม่ได้

“อย่ามากความ! ทำตามที่คุณหนูสั่ง!” เฟิงฮูหยินน้อยตำหนิด้วยเสียงเรียบ

หมอตำแยไม่กล้ามากความจึงทำตามคำสั่งของเหยาเยี่ยนอวี่ พวกนางเลิกขากางเกงเผยให้เห็นน่องขาของเหยาเฟิ่งเกอ เหยาเยี่ยนอวี่รับเข็มเงินมาแล้วฝังเข็มตรงจุดซานยินเจียวก่อน จากนั้นก็ค่อยๆ ไล่ขึ้นไปด้านบนจนถึงจุดเทียนเชวี่ย เวลาผ่านไปแค่หนึ่งก้านธูปเหยาเฟิ่งเกอก็ค่อยๆ ได้สติกลับมา

“น้องรอง?” เหยาเฟิ่งเกอลืมตามองหน้าด้านข้างของเหยาเยี่ยนอวี่ ภายในใจยอมรับว่าถ้าน้องสาวคนนี้อยู่ข้างกายตนถึงจะรู้สึกไม่มีอะไรน่ากลัว

เหยาเยี่ยนอวี่เอ่ยถามอย่างคิ้วขมวด “พี่สาวได้รับบาดเจ็บตรงช่วงเอวก็เพราะโดนคนชนหรือไม่”

“เรื่องนี้เจ้าก็รู้ด้วยหรือ” เหยาเฟิ่งเกอยิ้มอย่างประหม่า “ยังไม่ต้องพูดสิ่งนี้ ยัยหนูน้อยล่ะ”

เฟิงฮูหยินน้อยพลันพูด “ยัยหนูน้อยสบายดี ตอนนี้อุ้มไปให้ท่านแม่ดูแล้ว”

เหยาเฟิ่งเกอยิ้มจางๆ แล้วพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง “ข้าอยากดูยัยหนูน้อยหน่อย”

“ได้ ข้าจะไปอุ้มมา” เฟิงฮูหยินน้อยพูดไปแล้วหันหลังออกไปอุ้มเด็ก

เหยาเยี่ยนอวี่ดึงเข็มเงินออกแล้วสั่งให้ผัวจื่อทำความสะอาดเลือดที่อยู่ใต้เรือนร่างของเหยาเฟิ่งเกอแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวสะอาด จากนั้นก็ยกนางไปบนตั่งไม้สะอาดด้านข้างเตียงทำคลอด และให้ขนของใช้อื่นๆ ออกไปเผาไฟ

จนถึงตอนนี้ฟ้าก็ค่อยๆ มืดมัวลง ร่างกายแม้นจะอ่อนแอทว่าก็ยังเอ่ยถามถึงบิดามารดาในจวน ทั้งยังถามเรื่องการเดินทางในครั้งนี้ว่าราบรื่นดีหรือไม่

หนิงฮูหยินน้อยจึงเกลี้ยกล่อม “เจ้าเพิ่งจะคลอดบุตรเสร็จอย่าเพิ่งครุ่นคิดถึงเรื่องอื่นใดเลย ในตอนนี้อยู่เดือนและบำรุงสุขภาพให้ดีจึงจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ท่านแม่บอกให้ข้ามาเมืองหลวงทีแรกก็เพื่อเรื่องคลอดบุตรของเจ้า วันนี้ข้าคงต้องพักอาศัยอยู่ที่นี่เพื่อดูแลเจ้าเป็นการชั่วคราว พวกเรายังมีเวลาให้พูดคุยอีกเยอะมิใช่หรือ เจ้ารีบพักผ่อนก่อนเถอะ”

เหยาเฟิ่งเกอยิ้มอย่างอ่อนระโหย “ตอนนี้ข้าดีใจเช่นนี้จะหลับลงได้อย่างไร รีบไปอุ้มยัยหนูน้อยมาให้ข้าดูเถอะ”

แม่นมพลันอุ้มทารกมาให้เหยาเฟิ่งเกอ เหยาเฟิ่งเกอก้มหน้ามองบุตรีหน้าแดงระเรื่อจึงพูดยิ้มๆ “หน้าตาอัปลักษณ์จริงๆ”

หนิงฮูหยินน้อยคลี่ยิ้ม “นางเพิ่งออกจากครรภ์มารดา ยังไม่ทันได้เติบโตเลย! อีกไม่กี่วันก็ดีขึ้นแล้ว! ต้องเป็นยัยหนูน้อยที่มีหน้าตาละมุนละไมแน่นอน”

“ยัยหนูน้อยได้ตั้งชื่ออะไรหรือยัง” นิ้วมือของเหยาเฟิ่งเกอลูบไล้ใบหน้าเล็กๆ ของบุตรีเบาๆ แล้วพึมพำ สักพักกลับหันไปมองเหยาเยี่ยนอวี่ “น้องรอง เจ้าตั้งชื่อให้ยัยหนูน้อยเถอะ”

“นี่…คงไม่เหมาะสมหรือเปล่า” เหยาเยี่ยนอวี่กำลังครุ่นคิดว่า นี่เป็นตั้งหลานสาวจวนติ้งโหว จะให้นางเป็นคนตั้งชื่อได้อย่างไร

Comment

Options

not work with dark mode
Reset