ตอนที่ 330 สั่งสอนคนชั่ว (4)
เหยาเยี่ยนอวี่หันกลับไปมองซูอวี้เสียงเพียงชั่วพริบตา แล้วพูดด้วยรอยยิ้มอ่อนๆ “พี่เขย เที่ยงนี้พวกเรากินน้ำแกงแพะตุ๋นเถอะ”
“ดีเลย” ซูอวี้เสียงมองแพะที่อ้วนท้วนจึงยิ้มอย่างพึงพอใจ “เนื้อแพะให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย เหมาะสำหรับฤดูหนาวพอดีเลย”
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ แล้วพยักหน้า “กล่าวได้ถูก”
ชุ่ยผิงได้ยินหมอหญิงบอกว่าพี่เขยของเหยาจู่ปั๋วมา และยังติดตามเหยาจู่ปั๋วไปที่โรงครัวใหญ่ จู่ปั๋วบอกให้พี่สาวไปเป็นลูกมือ ตอนนั้นนางรู้สึกแปลกใจมาก คุณชายสามซูมาแล้ว คุณหนูพาเขาไปทำอะไรที่โรงครัว แล้วยังให้ตนเองไปเป็นลูกมือ? เป็นลูกมือทำอะไร
ไม่ตงที่อยู่ด้านข้างเป็นคนฉลาดหลักแหลม นางจึงเตือนความจำชุ่ยผิงด้วยเสียงต่ำทันที “พี่สาวเตรียมมีดและเข็มเงินอะไรพวกนี้แล้วรีบไปเถอะ อย่าให้นายหญิงต้องรอนานเลย”
ชุ่ยผิงเหมือนคิดอะไรออกทันที จึงรีบเอาของพวกนั้นมุ่งหน้าไปยังโรงครัว
เหยาเยี่ยนอวี่นั่งลง แล้วยื่นมือไปจับคอแพะ พร้อมหันไปมองซูอวี้เสียงเพียงชั่วพริบตา แล้วเอ่ยถาม “พี่เขย แพะตัวนี้ไม่เลวจริงๆ”
“อืม แพะตัวนี้อ้วนท้วนมาก สั่งให้คนจูงไปฆ่าเถอะ” ซูอวี้เสียงพอใจและดีใจมาก เขาพยักหน้าด้วยความภูมิใจ จึงไม่เห็นแววตาที่สื่ออารมณ์โกรธเพียงวูบหนึ่งของเหยาเยี่ยนอวี่
“ไม่ต้องหรอก” เหยาเยี่ยนอวี่เห็นชุ่ยผิงเดินมา จึงลุกขึ้นแล้วเลิกแขนเสื้อขึ้น
“ใต้เท้า นี่เป็นตั้งชุดเครื่องแบบขุนนาง อย่าได้ทำให้มันแปดเปื้อนล่ะ” ชุ่ยผิงมองซูอวี้เสียงเพียงชั่วพริบตา ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างมาก ตอนนี้มันยามใดแล้ว คนคนนี้กลับมาสร้างความวุ่นวายอะไรอีก กลัวว่าคุณหนูมีเรื่องกวนใจไม่พอหรือไร
เหยาเยี่ยนอวี่แย้มยิ้ม แล้วพยักหน้า “ก็ถูกของเจ้า” ขณะที่กล่าว จึงหันหลังเข้าไปในโรงครัว ไม่นานนางก็ถอดเครื่องแบบออกแล้วเดินออกมาในชุดแม่ครัวแทน ทั้งยังใส่ผ้ากันเปื้อนทำจากผ้ามันที่เอาไว้ใช้ในโรงครัวโดยเฉพาะ
ซูอวี้เสียงไม่รู้ว่าเหยาเยี่ยนอวี่คิดอะไรอยู่ เขายังคิดว่านางกำลังจะลงครัวทำอาหารให้ตนเองกินจริงๆ ภายในใจยังเปรยว่าเสน่ห์ของคนผู้นี้เปลี่ยนไป ป็นเรื่องที่อัศจรรย์ยิ่งนัก เมื่อครู่ตอนใส่ชุดเครื่องแบบขุนนางราชสำนักนั้นดูองอาจผึ่งผาย ตอนนี้พอเปลี่ยนเป็นชุดแม่ครัว กลับดูอ่อนโยนชวนหลงใหล ทำให้ดูมีเสน่ห์ของแม่ครัวขึ้นมาทันที
เหยาเยี่ยนอวี่ยกอ่างดินเผาไปตรงหน้าแพะแล้ววางอ่างลง จากนั้นค่อยๆ นั่งยองๆ แล้วยกมือพร้อมสั่งชุ่ยผิง “เอาเข็มยาวหมายเลขสิบห้ามา”
ชุ่ยผิงพลันเปิดกล่องยาที่พกติดตัวแล้วเอาตลับเข็มเงินออกมา จากนั้นก็ดึงเข็มที่ยาวยื่นให้นาง มือขวาของนางจับเข็มเงินไว้ มือซ้ายลูบลำตัวของแพะ พอจับจุดของเส้นลมปราณถูก จึงฝังเข็มเข้าไป
ตอนที่เข็มเงินทิ่มลงบนผิวหนังของแพะ มันร้อง ‘แบ๊ะ’ จากนั้นก็นอนลงบนพื้นอย่างช้าๆ พลางกะพริบตา ทว่ากลับเชื่องไม่ขยับไปไหน
แม่ครัวสองคนที่อยู่ด้านข้างยกโต๊ะมาหนึ่งอัน แล้วยกแพะขึ้นไปนอนบนโต๊ะ เหยาเยี่ยนอวี่ขออุปกรณ์ชุดถ่ายเลือด แล้วเจาะหลอดเลือดแดงที่คอของแพะ จากนั้นจึงดึงเข็มอีกอันออกเพื่อปล่อยให้ท่อเปิดออก เลือดสีแดงไหลออกจากท่อแล้วเข้าไปในอ่างดินเผาใต้โต๊ะ
“พี่เขย เห็นไหม ตำแหน่งนี้เป็นเส้นเลือดใหญ่ เป็นเส้นเลือดที่เชื่อมต่อกับหัวใจ มนุษย์เราก็เช่นเดียวกัน ตำแหน่งนี้ก็มีเส้นเลือดใหญ่อยู่เหมือนกัน เลือดที่ถูกเจาะตรงตำแหน่งนี้เป็นเลือดที่สดที่สุด อีกอย่างข้าใช้เข็มฝังให้มันรู้สึกชา มันจะได้ค่อยๆ ตายไป โดยไม่ต้องใช้มีดปาด และไม่ต้องรู้สึกทรมานเลยสักนิด อ๊า…ใช่แล้ว ถ้ามนุษย์หลับลึกก็ไม่จำเป็นต้องใช้เข็มฝังให้เหน็บชา แค่เลือดค่อยๆ ไหลออกมา ก็จะค่อยๆ สิ้นลมหายใจไปเอง”
เหยาเยี่ยนอวี่พูดไป ก็ยื่นมือไปทาบตรงซอกคอของซูอวี้เสียง ทันใดนั้นซูอวี้เสียงก็ตกใจจนทั้งร่างเปียกโชกด้วยเหงื่อเย็น
พอเห็นเลือดแดงสดค่อยๆ ไหลเข้าไปในอ่างดินเผา แพะที่อยู่บนโต๊ะก็ค่อยๆ หลับตา เหยาเยี่ยนอวี่เดินเข้าไปดึงอุปกรณ์ถ่ายเลือดออก แล้วยกมือไปที่ชุ่ยผิง พร้อมสั่งการ “ขอมีดหมายเลขหนึ่ง”
ชุ่ยผิงพลันเอากระเป๋าหนังกวางออกมา แล้วยื่นด้ามมีดหมายเลขหนึ่งไปให้เหยาเยี่ยนอวี่
เหยาเยี่ยนอวี่รับไว้ แล้วหันไปมองซูอวี้เสียงเพียงปราดเดียว แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “จริงๆ เวลานี้แพะยังไม่ตายหรอก มันแค่เสียเลือดไปมาก ดังนั้นมันเลยสลบไป เวลานี้เนื้อที่แล่ออกมาถึงจะสดที่สุดแล้ว”
ขณะที่กล่าว มีดในมือก็ค่อยๆ ปาดลงไป แล้วค่อยๆ แล่เนื้อของแพะออกมาอย่างเบามือ ทำให้เลือดสดซึมออกมาจากเนื้อที่ถูกปาด
ซูอวี้เสียงเห็นมือที่จับมีดค่อยๆ ปาดลงตรงหนังของแพะโดยไม่ลังเล ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกอกสั่นขวัญเสีย มือไม้หมดเรี่ยวหมดแรง
เหยาเยี่ยนอวี่ค่อยๆ แล่หนังแพะออก และแล่เนื้อหน้าขาออกมาหนึ่งชิ้น พร้อมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางหันหน้าไปมองซูอวี้เสียงด้วยรอยยิ้มที่เบ่งบานดั่งบุษบา “พี่เขย ทักษะการใช้มีดของข้าไม่เลวใช่ไหม ข้าจะบอกท่าน การแล่เนื้อแพะก็คล้ายกับแล่เนื้อคน เนื้อหน้าขาของแพะก็คล้ายกับแขนของคน ดูเนื้อชิ้นนี้สิ ประโยชน์ของมันก็เหมือนเนื้อส่วนแขนของคน…”
ซูอวี้เสียงได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าซีดเผือดทันที เหงื่อเย็นหยดดั่งน้ำฝน นี่…นี่คือการฆ่าแพะหรือฆ่าคนกันแน่!
ขณะที่เหยาเยี่ยนอวี่กล่าว ก็แล่เนื้อแพะไปเกือบครึ่ง ทำให้เห็นช่องท้องของแพะ มือของนางเปรอะเปื้อนด้วยเลือด ทว่าใบมีดในมือกลับเปื้อนเลือดเล็กน้อยเท่านั้น นางค่อยๆ แล่เนื้อแพะจนหมดภายใต้ท้องฟ้ามืดครึ้มในฤดูหนาว
ซูอวี้เสียงไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะมอง แค่แอบหันไปเช็ดเหงื่อ
เหยาเยี่ยนอวี่หันมามองเขาเพียงชั่วพริบตาเดียว แล้วยกมือดึงเข็มที่ฝังอยู่ตามลำตัวของแพะออก สุดท้ายแพะก็รู้สึกเจ็บปวดจนต้องร้องแบ๊ะๆ อย่างทุกข์ทรมาน แม่ครัวสองคนที่อยู่ด้านข้างเดินหน้ามากดแพะที่กำลังดิ้นไว้
ท้ายที่สุดเลือดในตัวแพะก็เหลือไม่มาก มันแค่ดิ้นไม่กี่ทีก็ตายไปแล้ว
ตอนนี้เหยาเยี่ยนอวี่ลุกขึ้น และยังคงถือมีดผ่าตัดไว้ นางหันไปหาซูอวี้เสียง พลางมองใบหน้าที่ขาวซีดของเขา จากนั้นก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “พี่เขย ท่านเป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหน”
“ไม่…เปล่า…” ซูอวี้เสียงผายมือทันที แล้วหลบหน้าไปทางอื่น เขามองมีดผ่าตัดในมือของเหยาเยี่ยนอวี่ ก็รู้สึกขาเป็นตะคริวทันที
เหยาเยี่ยนอวี่มองท่าทางที่ตื่นตูมของเขา จึงอดยิ้มอย่างเย็นชาไม่ได้ แล้วถอนหายใจอีกครั้ง พร้อมทั้งพูดด้วยความน่าเสียดาย “จริงๆ แล้ว การถลกหนังแพะไม่ใช่สิ่งที่ข้าชำนาญหรอก อย่างไรข้าก็คงไม่มีโอกาสใช้มีดกับแพะบ่อยนัก อีกอย่างมีดเล่มนี้ของข้า มีไว้ใช้กับคนโดยเฉพาะ หากเอาไว้ใช้กับแพะก็คงไม่เหมาะสม”
ซูอวี้เสียงแอบกลืนน้ำลาย และพยายามทำให้จิตใจสงบ แล้วค่อยพูดขึ้น “น้อง…น้องสาวไม่ต้องพูดแล้ว นี่ นี่…” น่ากลัวเกินไปแล้ว
“เป็นอะไรไป พี่เขยกลัวแล้วหรือ” เหยาเยี่ยนอวี่บีบบังคับให้ซูอวี้เสียงมองตน แล้วขยับมีดผ่าตัดในมือต่อหน้าเขา ทำให้ซูอวี้เสียงถึงกับต้องเงยหน้ามองฟ้า นางยังตั้งใจแค่นเสียงตื่นเต้นดีใจ “เอ๊ะ? เส้นเลือดใหญ่ตรงคอของพี่เขยชัดเจนมาก!”
ซูอวี้เสียงตกใจจนรีบหดคอให้สั้นลง แล้วยื่นมือสองข้างไปจับคอไว้
เหยาเยี่ยนอวี่แย้มยิ้มทันที “พี่เขยกลัวอะไร ข้าเอามีดปาดคอของท่านได้ไหม”
“เยี่ยน…เยี่ยนอวี่ เจ้า…เจ้าพูดจาขำขันอะไรอยู่ เรื่องนี้ไม่ควรเหลวไหลเช่นนี้นะ” ซูอวี้เสียงตกใจจนลิ้นคดเกร็ง
“พี่เขยวางใจเถอะ ตอนนี้ท่านยังเป็นพี่เขยของข้าอยู่ ถือว่าเห็นแก่พี่สาวและเย่ว์เอ๋อร์ ข้าคงไม่สร้างเรื่องบาดหมางอะไรกับพี่เขยหรอก”