ตอนที่ 360 เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (1)
“ข้ารู้” เหยาเยี่ยนอวี่ก็ยื่นมือไปโอบเอวเรียวของเขาไว้ แล้วไปพิงอยู่บนร่างของเขา นางได้กลิ่นอายของความเร่าร้อนที่แผ่ซ่านออกจากร่างของเขา จึงพูดด้วยเสียงต่ำ “เพราะว่าข้าก็กลัว ตอนที่ดาบของสองคนนั้นเข้าไปใกล้ร่างเจ้า ข้าก็กลัว”
เว่ยจางตะลึงงันไปชั่วขณะ ทว่าหลังจากที่ตะลึงแล้วก็จุมพิตนางอย่างเร่าร้อนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาบดริมฝีปากของนางอย่างแรงดั่งฟ้าฝนกระหน่ำจนทำให้นางหายใจไม่ออก
เหยาเยี่ยนอวี่ถูกลมหายใจอย่างเร่าร้อนนี้ทำให้หายใจไม่ออก ระหว่างที่นางกำลังสับสนงุนงง ก็ทำได้เพียงกอดเอวของเขาไว้ พลางสูดลมหายใจของเขาเข้าปอด และเพราะนางสมยอมเช่นนี้ เหมือนกำลังเติมเชื้อเพลิงเข้าไปในกองไฟให้เว่ยจางอย่างไร้ข้อสงสัย
ดังนั้น มืออันหยาบกร้านของเขาสอดเข้าไปในเส้นผมของนาง เพื่อที่จะบังคับศีรษะของนางเพื่อจุมพิตอย่างเร่าร้อนมากขึ้น ต่างฝ่ายต่างกลืนกินลมหายใจและน้ำลายของซึ่งกันและกัน
มือกร้านของเขามีแรงมาก เขาโอบเอวเรียวบางของเหยาเยี่ยนอวี่ไม่ให้ขยับไปไหน และค่อยๆ ใช้แรงลูบไล้และบีบเค้นเรือนร่างของนาง หลังจากนั้นการกระทำเช่นนี้ของเขาก็ค่อยๆ แผ่วลง และดูเหมือนท่าทีของเขาจะอ่อนโยนมากขึ้น ทว่าแรงมหาศาลครั้งนี้ทำให้น่าตกใจอย่างมาก นางแทบจะถูกเขาจับตัวไว้จนขยับไปไหนไม่ได้ และหลบเลี่ยงไม่ได้
ตอนที่พวกเขาสองคนแยกตัวออกจากกัน ริมฝีปากของทั้งสองถูกบดจนแดงระเรื่อ เนื้อตัวร้อนระอุ เหยาเยี่ยนอวี่ถอนหายใจด้วยเสียงต่ำ ตอนนี้ริมฝีปากของนางเงาวาวชุ่มน้ำลาย และบวมแดงประดุจสีกุหลาบ ทำให้ดูงดงามเย้ายวนใจ
“ข้าไม่อยากกลับไป ข้าเป็นห่วงเจ้าทั้งวันทั้งคืน” เหยาเยี่ยนอวี่พิงอยู่กลางอ้อมกอดของเขา แล้วฟังเสียงหัวใจของเขาเต้นแรง จากนั้นก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้าอยากอยู่กับเจ้าที่นี่ ถึงแม้ที่นี่จะลำบาก อาหารการกินและที่พักอาศัยแย่กว่าเมืองหลวงตั้งมาก ทว่าข้านอนหลับได้อย่างสนิทตอนกลางคืน และไม่ต้องถูกฝันร้ายปลุกให้ตื่น วันข้างหน้าข้าจะอยู่ในเมืองเฟิ่งด้วยความเชื่อฟัง จะไม่สร้างปัญหาให้เจ้าอีก เจ้าอย่าเขียนสาส์นกราบทูลให้ฮ่องเต้ได้ไหม”
เว่ยจางถอนหายใจเสียงเบาแล้วยิ้มเย้ยหยันตัวเอง “ข้าจนปัญญากับเจ้าจริงๆ”
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ หางตาเคล้าด้วยความภาคภูมิใจในตัวเอง “อืม เช่นนี้ถึงจะถูกต้อง”
“อะไรถูกต้อง” เว่ยจางก้มหน้าลงมองใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ดูซุกซนด้วยความสงสัยแล้วเอ่ยถาม
“อื้ม…เหตุใดน้ำขิงยังต้มไม่เสร็จอีก” คุณหนูเหยายื่นมือผลักใครบางคนออก แล้ววิ่งไปตามน้ำขิงตรงหน้าประตู จนเกือบจะชนกับน้าตู้ซานที่กำลังยกน้ำขิงเข้ามา
“อั๊ยย่ะ! คุณหนูระวังหน่อยเจ้าค่ะ” น้าตู้ซานพลันหลบไปด้านข้างสองก้าว
“ไม่เป็นไรๆ ” คุณหนูเหยารับน้ำขิงมาด้วยรอยยิ้มชื่นบานแล้วจิบคำเล็กๆ
เว่ยจางมองท่าทางที่กระวนกระวายดุจดั่งกวางตัวน้อยจึงอดหัวเราะไม่ได้ เขามักจะจนปัญญากับนาง แค่คำพูดอ่อนหวานของนางไม่กี่คำ ก็ทำให้เขาปฏิเสธนางไม่ลงจริงๆ
จ้าวต้าเฟิงและเก๋อไห่ได้ยินว่าเว่ยจางเจอผู้ร้ายกลางทางจึงรีบมาเข้าพบ เพราะว่าเห็นเหยาเยี่ยนอวี่ ทั้งสองจึงไม่กล้าบังอาจ จึงทำท่าทีมีมารยาท กลับขานเรียกด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้”
เหยาเยี่ยนอวี่ถูกถังเซียวอี้เรียกจนเคยชินไปแล้ว ตอนนี้จึงไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร แค่ไม่ได้สนใจสองคนนี้ ทั้งสองพลันสบตากันพร้อมกับหันไปเอ่ยถามเว่ยจาง “ได้ยินมาว่าแม่ทัพเว่ยเจอผู้ร้ายในการเดินทางครั้งนี้หรือ เป็นชาวเกาหลีหรือเปล่า”
“ไม่เหมือน” เว่ยจางส่ายหัว แล้วนึกถึงคนพวกนั้นที่ยื่นมือมา แล้วพูดขึ้น “กลับเหมือนคนตงไอ่”
“คนตงไอ่?!” จ้าวต้าเฟิงทุบไปที่โต๊ะหนังสือด้วยความขุ่นเคืองใจ แล้วกัดฟันกรอด “คนพวกนี้น่ารังเกียจยิ่งกว่าชาวเกาหลีเสียอีก”
“พอเถอะ” เก๋อไห่ตบไหล่ของจ้าวต้าเฟิง แล้วพูดขึ้น “แม่ทัพและพี่สะใภ้ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
เว่ยจางขมวดคิ้วเข้า “ทว่าข้าก็แค่รู้สึกสงสัย พวกเราเจอผู้ร้ายจู่โจมตอนกลางทาง หลังจากจู่โจมไปสักพัก คนพวกนั้นก็ถอยทัพทันที เช่นนี้ไม่เหมือนนิสัยของคนตงไอ่” คนตงไอ่มีนิสัยที่ไม่เคยกลัวตายและไม่เคยยอมแพ้ ครั้งนี้กลับยอมแพ้กลางทางเช่นนี้ เหมือนแค่มาลองเชิงเท่านั้น ไม่เหมือนนิสัยของพวกเขาจริงๆ
พอเห็นว่าฟ้าเริ่มมืดแล้ว พวกเขาก็ยังปรึกษาหารือแล้วคิดอะไรออกมาไม่ได้ เหตุเพราะเหยาเยี่ยนอวี่อยู่ ทหารคนสนิทที่อยู่ด้านนอกก็เข้ามาถามว่ามื้อค่ำต้องจัดเตรียมอย่างไร เว่ยจางจึงสั่งการ “เอาปลาไปตุ๋นในหม้อเล็กและยกเข้ามาพร้อมข้าว” กล่าวจบ ก็มองเหยาเยี่ยนอวี่อย่างประหม่าอีกครั้ง “ที่นี่ไม่มีผัก และไม่มีผักดองที่เจ้าเอามาด้วย คงต้องลำบากเจ้าแล้ว”
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างไม่สนใจ “ไม่ใช่ว่ายังมีปลาหรือ ปลาพวกนั้นเลิศรสและหากินยากจะตายไป แต่ว่าข้าคิดว่าทหารของเจ้าก็คงจะปรุงอาหารไม่เป็น เช่นนั้นก็ให้น้าตู้ซานเป็นคนไปจัดเตรียมเถอะ”
น้าตู้ซานพลันตอบกลับ “เจ้าค่ะ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้”
จ้าวต้าเฟิงได้ยินว่ามีปลาก็ยิ้มอย่างรื่นเริงทันที “แม่ทัพขอรับ คืนนี้พวกเราสองคนจะอยู่กินมื้อค่ำที่นี่กับท่านขอรับ”
เก๋อไห่กลับยื่นมือไปดึงเขาไว้แล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “คืนนี้พวกเรายังต้องไปตรวจความเรียบร้อยของค่ายทหาร เจ้าก็เอาแต่เรื่องกินอย่างเดียว! เป็นวิญญาณหิวโหยที่กลับมาเกิดใหม่หรือ!”
“จุ๊! ข้าจะกินปลา! วันๆ ต้องเอาแต่กินข้าวต้มกับแป้งทอด ปากของข้าไม่ได้ลิ้มรสชาติความอร่อยเลย!”
“หุบปาก” เก๋อไห่สบถหยาบใส่สหายคนสนิทของตนอย่างไร้ความอดทนแล้วแอบเหลือบตามองคุณหนูเหยา คุณหนูเหยากำลังใจจดใจจ่อกับการจัดยาสมุนไพรที่อยู่ในกระสอบ
เว่ยจางมองเหยาเยี่ยนอวี่ที่กำลังจัดและเลือกสมุนไพรเพียงปราดเดียวก็พูดขึ้นยิ้มๆ “ปลาที่จับมาเอาไว้ให้เยี่ยนอวี่กิน อีกอย่างก็มีแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้น ใครก็ไม่มีสิทธิ์ได้กิน พวกเจ้ารีบไสหัวออกไปตรวจความเรียบร้อยของค่ายทหารเดี๋ยวนี้เลย”
เก๋อไห่พลันตอบรับแล้วลากตัวจ้าวต้าเฟิงออกไป แม่ทัพจ้าวที่ออกไปถึงหน้าประตูก็หันไปตะโกนใส่เหยาเยี่ยนอวี่ “พี่สะใภ้ ดูแม่ทัพของข้าลำเอียงแค่ไหน! เขาช่างดีต่อท่านจริงๆ!” ตัวของเขาออกไปด้านนอกกระโจมแล้ว ทว่ายังคงตะโกนเสียงดัง “นี่ให้ความสำคัญกับสตรีที่หมายปองมากกว่าสหายชัดๆ!”
เหยาเยี่ยนอวี่อดหัวเราะไม่ได้ แล้วเด็ดใบไม้ยัดเข้าปากเคี้ยว จากนั้นก็ค่อยคายออกมา
เว่ยจางจึงเดินไปอธิบายกับนาง “สองคนนี้มันหยาบคาย เจ้าอย่าไปถือสาพวกเขาเลย”
เหยาเยี่ยนอวี่ส่ายหัว แล้วพูดขึ้น “เปล่า ข้ากลับรู้สึกว่าพวกเขาสองคนช่างน่าเกลียดน่าชังยิ่งนัก ประเดี๋ยวต้องเก็บปลาไว้ให้พวกเขากินส่วนหนึ่งแล้ว”
เว่ยจางทำสีหน้าบูดบึ้ง แค่นเสียงอย่าไม่พอใจทันที “ข้าอุตส่าห์เสียแรงไปจับปลามา ไม่ใช่เพราะว่าเจ้าหรือ เจ้ากลับใจกว้างแบ่งให้คนอื่นเช่นนี้”
เหยาเยี่ยนอวี่มองคนผู้นี้ที่กำลังทำสีหน้าบึ้งตึงจึงหลุดยิ้มทันที “ข้าเห็นแก่พวกเขาที่เป็นสหายของเจ้า ถึงได้ทำเช่นนี้”
เว่ยจางได้ยินเช่นนี้ สีหน้าจึงดูดีขึ้นมาเล็กน้อย เหยาเยี่ยนอวี่มองสีหน้าของเขา แล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “อย่างไรเจ้าก็เป็นถึงแม่ทัพเป่ยเจิง ทำตัวเหมือนเด็กน้อยเช่นนี้ได้ด้วยหรือ”
“ใครบอกว่าเหมือนเด็กน้อย” เว่ยจางพึมพำแล้วหันหลังเดินจากไป
เหยาเยี่ยนอวี่เห็นปลายหูที่แดงระเรื่อของเขา จึงอดหัวเราะในใจไม่ได้…นึกไม่ถึงว่าคนคนนี้ก็มีมุมเด็กๆ ด้วย ช่างเป็นเรื่องที่ยากพบเห็นจริงๆ
เพราะว่าฟ้าก็มืดมากแล้ว เหยาเยี่ยนอวี่ก็ไม่ได้กลับเมืองเฟิ่ง แต่พักอยู่ในกระโจมที่เว่ยจางอาศัยอยู่
ตอนกลางคืนนางนอนอยู่ในกระโจมใหญ่ของเขา ต้าตู้ซานก็คอยอยู่เคียงข้างนาง เว่ยจางนั่งเฝ้าอยู่ด้านนอกเป็นเวลาหนึ่งคืน เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกเอ็นดูเขามาก ทว่าเป็นเพราะกฎระเบียบที่ต้องทำตาม ภายในใจจึงสบถถึงกฎระเบียบและบรรทัดฐานทางสังคมที่มีอยู่เป็นหลายร้อยรอบ จึงถือโอกาสนี้ค่อยๆ กล่อมให้ตัวเองหลับใหลไป
เช้าวันรุ่งขึ้น เว่ยจางให้จ้าวต้าเฟิงพาคนไปส่งเหยาเยี่ยนอวี่ หลูถ่งก่วง และคนอื่นๆ กลับเมืองเฟิ่ง เขาเองก็ไปเจอแม่ทัพหัน ท่านเซียวโหวและคนอื่นๆ ที่ค่ายทหารใหญ่ จะได้ไปปรึกษาหารือกันแล้วได้ข้อสรุปอะไรบ้าง
เหยาเยี่ยนอวี่นำกระสอบใส่สมุนไพรหลายสิบกระสอบกลับไป หลังจากกลับไปก็ไม่มากความอะไร แค่สั่งให้เหล่าหมอหญิงเข้ามาคัดแยกยาสมุนไพร