ตอนที่ 361 เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (2)
และทางฝั่งค่ายทหารใหญ่ก็เจรจาสงบศึกได้ล้มเหลวอย่างไร้ข้อสงสัย
ตอนกลางคืน เว่ยจางกลับไปที่เมืองเฟิ่งอีกครั้ง เข้าไปในเรือนก็เห็นน้าตู้ซาน ชุ่ยเวย ชุ่ยผิง และคนอื่นๆ ต่างกำลังจัดการกับยาสมุนไพรเหล่านั้น เหยาเยี่ยนอวี่อุ้มเตาอุ่นแล้วยืนมองอยู่ข้างๆ นางสั่งการให้ทำเช่นนั้นเช่นนี้อยู่บ้าง แต่ก็ถือว่าพอมีเวลาว่าง
“แม่ทัพเว่ยมาแล้ว” ผัวจื่อที่อยู่ตรงประตูพลันน้อมคำนับ
น้าตู้ซานและคนอื่นๆ ได้ยินต่างก็วางงานในมือลงแล้วรีบเข้าไปน้อมคำนับ เว่ยจางผายมือ “ทุกคนทำงานต่อเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่ที่อุ้มเตาอุ่นก็ลุกขึ้นแล้วเดินหน้าไป ยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกเว่ยจางกุมข้อมือไว้ พร้อมพูดด้วยเสียงต่ำ “เจ้าตามข้ามาหน่อยเถอะ”
“อืม” คุณหนูเหยามองทุกคนที่กำลังยุ่งกับงานเพียงพริบตาแล้วตามแม่ทัพเว่ยไปหน้าประตูของเรือนข้าง
“การเจรจาสงบศึกเป็นเช่นไรบ้าง” ทั้งสองค่อยๆ เดินเข้าไปในเรือน เหยาเยี่ยนอวี่เอ่ยถามด้วยเสียงต่ำ
เว่ยจางยิ้มจางๆ “เรื่องนี้ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าต้องล้มเหลวอยู่แล้ว”
เหยาเยี่ยนอวี่ถอนหายใจอย่างประหม่า แล้วเอ่ยถามยิ้มๆ “เช่นนั้น…ต้องทำศึกต่อไปใช่ไหม”
เว่ยจางส่ายหน้าอย่างคิ้วขมวด “เมื่อวานพวกเขาเจรจาสงบศึกกัน จึงพูดถึงเรื่องหนึ่ง”
“เรื่องอะไร” เหยาเยี่ยนอวี่เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
สาวใช้ชั้นล่างที่อยู่ตรงประตูเลิกม่านประตูที่หนาและหนักขึ้น เว่ยจางพยุงหลังของเหยาเยี่ยนอวี่เดินเข้าไปในเรือน พร้อมพูดขึ้น “อาการเจ็บไข้ของเยี่ยลี่ร์จี๋หนักหนาสาหัสมาก บอกว่าหากเจ้าสามารถรักษาเขาให้หาย กองทัพชาวหูจะยอมถอยทัพไปห้าสิบลี้ และทั้งสองฝ่ายจะสงบศึกกันเป็นเวลาห้าปี”
“ข้า?” เหยาเยี่ยนอวี่ตกตะลึงยิ่งกว่าเดิม “พวกเขาชาวหูสอดแนมได้เยี่ยมจริงๆ ถึงกับรู้จักแม้กระทั่งข้าด้วยหรือ”
เว่ยจางยกมือตบหน้าผากของคุณหนูเหยาหนึ่งที แล้วเปรยขึ้น “เจ้าน่ะ! ตอนนี้กลายเป็นบุคคลโด่งดังไปทั่วหล้าแล้ว ตนเองยังไม่รู้ตัวอีก”
“อย่าตบข้า!” คุณหนูเหยายกมือนวดหน้าผากของตัวเอง แล้วทำปากมู่ทู่ แล้วทำเสียง ‘ฮื้อ’
เว่ยจางกลับไม่ได้มีกะจิตกะใจมาหยอกล้อนาง จึงเปรยด้วยคิ้วขมวด “ทำอย่างไรดี”
“ทำอย่างไรดี” เหยาเยี่ยนอวี่เดินไปใกล้แล้วมองสีหน้าของเขา “เรื่องอะไรถึงจะทำให้ท่านแม่ทัพถึงลำบากใจเช่นนี้”
เว่ยจางยื่นมือไปดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด แล้วเปรยขึ้น “แม่ทัพหันให้ข้ามาถามเจ้าว่าตกลงจะไปรักษาเยี่ยลี่ร์จี๋ไหม ข้าเลยรู้สึกลำบากใจ”
“ไป เหตุใดถึงไม่ไปเล่า” เหยาเยี่ยนอวี่ไม่ได้ลังเลใดๆ แค่พูดขึ้นยิ้มๆ “ข้าไปครั้งนี้ แลกมากับการที่พวกเขาถอยทัพไปห้าสิบลี้ และสงบศึกห้าปี ทหารไม่ต้องเสียเลือดเสียเนื้อไปแม้แต่คนเดียว นี่ก็ถือเป็นผลลัพธ์ที่ดี ข้าถือว่าสร้างผลงานครั้งใหญ่แล้วใช่หรือไม่”
“ข้าไม่อยากให้เจ้าไปเลย” เว่ยจางขมวดคิ้วขึ้น สีหน้าดูไม่พอใจมาก
“เพราะเหตุใด” เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ “ทว่าก็ใช่ ใครจะไปรู้ว่าเยี่ยลี่ร์จี๋เป็นคนรักษาคำพูดไหม”
เว่ยจางโปรยขึ้น “วันนั้นคนที่เป็นผู้ร้ายน่าสงสัยมาก ตอนนี้พอคิดๆ ดูแล้วก็น่าจะเกี่ยวข้องกับการเจรจาสงบศึกในครั้งนี้ อีกอย่าง หากเจ้าไปรักษาเยี่ยลี่ร์จี๋ ถึงแม้พวกเราต้องติดตามเจ้าไป ทว่าตอนไปถึงค่ายทหารของฝ่ายตรงข้าม ข้ากลัวว่าจะเอาชนะพวกเขาไม่ได้”
เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้า “ก็จริงอย่างที่เจ้าพูด”
แต่ว่าหากไม่ไป ฮ่องเต้และเหล่าขุนนางในราชสำนักรู้เรื่องแล้ว ต้องนึกว่าเหยาเยี่ยนอวี่ได้รับการโปรดปรานและได้รับความไว้วางใจ จึงวางท่าทีหยิ่งยโสโอหัง ทั้งยังกลัวตาย ไม่ยอมสละชีพเพื่อชาติ เหยาเยี่ยนอวี่ต้องถูกซุบซิบนินทาด้วยคำพูดที่กล่าวข้างต้นแน่นอน
“เยี่ยลี่ร์จี๋นี่สมควรตาย” เว่ยจางสบถหยาบด้วยเสียงต่ำ
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มด้วยเสียงเบา “พอเถอะ เมื่อครู่นี้เจ้าบอกแล้วว่าจะมีทหารคอยคุ้มกันข้า แล้วจะกลัวอะไรอีก มากสุดเจ้าก็แค่ติดตามข้าไปด้วย แล้วพาทหารยอดฝีมือไปห้าหกนาย อีกอย่าง ข้าไปรักษาอาการของเยี่ยลี่ร์จี๋ ชีวิตของเยี่ยลี่ร์จี๋อยู่ในมือของข้า ข้าจะกลัวพวกเขาไปไยกัน”
เว่ยจางตะลึงงัน จึงรีบดึงนางออกจากอ้อมกอด พร้อมทั้งจับจ้องนางด้วยความตั้งใจ “ทว่าก็ไม่ควรประมาท บุตรชายทั้งสี่ของเยี่ยลี่ร์จี๋ไม่ได้ยอมใครง่ายๆ”
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างไม่แยแส “ข้าสังหารเขาต่อหน้าบุตรชายของเขาได้ด้วยหรือ ข้าเป็นหมอ ไม่ใช่มือสังหารเสียหน่อย”
เว่ยจางจึงตะลึงงันอีกครั้ง จากนั้นก็ค่อยๆ ถอนหายใจ
“เจ้ากำลังคิดอะไรอยู่” เหยาเยี่ยนอวี่มองสีหน้าที่เคร่งขรึมของเขาแล้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไม่ได้คิดอะไร” เว่ยจางดึงนางไปนั่งบนเตียง ไม่ตงยกน้ำชาเข้ามา และเอ่ยถามถึงเรื่องมื้อค่ำ เหยาเยี่ยนอวี่ให้นางส่งมื้อค่ำของเว่ยจางมาด้วย
มื้อค่ำที่ส่งมามีปลาเงินนึ่ง และยังมีตีนเป็ด ลิ้นเป็ด และแตงกวาดองที่หันหมิงชั่นบอกให้ท่านเซียวโหวนำมาด้วย ส่วนอาหารหลักของที่นี่ยังคงเป็นแป้งทอดและข้าวสีม่วง
เว่ยจางเห็นของพวกนี้ ภายในใจเหมือนได้รับการปลอบโยนเล็กน้อย จึงแอบขอบคุณหันหมิงชั่นในใจ
“กินเถอะ” เหยาเยี่ยนอวี่คีบปลาเงินใส่เข้าไปในจานของเว่ยจาง
เว่ยจางจึงยิ้มจางๆ ขึ้น “ตอนนี้ข้าอยากกินปลาเผาของเจ้ามาก”
เหยาเยี่ยนอวี่ก็ยิ้มตาม “ปลาเงินพวกนี้เอาไปเผาคงไม่อร่อย นึ่งแหละดีสุดแล้ว”
“อืม” แม่ทัพเว่ยกินปลาอย่างดีใจ แค่เป็นปลาที่นางคีบให้ ต่อให้เป็นของดิบก็เป็นอาหารเลิศรสที่สุดในใต้หล้านี้ แค่ว่าเขากินไปครึ่งหนึ่ง ก็ยิ้มขึ้นอีกครั้ง
คุณหนูเหยาถลึงตามองเขาด้วยความแปลกใจ “กินข้าวอยู่ ตอนกินตอนนอนห้ามเสวนากัน ไม่รู้หรือไร”
เว่ยจางพูดขึ้นยิ้มๆ “ข้าแค่กำลังคิดว่าหากพี่รองรู้ว่าพวกเราสองคนกินข้าวด้วยกัน เขาจะเครียดปานใดเชียว”
“อืม พี่รองคงจะเครียดจวนตายแน่นอน” เหยาเยี่ยนอวี่ได้ยินเช่นนี้จึงอดหัวเราะไม่ได้
หลังจากกินมื้อค่ำเสร็จ เหยาเยี่ยนอวี่ก็สั่งให้สาวใช้ชั้นล่างมาเก็บถ้วยเก็บจาน แล้วเอ่ยถาม “เจ้ามีแผนการแล้วใช่หรือไม่”
เว่ยจางพยักหน้าเบาๆ “ไปรักษาเยี่ยลี่ร์จี๋ในครั้งนี้ สำหรับพวกเราแล้วก็คือโอกาสด้วย เช่นนี้จึงจะถือโอกาสไปเชิงลองว่าอีกฝ่ายมีความจริงใจมากเพียงใดได้ อีกอย่างหากไม่ไป เกรงว่าขุนนางราชสำนักจะนินทาว่าร้ายเจ้า ดังนั้นข้าตัดสินใจจะไปกับเจ้าด้วย”
“ได้” เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
“เจ้าพักผ่อนดีๆ เถอะ วันรุ่งขึ้นก็ติดตามข้าไปค่ายทหารใหญ่”
“อืม”
เช้าวันรุ่งขึ้น ชุ่ยเวยและชุ่ยผิงจึงเก็บของติดตามเหยาเยี่ยนอวี่ไปรักษาอาการของเยี่ยลี่ร์จี๋
“เจ้าผู้เฒ่านั่นไม่ใช่เป็นศัตรูของพวกเราหรือ ตายๆ ไปเสียก็ดีที่สุดแล้ว เหตุใดต้องไปรักษาเขาอีก” ชุ่ยเวยเก็บกล่องยาไปพลางสบถหยาบไปด้วย
เหยาเยี่ยนอวี่เปรยขึ้น “ไม่ทำให้ทหารเสียชีวิต แล้วยังให้พวกเขาถอยทัพไปห้าสิบลี้ สงบศึกห้าปี ว่าไปก็คุ้มค่าอยู่เหมือนกัน เจ้าดูเหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บในค่ายพักฟื้นตัวสิ หรือเจ้ายังคิดว่านั่นยังน้อยไป”
“แต่ใครจะไปรู้ว่าหลังจากที่เจ้าผู้เฒ่าคนนั้นหายดีแล้วจะไม่พูดแล้วคืนคำเล่า” ชุ่ยผิงไม่ยอมให้เหยาเยี่ยนอวี่ไป อย่างไรก็ไปถึงค่ายทหารศัตรู มันอันตรายเกินไป
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มจางๆ พลางพูด “เขาจะพูดแล้วคืนคำหรือไม่ ก็ไม่ได้เป็นสิ่งที่พวกเราตัดสินได้ ทว่าไหนๆ พวกเราก็อยู่ที่นี่แล้ว เขาเสนอเงื่อนไขเช่นนี้ เพื่อไม่ให้ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่ใช้ชีวิตยากลำบากเพราะการทำศึกสงคราม ครั้งนี้ อย่างไรข้าก็ต้องไปให้ได้”
น้าตู้ซานจัดระเบียบชุดของเหยาเยี่ยนอวี่ ตนเอง ชุ่ยเวยและชุ่ยผิง ต่างเปลี่ยนเป็นชุดบุรุษ แล้วติดตามเหยาเยี่ยนอวี่ไปเจอกับเว่ยจางตรงโถงหน้า
เหยาเยี่ยนอวี่ยังคงขี่ม้าตัวเดียวกับเว่ยจาง มีอารักขาของเว่ยจางและน้าตู้ซานติดตามอยู่ด้านหลัง ส่วนด้านหลังสุดก็คือรถม้าที่ชุ่ยเวยและชุ่ยผิงนั่ง พวกเขาออกจากเมืองเฟิ่งและขึ้นเหนือ มุ่งหน้าไปถึงค่ายทหารใหญ่ของหันซังเกอ