ตอนที่ 362 เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (3)
หลังจากผ่านการปรึกษาหารือ เว่ยจาง หันซังเย่ว์ ถังเซียวอี้ และจ้าวต้าเฟิงพาทหารนกอินทรีทั้งสิบสองนายส่งเหยาเยี่ยนอวี่ข้ามแม่น้ำถูหมู่ไปรักษาเยี่ยลี่ร์จี๋ อวิ๋นคุน รองแม่ทัพสิบกว่านายและทหารยอดฝีมือคอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ตรงชายฝั่งแม่น้ำ หากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น พวกเขาจะได้ส่งทหารข้ามแม่น้ำไปเดี๋ยวนี้
หันซังเย่ว์เอ่ยถามด้วยคิ้วขมวด “พวกเราไปกันแค่ไม่กี่คนเท่านั้นหรือ”
อีกฝ่ายเป็นแหล่งที่เต็มไปด้วยอันตรายเช่นนั้น พวกเขาที่มีกันแค่ยี่สิบกว่าคนแล้วยังต้องปกป้องสตรีอีกสี่คน กำลังคนน้อยเกินไปหรือเปล่า
หันซังเกอยิ้มจางๆ “คนไม่เยอะ แต่ล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งนั้น พวกเจ้าสี่คนมีฝีมือที่ไม่ธรรมดา ทว่าทหารกองกำลังนกอินทรียี่สิบนายเองก็ถือเป็นยอดฝีมือ หากมีคนเยอะ ก็ยิ่งทำให้เยี่ยลี่ร์จี๋สงสัย”
พอเห็นน้องชายที่ตนโปรดปรานยังคงไม่พึงพอใจเล็กน้อย หันซังเกอจึงถามกลับด้วยยิ้มจางๆ “เจ้าไม่เชื่อหรือ มิเช่นนั้นก็ให้จวินเจ๋อร์ไปด้วย แล้วเจ้าจะพาทหารไปเสริมกำลังที่ริมแม่น้ำไหม”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน!” หันซังเย่ว์โบกมือใหญ่ “ข้าเป็นคนที่กลัวตายเช่นนั้นเลยหรือ”
หันซังเกอยิ้มน้อยๆ แล้วพูด “ช่างยอดเยี่ยม พวกเจ้าเก็บของเสร็จแล้วข้ามแม่น้ำไปเถอะ”
จริงๆ ก็ไม่ต้องเก็บอะไร ทุกคนต่างก็เตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา แค่ต้องรอคำบังคับบัญชา คนกลุ่มหนึ่งจึงออกเดินทางไปพร้อมกับเว่ยจางและเหยาเยี่ยนอวี่ พวกเขาทั้งหมดสามสิบคนผ่านแม่น้ำไป ริมแม่น้ำตรงข้ามมีชาวหูกำลังรออยู่ เพราะว่าต่างฝ่ายต่างไม่เชื่อใจกัน ต่างฝ่ายต่างมีสีหน้าตึงเครียด
เหตุเพราะเห็นว่าคนมาเยือนไม่มาก แม่ทัพที่เป็นกำลังเสริมก็ไม่ได้มากความอะไร หลังจากเชิญทุกคนขึ้นฝั่งแล้วก็มุ่งหน้าไปยังค่ายทหารใหญ่ของชาวหู ราชวังหูตั้งอยู่บนภูเขาไท่ไป่อี๋เป่ย ท่านอ๋องหูเยี่ยลี่ร์จี๋มักรุกล้ำต้าอวิ๋น แน่นอนว่าเขาต้องพักอยู่ในกระโจมตลอดมา
ก่อนเข้าไปในค่ายทหารหู แน่นอนว่าต้องมีคนมาค้นตัวพวกเขาอยู่แล้ว
เว่ยจาง หันซังเย่ว์ และคนอื่นๆ ล้วนพกอาวุธติดตัวตลอดมา แน่นอนว่าไม่ยอมให้พวกเขาค้นตัวอยู่แล้ว
ทั้งสองฝ่ายยืนอยู่ตรงหน้าค่ายทหารด้วยสีหน้าฃตึงเครียด หลังจากนั้นก็มีคุณชายสามเยี่ยลี่ร์เชี่ยออกมาจากด้านใน บอกว่าหูอ๋องทรงรับสั่งว่าไม่ต้องยึดอาวุธทหาร ทว่าหมอหลวงต้าอวิ๋นต้องพาทหารติดตามเข้าไปเพียงสองนายเท่านั้น
เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มบาง “นึกไม่ถึงว่าท่านอ๋องแห่งเป่ยหูจะขี้หวาดระแวงเช่นนี้ ไหนๆ ก็ไม่เชื่อใจพวกเราแล้ว แล้วจะให้พวกเรามาที่นี่ไปไย มิเช่นนั้นพวกเราก็กลับกันเถอะ” กล่าวจบก็หันหลังแล้วกำลังจะจากไป
ทหารที่อยู่ด้านหลังจึงเข้ามาล้อมรอบพวกเขาแล้วขวางทางเหยาเยี่ยนอวี่ไว้
ทหารกองทัพนกอินทรียี่สิบนายก็ไม่กล้าชักช้า ต่างก็จับอาวุธ บรรยากาศจึงน่ากังวลใจมากขึ้น เยี่ยลี่ร์เชี่ยเลยหัวเราะแล้วพูดขึ้น “ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าหมอหลวงเหยามีนิสัยอ่อนโยน วันนี้พอมาดูๆ แล้ว ข่าวลือไม่เหมือนความจริงแม้แต่น้อย!”
แม่ทัพเว่ยยิ้มอย่างเย็นชา “ไหนๆ ท่านอ๋องของพวกเจ้าก็ไม่ต้องการรับการรักษา แล้วจะทำเช่นนี้ไปไยกัน”
“ที่ไหนกันเล่า” เยี่ยลี่ร์เชี่ยพลันประสานมือคารวะให้เว่ยจาง “ได้ข่าวว่าหมอหลวงเหยาเป็นว่าที่ภรรยาของแม่ทัพเว่ยหรือ ได้ภรรยาเช่นนี้ ช่างเป็นบุญวาสนาของท่านแม่ทัพเว่ยจริงๆ ท่านแม่ทัพ หมอหลวงเหยา เชิญเถอะ เสด็จพ่อของข้าคอยนานแล้ว”
เหยาเยี่ยนอวี่ยังคงยืนอยู่ตรงที่เดิมด้วยสีหน้าเย็นชา
เยี่ยลี่ร์เชี่ยเดินหน้ามาสองก้าว แล้วค้อมตัวประสานมือด้วยรอยยิ้มจางๆ “คุณหนูเหยา เชิญเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่มององค์ชายสามท่านนี้เพียงชั่วพริบตา รูปลักษณ์หน้าตาของชาวหูนั้นมีคิ้วที่ดกดำและดวงตาตี่ สีหน้าเลือดเย็นและเจ้าเล่ห์ ไม่เหมือนผู้ร้ายที่มาลอบทำร้ายตัวเองกลางป่าพงไพรเหมันต์ในวันนั้นแม้แต่น้อย
“อืม” เหยาเยี่ยนอวี่เหลือบตาไปด้วยความนิ่งเฉย จากนั้นก็หันหลังเดินเข้าไปในค่าย น้าตู้ซานและชุ่ยเวยชุ่ยผิงก็ติดตามเข้าไปทันที
เว่ยจาง หันซังเย่ว์ ถังเซียวอี้และจ้าวต้าเฟิง ทั้งสี่คนติดตามเข้าไปด้านใน เยี่ยลี่ร์เชี่ยไม่ได้พูดถึงเรื่องที่จะค้นอาวุธที่พกติดตัวมาอีกต่อไป
เยี่ยลี่ร์จี๋พิงอยู่บนตั่งไม้ที่ปูด้วยขนแกะนุ่ม บนร่างปกคลุมด้วยผ้าห่มขนแกะ พอเห็นเหยาเยี่ยนอวี่เข้ามาก็ตะแคงข้าง ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะซีดเซียว ทว่านัยน์ตากลับยังคงโหดเหี้ยมมาก
“เสด็จพ่อ ใต้เท้าเหยา หมอหลวงแห่งต้าอวิ๋นมาถึงแล้ว” เยี่ยลี่ร์เชี่ยเดินมาตรงหน้าตั่งไม้ แล้วค้อมตัวลง
องค์ชายอีกสองคนที่ยืนเฝ้าอยู่ตรงหน้าตั่งไม้ต่างมองเหยาเยี่ยนอวี่ด้วยสีหน้าเลือดเย็นเพียงชั่วพริบตา หนึ่งในนั้นที่หน้าตาดูอาวุโสกว่าหน่อยแค่นเสียงเย็นชาออกมา ทว่ากลับไม่ได้พูดอะไร ส่วนอีกคนก็เอ่ยถามด้วยความขุ่นเคืองใจ “คนต้าอวิ๋นช่างบังอาจ! ต่อหน้าพระพักตร์ท่านอ๋อง กลับไม่ถวายบังคมกระนั้นหรือ”
เหยาเยี่ยนอวี่กลับยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าก็รู้ว่าพวกเราเป็นคนต้าอวิ๋น แล้วคนต้าอวิ๋นจะถวายบังคมให้หูอ๋องได้อย่างไรกัน ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราคือคนที่ท่านอ๋องเชิญมารักษาโรค หูอ๋องกลับเป็นฝ่ายขอร้องพวกเราให้รักษาอาการ ฉะนั้นควรวางท่าทีให้เหมือนฝ่ายขอร้องหน่อยเถอะ ก่อนหน้านี้คิดจะค้นตัวพวกเรา จากนั้นยังมาวิพากษ์วิจารณ์คนเช่นนี้ กลับไม่มีความจริงใจให้กันเลย ผู้ป่วยเช่นนี้ ข้าไม่อยากรักษา”
“บังอาจ!” องค์ชายใหญ่เยี่ยลี่ร์ก่วงจึงรีบลุกขึ้น
เหยาเยี่ยนอวี่แสยะยิ้มพลางมองเขาอย่างเย็นชา กำลังคิดจะพูดอะไร เยี่ยร์ลี่ร์จี๋จึงยกมือสื่อให้บุตรชายของตนนั่งลงแล้วกระแอมกระไอสองที พลางพยักหน้าให้เหยาเยี่ยนอวี่ กลับส่งยิ้มให้เว่ยจาง พร้อมพูดด้วยเสียงอ่อนแรง “แม่ทัพเว่ย ก่อนหน้านี้เจ้าและเปิ่นอ๋องก็เจอกันในสนามรบมาโดยตลอด วันนี้กลับนึกไม่ถึงว่าจะเจอกันในสถานการณ์เช่นนี้ เปิ่นอ๋องเชื่อว่าเจ้าเป็นคนตรงไปตรงมา ดังนั้นถึงได้เชิญว่าที่ภรรยาของเจ้ามารักษาเปิ่นอ๋องจากใจจริง”
เว่ยจางยิ้มจางๆ แล้วพูดขึ้น “เช่นนั้นเว่ยจางก็ขอบพระทัยที่ท่านอ๋องทรงวางพระทัยแล้ว ท่านอ๋องทรงประชวร ไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไร รีบรักษาอาการก่อนเถอะ”
“อืม” หูอ๋องเปรยด้วยเสียงเรียบ ครั้งนี้อาการของเขาหนักมาก ทำให้เขาไร้ชีวิตชีวา หากไม่มีวิธีรักษาจริงๆ ก็คงไม่มีทางนึกได้ว่าต้องเชิญหมอหลวงต้าอวิ๋นมารักษาหรอก เขาก็ต้องรู้ว่านี่เท่ากับเขาฝากชีวิตไว้ในมือของคนต้าอวิ๋นแล้ว หากเขาไม่ระมัดระวังตัวหน่อย ก็อาจสิ้นใจเร็วยิ่งขึ้นได้
เยี่ยลี่ร์เชี่ยจึงไกล่เกลี่ยให้ทั้งสองฝ่ายลงเอยกันแต่โดยดี “หมอหลวงเหยา ได้โปรดรักษาเสด็จพ่อของข้าด้วยเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่แย้มยิ้มน้อยๆ แล้วหันไปมองชุ่ยเวย ชุ่ยเวยเปิดกล่องยาที่อยู่บนโต๊ะสูงออก แล้วเอาแผ่นรองมือมารองข้อมือของเยี่ยลี่ร์จี๋ไว้
เยี่ยลี่ร์ก่วงมองของในกล่องยาด้วยอย่างไม่ไว้วางใจ ด้านในมีกระเป๋าหนังแกะสองใบ และขวดกระเบื้องอีกสิบกว่าขวด กลับไม่มีอะไรน่าสงสัย
เหยาเยี่ยนอวี่เดินหน้าเข้าไปวัดชีพจรให้เยี่ยลี่ร์จี๋ หลังจากนั้นก็ค่อยเปลี่ยนเป็นมืออีกข้าง
ผ่านไปสักพัก เยี่ยลี่ร์เชี่ยจึงเดินหน้ามาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “หมอหลวงเหยา เป็นเช่นไรบ้าง”
“อาการเบื้องต้นคือพิษเย็นเข้าสู่ร่างกาย หลังจากนั้นก็มาดื่มสุราอีก ทั้งยังทำงานอย่างหักโหมติดต่อกันหลายวัน…” เหยาเยี่ยนอวี่แย้มยิ้ม แล้วพูดขึ้น “อาการอาจทรงๆ หรือค่อนข้างหนักเลยก็ได้ ทว่าหากอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ ก็คงแย่เลย”
“เช่นนี้ตอนนี้ควรทำอย่างไรดี” เยี่ยลี่ร์เชี่ยพลันเอ่ยถาม
“มีทั้งวิธีรักษาที่รวดเร็ว และเชื่องช้า” เหยาเยี่ยนอวี่ตั้งใจกวนประสาท “ไม่ทราบว่าท่านอ๋องอยากรักษาด้วยวิธีเช่นไร”
เยี่ยลี่ร์เชี่ยพลันพูด “แน่นอนว่าต้องวิธีรวดเร็วสิ”
“รวดเร็วกระนั้นหรือ เช่นนั้นก็ต้องใช้วิธีฝังเข็ม ฝังไปตรงจุดเฟิงฉือ จุดต้าจุย จุดว่ายกวาน จุดชวีฉือและอื่นๆ”
“บังอาจ!” เยี่ยลี่ร์ก่วงตวาดด้วยความโมโห “เจ้ากลับกล้าใช้เข็มเงินฝังลงบนพระเศียรของท่านอ๋องกระนั้นหรือ!”
“พี่ใหญ่!” เยี่ยลี่ร์เชี่ยขมวดคิ้วและขัดค้านเยี่ยลี่ร์ก่วง “การฝังเข็มของราชวงศ์ต้าอวิ๋นเป็นวิธีการรักษาที่สืบทอดกันมาพันกว่าปีแล้ว! ต่อให้เสด็จพ่อดื่มยาสมุนไพรเหล่านั้นก็ไม่มีทางหายประชวรได้ พวกเราจำต้องใช้วิธีนี้!”
เยี่ยลี่ร์ก่วงชี้หน้าเยี่ยลี่ร์เชี่ยพร้อมสบถหยาบอย่างโมโห “เหลวไหล! เจ้าเอาแต่พูดว่าทำเพื่ออาการของเสด็จพ่อ ข้าคิดว่าเจ้าน่ะหน้าเนื้อใจเสือ! เจ้าคิดจะลอบสังหารเสด็จพ่อ จากนั้นก็แย่งตำแหน่งอ๋องไป แล้วไปเป็นข้ารับใช้ให้กับต้าอวิ๋น!”
“พี่ใหญ่!” เยี่ยลี่ร์ต้าสือที่อยู่ด้านข้างพลันเดินหน้าเข้ามายืนอยู่ตรงกลางระหว่างสองคน “พวกท่านต้องทะเลาะถกเถียงกันต่อหน้าคนนอกด้วยหรือ”
เหยาเยี่ยนอวี่และเว่ยจางแลกเปลี่ยนสายตากัน ต่างฝ่ายต่างยิ้มจางๆ ดูๆ แล้วบุตรชายทั้งสี่ของหูอ๋องเข้ากันไม่ได้นั้นเป็นความจริง พวกเขากลับถือโอากาสยกประเด็นเรื่องระหว่างบิดาป่วยและขุนนางของต้าอวิ๋นมาทะเลาะถกเถียงกัน ดูท่าแล้วคงจะสะสมความแค้นมานานแล้ว