หมอหญิงจ้าวดวงใจ – ตอนที่ 378 ละทิ้งงานทุกอย่าง ความสุขของงานวิวาห์ (4)

ตอนที่ 378 ละทิ้งงานทุกอย่าง ความสุขของงานวิวาห์ (4)

ถึงแม้นี่ไม่ใช่สูตรยาที่ตนคิดค้นออกมา ทว่าพอถูกคนประเภทนี้แก่งแย่งคุณงามความดีไป คุณหนูเหยายังคงรู้สึกขุ่นเคืองใจ

“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากยอมเรื่องนี้ง่ายๆ จริงๆ ข้าเองก็รู้สึกขุ่นเคืองใจแทนเจ้าเช่นกัน” เหยาเหยียนอี้นึกถึงเรื่องนี้ก็โมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ทว่าก็รู้สึกจนปัญหายิ่งกว่า “เยี่ยนอ๋องทรงตรัสกับข้าโดยตรง ตอนนี้เรื่องนี้ยังไม่ควรบอกให้คนอื่นรู้ อีกอย่างนี่ยังเกี่ยวข้องกับฮุ่ยกุ้ยเฟยและเหิงจวิ้นอ๋อง ไม่ต้องเห็นแก่อย่างอื่น อย่างน้อยก็ต้องเห็นแก่เหิงอ๋อง อีกอย่าง จดหมายที่ท่านพ่อส่งมาในก่อนหน้านี้กล่าวว่าพวกเราทำตัวหยิ่งผยองเกินไปตอนอยู่ในเมืองหลวง และนี่ก็คงไม่ใช่เรื่องดีอะไร”

เหยาเยี่ยนอวี่แสยะยิ้มด้วยความเย็นชา “ได้ ไหนๆ ท่านพ่อก็พูดเช่นนี้แล้ว เช่นนั้นพวกเราก็พักเรื่องนี้ไว้ก่อนเถอะ”

เหยาเหยียนอี้เห็นสีหน้าของน้องสาวเคล้าด้วยความขุ่นเคืองใจ จึงเกลี้ยกล่อมเสียงเบา “ตอนนี้เจ้าสนใจแต่เรื่องออกเรือนก่อนเถอะ ส่วนเรื่องอื่นก็ยังไม่ต้องมาคิดมาก หากมีโอกาส ข้าต้องแก้แค้นแทนเจ้าแน่นอน”

“อืม ข้าฟังท่านพี่ทุกอย่าง” เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้า นางก็เข้าใจว่าเบื้องหลังของหลิวซั่งซิวเป็นผู้ที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ ขืนวันใดตนทนไม่ไหวขึ้นมา ต่อให้ได้สั่งสอนหมอหลิว ทว่าก็เป็นเรื่องที่ทำลายศัตรูหนึ่งพัน ตนกลับต้องเสียหายแปดร้อย แล้วมันคุ้มหรือ

ฤดูที่ร้อนระอุนี้ เหยาเยี่ยนอวี่ภาวนาให้รีบผ่านพ้นไป

รอคอยวันที่โรงงานผลิตกระจกสร้างเสร็จ รอคอยวันเวลาที่นางออกเรือน รอคอยโอกาสที่จะเอาคืน

เรื่องที่ซูอวี้ผิงได้รับคำสั่งให้ไปรักษาการณ์ที่เมืองเฟิ่งก็ได้รับพระราชานุญาตจากฮ่องเต้แล้ว พระราชโองการส่งไปที่จวนติ้งโหวเป็นที่เรียบร้อย อารมณ์ที่แสนหดหู่ของเฟิงฮูหยินน้อยกลับสู่สภาวะปกติ ส่วนเฟิงซิ่วอวิ๋นกลับปั้นหน้าบึ้งตึง เพราะตั้งแต่แต่งเข้าจวนติ้งโหวมาก็ยังไม่ตั้งครรภ์

สาวใช้ในจวนโหวตั้งครรภ์แล้ว ส่วนนางที่แต่งเข้ามาในจวนตั้งแต่ที่องค์หญิงต้าจั่งทรงสวรรคตกลับไม่ได้การเคลื่อนไหวใดๆ

ใช่แล้ว กล่าวถึงสาวใช้ที่ตั้งครรภ์ ตั้งแต่ถูกเหยาเฟิ่งเกอรับตงเหมยไปอยู่ในเรือน นางก็ได้อาศัยอยู่ในเรือนทางฝั่งตะวันตก

คืนนั้น เหยาเฟิ่งเกอสั่งให้แม่ครัวทำอาหารหลากหลายประเภทเป็นพิเศษ แล้วสั่งให้เมียบ่าวสองสามคนที่คอยปรนนิบัติซูอวี้เสียงมาร่วมโต๊ะอาหารด้วยกัน

ซูอวี้เสียงได้ยินจึงดีใจมาก อย่างไรทารกในครรภ์ของตงเหมยก็คือบุตรชายของตน

ไม่ว่าเรื่องอะไร เขาไม่เคยเทียบเทียมกับพี่ใหญ่และพี่รอง ทว่าหากเขามีบุตรชายจริงๆ เขาก็จะมีทั้งบุตรชายและบุตรี ว่าด้วยเรื่องมี ‘บุตรชายและบุตรี’ ก็อยู่เหนือพี่ใหญ่และพี่รองแล้ว

คืนนั้นจึงเป็นมื้อที่กินกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาและมีความสุขมาก เหยาเฟิ่งเกอนับว่าเป็นยอดฝีมือที่สร้างบรรยากาศได้ดียิ่ง แค่นางยินยอม ก็ทำให้ทุกคนมีความสุข และไม่ต้องตกอยู่ในภาวะลำบากใจ หลังจากนั้น ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด ซูอวี้เสียงเกิดอยากค้างคืนที่เรือนของเหยาเฟิ่งเกอขึ้นมา ทว่าเหยาเฟิ่งเกอกลับปฏิเสธว่าตนไม่สบาย จึงให้เขาไปพักในเรือนของหู่พั่ว

คืนนั้น ซูอวี้เสียงและหู่พั่วได้ร่วมสังวาสกัน ตงเหมยที่พักอยู่ในเรือนข้างฝั่งตะวันตกกลับนอนไม่หลับทั้งคืน

ชีวิตหลังจากนี้ เหยาเฟิ่งเกออ้างว่าหู่พั่วตั้งครรภ์ เลยไม่อนุญาตให้ซูอวี้เสียงไปค้างแรมในเรือนของนาง อีกอย่างยังหาข้ออ้างรับหลิงจือที่เคยถูกไล่ออกกลับมา ข้างกายของซูอวี้เสียงมีสาวใช้ห้าหกคนคอยปรนนบัติ อย่างไรในบรรดาสาวใช้ที่เอ่ยถึง ไม่มีตงเหมยรวมอยู่ในนั้น

เมื่อตงเหมยแสดงท่าทีที่ไม่พอใจออกมาเพียงเล็กน้อย เหยาเฟิ่งเกอก็จะอ้างว่านางตั้งครรภ์ ไม่ควรร่วมสังวาสกับซูอวี้เสียง ข้ออ้างเช่นนี้จึงทำให้ตงเหมยจนปัญญา

เมื่อผ่านไปเป็นเวลาสองเดือน ท้ายที่สุดหู่พั่วและหลิวหลีก็ตั้งครรภ์เสียที ในเรือนฉีเสียงกลับมีเมียบ่าวตั้งครรภ์ถึงสามคน

ซูอวี้เสียงรู้สึกชื่นมื่นยินดีราวกับลอยอยู่บนก้อนเมฆ

ดังนั้น เหยาเฟิ่งเกอเลยบอกว่าจะไปจุดธูปขอพรที่วัด ภาวนาให้พระโพธิสัตว์ปกปักคุ้มครองคนพวกนี้ให้ได้บุตรชาย เพื่อตระกูลซูจะได้ผลิดอกออกผลไวๆ ทั้งยังบอกว่าเมียบ่าวสามคนนี้ ไม่ว่าใครจะมีบุตรชายก่อน นางก็จะเลี้ยงบุตรของผู้นั้นเยี่ยงบุตรทางสายเลือดของตนเอง

ตงเหมยได้ยินเช่นนี้ จึงรู้สึกขอบคุณเหยาเฟิ่งเกออย่างมาก ภรรยาเอกเลี้ยงดูบุตรชายที่ให้กำเนิดโดยอนุภรรยา นั่นแสดงว่าต้องเลี้ยงดูเยี่ยงบุตรชายทางสายเลือดแน่นอน!

เฟิงฮูหยินน้อยหาเวลาว่างมาลอบถามเหยาเฟิ่งเกอ “เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”

เหยาเฟิ่งเกอแค่แย้มยิ้ม พูดว่า “ข้ามีบุตรชายให้คุณชายสามไม่ได้ หากสาวใช้พวกนั้นมีบุตรชายให้คุณชายสาม นั่นก็คือบุญวาสนาของข้าเช่นกัน”

เฟิงฮูหยินน้อยขมวดคิ้วพลางพูด “เจ้าไม่ใช่ว่ายังมีบุตรได้อยู่หรือ แล้วจะทำเช่นนี้ไปไย”

“ตั้งครรภ์มีบุตร มีแค่ครั้งเดียวข้าก็กลัวแล้ว” เหยาเฟิ่งเกอยกยิ้ม คำพูดเช่นนี้ช่างเป็นความจริง

เมื่อครั้นที่นางคลอดบุตรี ถือว่านางได้ใช้ความกล้าสุดท้ายที่มีในชีวิตนี้ไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ซูอวี้เสียงทำทีท่าเช่นนี้ แล้วนางจะเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมีบุตรชายให้เขาไปไยกัน หากตนเองเกิดอะไรขึ้นมา บุตรีของนางจะทำเช่นไร

ตอนนี้เหยาเฟิ่งเกอนึกถึงแต่บุตรีของตนเท่านั้น สำหรับเรื่องอื่น นางแทบไม่อยากใส่ใจ แน่นอน เพื่ออนาคตของบุตรี นางยังต้องพยายามต่อไป

วันที่เหยาเฟิ่งเกอไปจุดธูปในวัด เหตุเพราะภรรยาเอกไม่อยู่ ตงเหมยรู้สึกผ่อนคลาย จึงออกมาเดินเล่นกลางสวนด้วยความรื่นเริง ทว่ากลับไม่ระวังตกลงไปในน้ำ หลังจากผ่านการช่วยชีวิต ตัวนางไม่เป็นเช่นไร ทว่าทารกในครรภ์กลับรักษาไว้ไม่ได้

ได้ยินว่าตอนที่ตงเหมยเดินเล่นกลางสวน จวี๋หงที่เป็นสาวใช้ชั้นล่างคนสนิทของนางเดินเป็นเพื่อนด้วย

ตอนที่ตงเหมยล้มลงไปในบ่อน้ำ นางแค่รู้สึกพื้นลื่นมาก ทว่ากลับไม่ทันได้สังเกตเห็นอะไร หลังจากถูกช่วยชีวิต นางยังคงหมดสติ หลังจากถามจวี๋หง นางแค่พูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้นว่า ตนไม่ทันได้ช่วยนางเอาไว้ ตนเองสมควรตาย ฮูหยินน้อยได้โปรดลงโทษตนเอง

ช่วงบ่าย เหยาเฟิ่งเกอกลับจากวัดก็รู้เรื่องนี้ จึงเปรยเสียงเศร้าไม่หยุด พร้อมทั้งตวาดให้ขายสาวใช้ชั้นล่างนามว่าจวี๋หงคนนี้ไปยังตลาดค้าทาส พอคำพูดเช่นนี้ถึงหูของลู่ฮูหยิน ลู่ฮูหยินเลยมาสบถหยาบใส่เหยาเฟิ่งเกอ ทั้งยังพาจวี๋หงกลับไปรับใช้ในเรือนของตนเอง

หู่พั่วเจอจวี๋หงที่กำลังไปเรือนของลู่ฮูหยินตรงทางโค้งระเบียง จึงอดยกยิ้มมุมปากไม่ได้

ณ จวนจิ้งไห่โหว ราชครูเซียวกำลังเอาแปดตัวอักษรของเซียวหลินและหันหมิงชั่นให้โหรเลือกฤกษ์วิวาห์ ดั่งคาด เดือนเก้าวันที่สิบหกเป็นฤกษ์ที่เหมาะแก่การออกเรือนมากที่สุด ถึงแม้เวลานี้จึงค่อนข้างเร่งรีบ ทว่าจวนแห่งนี้เป็นจวนใหม่อยู่แล้ว ตอนแรกที่ประดับตกแต่ง ก็ตั้งใจว่าจะเตรียมไว้ให้หลานเป็นเรือนหอ ดังนั้นทุกอย่างล้วนจัดเตรียมอย่างสำเร็จรูป กลับไม่มีอะไรน่ากังวลใจ

เดือนเก้าวันที่สิบหก จึงเป็นวันมงคลที่สองตระกูลสูงศักดิ์ของแคว้นต้าอวิ๋นจัดงานสมรส

ราวกับว่าสวรรค์เป็นใจอย่างมาก อากาศของวันนี้แจ่มใสเป็นพิเศษ ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆ จวนตระกูลชั้นสูงในแคว้นต้าอวิ๋นนิยมปลูกต้นหอมหมื่นลี้ในจวน ดังนั้นเมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง ในจวนก็จะส่งกลิ่นดอกหอมหมื่นลี้ที่มาพร้อมสายลม

เหยาเยี่ยนอวี่และหันหมิงชั่นออกเรือนในวันเดียวกัน ทว่าเวลามงคลกลับไม่เหมือนกัน

เวลามงคลของแม่ทัพเว่ยและหันหมิงชั่นคือยามเฉิน ส่วนเซียวหลินและหันหมิงชั่นคือยามเหม่า เกี้ยวเจ้าสาวของเหยาเยี่ยนอวี่ออกเดินทางเร็วกว่าหันหมิงชั่น หันหมิงชั่นได้นอนมากกว่าเหยาเยี่ยนอวี่หนึ่งชั่วยาม

ในวันนี้ ถือเป็นบุญตาของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเมืองหลวงที่ได้เห็นงานสมรสครั้งนี้

หน้าประตูจวนเหยาและจวนแม่ทัพติ้งหย่วนแออัดด้วยผู้คนมากมาย ทุกคนต่างรอชมความอลังการของขบวนเจ้าสาว ซึ่งเจ้าสาวก็คือหมอหลวงเหยาขั้นสามที่เป็นหมอหญิงคนแรกของราชสำนัก

เหยาเหยียนอี้และจวนเจิ้นกั๋วกงได้ปรึกษาหารือกันตั้งแต่เนิ่นๆ ว่าจะโรยดอกกล้วยไม้และดอกหอมหมื่นลี้ตลอดทาง เพื่ออวยพรให้คู่บ่าวสาวมีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง ดังนั้นปีนี้ดอกกล้วยไม้และดอกหอมหมื่นลี้จึงมีราคาสูงกว่าปีก่อนหลายเท่า

จวนแม่ทัพเว่ยก็ได้เตรียมการเป็นอย่างดี ตอนนั้นฉังเหมาได้ยินคำว่า ‘มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง’ ก็กระโดดโลดเต้นอย่างดีอกดีใจ แม่ทัพของพวกเขาจะมีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมืองแล้ว อนาคตจวนแห่งนี้จะมีเด็กวิ่งเล่นไปมาเต็มไปหมด ช่างเป็นเรื่องที่มีความสุขมาก! ดังนั้นหัวหน้าพ่อบ้าฉังเหมาก็เตรียมดอกกล้วยไม้และดอมหอมหมื่นลี้ไว้สิบตะกร้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset