ถึงแม้จวนเยี่ยนอ๋องจะสูงศักดิ์ เหตุเพราะเป็นตระกูลที่มีบรรพบุรุษเป็นเชื้อพระวงศ์ ทว่าก็มิอาจไปมีเรื่องบาดหมางใจกับจวนเจิ้นกั๋วกงได้ ยิ่งไปกว่านั้น องค์หญิงใหญ่หนิงหวาเป็นผู้ที่ทรงอำนาจ และรักใคร่ในหันหมิงชั่นที่เป็นบุตรีคนรองของนางยิ่งนัก ถึงแม้อวิ๋นยั่งยังอายุน้อย ทว่าคำพูดเช่นนี้ หากถูกผู้ที่มีความประสงค์ร้ายไปทูลองค์หญิงใหญ่หนิงหวาด้วยคำพูดเกินจริง ก็คงต้องเกิดปัญหาแน่นอน ซูอวี้เหิงลอบรั้งเหยาเยี่ยนอวี่เอาไว้อย่างเงียบเชียบ แล้วถามด้วยเสียงแผ่วเบา “พี่เหยา ยาทาแผลของพี่ ใช้ได้ผลจริงๆ หรือ” เหยาเยี่ยนอวี่รู้ว่าพอเรื่องนี้เกิดขึ้น ซูอวี้เหิงต้องรู้สึกไม่สบายใจอย่างแน่นอน นางจึงตบเบาๆ ลงบนหลังมือซูอวี้เหิงเพื่อปลอบโยน แล้วกล่าวด้วยเสียงต่ำ “วางใจเถอะ ยาทาแผลของข้าเป็นสูตรลับประจำตระกูลที่ข้าปรุงขึ้นมา ต้องใช้ได้ผลแน่นอน” ซูอวี้เหิงลอบถอนหายใจเบาๆ แล้วไม่เอ่ยอะไรอีก ชุ่ยเวยรีบเอาสุราและยารักษาแผลมา เหยาเยี่ยนอวี่ให้อวิ๋นยั่งขึ้นไปบนตั่งไม้เตี้ย แล้วพิงอยู่ในอ้อมกอดของอวิ๋นซีผู้เป็นพี่สาว จากนั้นก็เอาผ้าแห้งชุบสุราพลางเช็ดบาดแผลที่เลือดหยุดไหลไปแล้ว พอเอาสุราเช็ด อวิ๋นยั่งจึงรู้สึกเจ็บจนตัวสั่นเทา และอดไม่ได้ที่จะร้องออกมา “เจ็บมาก” อวิ๋นซีที่อยู่ข้างๆ ก็โอบกอดนางไว้ พร้อมกับเกลี้ยกล่อมด้วยเสียงต่ำ “ยั่งเอ๋อร์ อย่ากลัวเลย บาดแผลนี้ต้องใช้สุราเช็ดก่อน ถึงจะทายาได้” อวิ๋นยั่งเชื่อในคำพูดของเหยาเยี่ยนอวี่ จึงกัดฟันเพื่ออดทนไม่ให้ตัวเองขยับ ทว่านางก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ต่อให้อดทนได้ น้ำตาก็ยังไหลรินลงมาจากหางตา ร่างน้อยๆ ของนางสั่นสะท้านไม่หยุด เหยาเยี่ยนอวี่สามารถทำได้เพียงเร่งจัดการโดยเร็ว นางเช็ดบาดแผลให้สะอาดอย่างรวดเร็ว แล้วเช็ดเลือดที่แห้งไปแล้วออก เผยให้เห็นบาดแผลที่มีเลือดซึมสีแดงสด จากนั้นค่อยใช้ผงยาที่ตนเองปรุงเองโรยลงบนบาดแผลอย่างเบามือ พูดถึงผงยานี้ก็เป็นเรื่องที่อัศจรรย์ยิ่งนัก บาดแผลนั้นถูกเหยาเยี่ยนอวี่เช็ด และเพิ่งจะมีเลือดสดหลั่งออกมา ทว่าพอผงยานั่นถูกโรยลงไป ก็สามารถทำให้เลือดแข็งตัวหยุดไหลได้ทันที ผงยาวิเศษนี้เดิมทีก็เป็นสีชาอ่อนๆ และสีคล้ายคลึงกับผิวพรรณ พอโรยผงยานี้ลงไป จึงเคลือบไปบนสีของเลือดที่น่าหวาดผวา จนทำให้มองแล้วไม่น่ากลัวเหมือนตอนแรก “ยานี้อัศจรรย์เยี่ยงนั้นเลยหรือ” อวิ๋นเหยาถามด้วยเสียงเรียบเฉย ตั้งแต่อวิ๋นยั่งเกิดเรื่อง สีหน้าของนางไม่ได้ดูดีแม้แต่น้อย เวลานี้นางจึงจ้องมองตรงไปที่เหยาเยี่ยนอวี่ ด้วยสายตาราวกับสื่อให้เห็นว่า หากเจ้าบังอาจพูดจาเรื่อยเปื่อย ข้าจะลงโทษเจ้าถึงปางตายด้วยอำนาจของราชวงศ์ เหยาเยี่ยนอวี่กลับไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลย เหตุเพราะนางมั่นใจในผงยาที่นางปรุงเองอย่างมาก ดังนั้นจึงยกยิ้มบางๆ อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวออกมา “จวิ้นจู่วางใจเถอะ หลังจากเจ็ดวันบาดแผลจะสมาน จากนั้นใช้ขี้ผึ้งไข่มุกที่ข้าปรุงเองทา หลังจากยี่สิบแปดวันไปแล้ว ดวงหน้าของคุณหนูสามจะหายดีเหมือนตอนแรก และจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้เป็นอันขาด แน่นอนว่าในช่วงเวลานี้ก็จำต้องระมัดระวังอาหารการกิน อย่าได้ทานอาหารบางชนิด ประเดี๋ยวข้าจะเขียนชนิดของอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงให้” ดวงตากลมโตงดงามที่เต็มไปด้วยความเย็นชาของอวิ๋นเหยาหรี่ลง จากนั้นก็เชิดคางขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับถามเหยาเยี่ยนอวี่ “เจ้ารู้ทักษะการแพทย์?” เหยาเยี่ยนอวี่สะดุ้งตกใจเล็กน้อย แล้วก้มหน้าลงพลางยิ้มพูดขึ้น “มิใช่เช่นนั้น ข้าแค่มียาทาแผลพวกนี้เท่านั้น ก่อนหน้านี้ตอนอยู่จวนของตนเอง อี้เหนียงของข้าชอบเก็บสะสมตำราสูตรยาลับต่างๆ ที่ตอนนี้มักจะไม่มีใครสืบทอดต่อ หลังจากที่เก็บสะสมมานานก็รู้สึกว่ามันมีประโยชน์และใช้ได้ผลจริง จึงได้สั่งให้คนไปหาสมุนไพรมาจนครบ จากนั้นก็ปรุงยาออกมาเอง เมื่อตอนที่พวกเรายังเป็นเด็กก็มักจะซุกซน จึงมิอาจหลีกเลี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บตามเนื้อตามตัว ดังนั้นยาพวกนี้จึงได้พกติดตัวอยู่ตลอดเวลา” “เป็นสูตรยาลับประจำตระกูลเจ้าจริงหรือ” อวิ๋นเหยาไม่อยากจะเชื่อ อย่างไรก็ตามเรื่องรอยแผลเป็นนั้นตราบใดที่เป็นแผลที่มีเลือดไหล ก็มักจะทิ้งรอยไว้บ้าง เพียงแต่ว่ารอยแผลนั้นจะหนักหรือจะเบาเท่านั้น ไม่มีใครพูดว่าจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ เหยาเยี่ยนอวี่กลับสามารถพูดเช่นนี้ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ! “เป็นเช่นนั้น” เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้าพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองนัยน์ตาของอวิ๋นเหยา ถึงแม้นางจะไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด ทว่าในใจก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไร เพราะนางมีจิตใจที่กระจ่างชัดและมีความมั่นใจมากเพียงพอ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่านางเองก็ซื่อสัตย์มากเช่นกัน เวลานี้ ดวงหน้าของอวิ๋นยั่งไร้ซึ่งความเจ็บปวดใดๆ อีกต่อไป นางพยายามเหยียดกายขึ้นมานั่งจากอ้อมกอดของอวิ๋นซี จากนั้นก็ดึงแขนเสื้อของเหยาเยี่ยนอวี่ไว้ พร้อมกับพูดด้วยเสียงเบาๆ “พี่เหยา ข้าขอบคุณท่านจริงๆ ใบหน้าของข้าไม่เจ็บแม้แต่น้อยแล้ว” เหยาเยี่ยนอวี่ก้มหน้ามองแผลของอวิ๋นยั่ง พร้อมกับยิ้มและกล่าวด้วยเสียงค่อย “อืม เจ้าจะไม่เจ็บอีกต่อไปแล้ว” ขณะที่พูด นางก็เอาตลับยาทรงกลมอันเล็กที่อยู่ในมือให้อวิ๋นซี พร้อมกับกำชับ “ในนี้มีขี้ผึ้งไข่มุก รอให้แผลตกสะเก็ดแล้วหลุดออกไปค่อยทามันลงไป ก่อนที่แผลยังไม่ตกสะเก็ด ตอนล้างหน้าต้องคอยระวัง อย่าให้แผลโดนน้ำเด็ดขาด” “ขอบคุณคุณหนูเหยามากๆ” อวิ๋นซีรับตลับยาไว้ พร้อมยื่นให้แม่นมของอวิ๋นยั่ง เดิมทีวันนี้เป็นงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานยิ่งนัก ทว่าเพราะดวงหน้าของอวิ๋นยั่งได้รับบาดเจ็บจนทำให้ทุกคนไม่มีอารมณ์สุนทรีย์เช่นนั้นอีก อวิ๋นเหยาจึงสั่งให้คนเก็บกู่เจิงกลับไป แล้วพูดกับหันหมิงชั่นและซูอวี้เหิง “ข้ายังมีบางสิ่งต้องจัดการ จะกลับก่อน เช่นนั้นขอตัวก่อนล่ะ” สิ้นคำพูด นางก็ปรายตามองไปที่เหยาเยี่ยนอวี่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย ซูอวี้เหิงรีบกล่าวขึ้น “เรื่องวันนี้ข้าเองที่ต้อนรับได้ไม่ดี จวิ้นจู่อย่าได้ถือโทษเลย วันข้างหน้าข้าจะเป็นเจ้าภาพเพื่อชดใช้ความผิดพลาดครั้งนี้” “ไม่เป็นไร ก็แค่จะให้ทุกคนมารวมตัวกัน เพื่อเล่นสนุกเท่านั้น” อวิ๋นเหยากล่าวจบ ก็กวาดสายตาไปยังทุกคน จากนั้นก็ให้สาวใช้พยุงขึ้นรถม้าคันใหญ่ที่ใช้ม้าสี่ตัวในการขับเคลื่อน ทันทีที่อวิ๋นเหยาเดินทางจากไป อวิ๋นเคอก็กล่าวว่าจะกลับด้วย อีกอย่างอวิ๋นยั่งที่กลายเป็นสภาพเช่นนี้ ก็คงไม่สามารถอยู่ต่อที่นี่อีก กลับไปนางยังต้องไปเชิญหมอหลวงมาดูอาการของอวิ๋นยั่ง ซูอวี้เหิงกล่าวด้วยความเกรงอกเกรงใจ พอเห็นอวิ๋นเคอพาอวิ๋นซีและอวิ๋นยั่งขึ้นรถม้าไป ก่อนอวิ๋นซีจะขึ้นรถม้าก็ได้หันมามองซูอวี้เหิงพลางส่งยิ้มให้นาง จากนั้นก็กระซิบว่า “มิเป็นไร ยั่งเอ๋อร์เล่นซุกซนเอง และสาวใช้ที่คอยปรนนิบัติก็บกพร่องต่อหน้าที่ ไม่อาจโทษเจ้าได้ เรื่องนี้เจ้าก็อย่าเก็บไปใส่ใจเลย” ซูอวี้เหิงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ จะไม่ให้เก็บไปคิดมากได้อย่างไรกัน อย่างไรอวิ๋นยั่งก็เกิดเรื่องในสถานที่ที่ตนเป็นคนจัด ต่อให้จะเป็นตัวนางเองที่เกเร ทว่าตนก็เป็นเจ้าบ้านที่ดูแลไม่ทั่วถึงเอง อีกทั้งจุดที่ได้รับบาดเจ็บคือใบหน้า สามารถกล่าวได้ว่าตนเองทำให้ผู้อื่นเสียโฉมแล้ว ตอนนี้ความหวังเดียวของซูอวี้เหิงคือ ยารักษาบาดแผลของเหยาเยี่ยนอวี่จะใช้ได้ผลจริงดั่งที่นางพูด มิเช่นนั้นครั้งนี้ก็คงจะทำให้อนาคตของอวิ๋นยั่งต้องเสียไป รูปลักษณ์ภายนอกเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ สำหรับสตรีทุกคน ฐานันดรศักดิ์ที่สูงศักดิ์อย่างหันหมิงชั่น ทว่าเพราะถูกเรื่องของโฉมหน้ากลับทำให้นางไม่สามารถออกเรือนดั่งที่ใจปรารถนาจนถึงทุกวันนี้ ยิ่งไปกว่านั้น อวิ๋นยั่งเป็นเพียงบุตรีที่อนุภรรยาให้กำเนิดเท่านั้น อวิ๋นเหยากับอวิ๋นเคอเดินทางกลับ สตรีสูงศักดิ์คนอื่นๆ ต่างก็แยกย้ายกันเดินทางกลับ ตอนมาก็มาเป็นขบวน พอตอนกลับต่างคนต่างกลับ มีเพียงสตรีที่สนิทสนมกันสองสามคนกลับพร้อมกันเท่านั้น โชคดีที่ทุกจวนมีทหารคุ้มกันคอยติดตามมาด้วย บ้านนาแห่งนี้อยู่นอกเมือง ทุกที่ก็จะมีคนในราชสำนักคอยเฝ้ารักษาความปลอดภัย จึงไม่มีโจรที่คอยปล้นอยู่กลางป่า ก็ถือว่าปลอดภัยในระดับหนึ่ง สุดท้าย พอทุกคนเดินทางกลับ มีเพียงหันหมิงชั่นที่อยู่เป็นเพื่อนซูอวี้เหิงจึงยังไม่กลับ นางดึงซูอวี้เหิงไปอีกด้านหนึ่งและเกลี้ยกล่อมอย่างนุ่มนวล และกล่าวว่าเมื่อกลับไปนางจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้กับองค์หญิงใหญ่หนิงหวาอย่างไร เรื่องนี้สาเหตุเกิดจากอวิ๋นยั่งไม่ระมัดระวังตัวจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับใครอื่นใด นี่ก็ผ่านยามเว่ย[1]มาแล้ว พระอาทิตย์ก็เคลื่อนไปอยู่ทางทิศตะวันตก สายลมกลางพงไพรพัดโชยมา ข้างนอกจึงมีความเหน็บหนาวเล็กน้อย เหยาเยี่ยนอวี่จึงชวนซูอวี้เหิงและหันหมิงชั่นกลับเข้าไปนั่งในเรือน หันหมิงชั่นกลับกุมมือของซูอวี้เหิงพร้อมกล่าวขึ้น “เวลานี้สายมากแล้ว พวกเราควรกลับกันได้แล้ว วันนี้รบกวนคุณหนูเหยามามากพอแล้ว หากวันใดเจ้าว่าง ข้าจะสั่งให้คนมารับเจ้าไปเที่ยวเล่นที่จวนของข้า” เหยาเยี่ยนอวี่รีบกล่าวด้วยความเกรงใจ จากนั้นก็ได้สั่งให้เฝิงหมัวมัวเอาเนื้อแกะที่แช่แข็งและลูกพลับแดงก่ำหนึ่งตะกร้าให้หันหมิงชั่นนำกลับไป และบอกว่าเป็นเพียงของที่เก็บเกี่ยวในบ้านนา จึงหวังให้คุณหนูรองอย่าได้รังเกียจ หันหมิงชั่นโปรดปรานในนิสัยใจคอของเหยาเยี่ยนอวี่ จึงไม่ได้เกรงอกเกรงใจนาง แค่รับของที่นางให้อย่างปิติยินดี จากนั้นก็ขึ้นรถม้าไปพร้อมกับซูอวี้เหิงแล้วเดินทางกลับเมืองหลวง ทุกคนต่างเดินทางกลับหมดแล้ว เวลานี้ เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกเหนื่อยล้ายิ่งนัก [1] ยามเว่ย ช่วงเวลา 13:00-15:00
ถึงแม้จวนเยี่ยนอ๋องจะสูงศักดิ์ เหตุเพราะเป็นตระกูลที่มีบรรพบุรุษเป็นเชื้อพระวงศ์ ทว่าก็มิอาจไปมีเรื่องบาดหมางใจกับจวนเจิ้นกั๋วกงได้ ยิ่งไปกว่านั้น องค์หญิงใหญ่หนิงหวาเป็นผู้ที่ทรงอำนาจ และรักใคร่ในหันหมิงชั่นที่เป็นบุตรีคนรองของนางยิ่งนัก ถึงแม้อวิ๋นยั่งยังอายุน้อย ทว่าคำพูดเช่นนี้ หากถูกผู้ที่มีความประสงค์ร้ายไปทูลองค์หญิงใหญ่หนิงหวาด้วยคำพูดเกินจริง ก็คงต้องเกิดปัญหาแน่นอน
ซูอวี้เหิงลอบรั้งเหยาเยี่ยนอวี่เอาไว้อย่างเงียบเชียบ แล้วถามด้วยเสียงแผ่วเบา “พี่เหยา ยาทาแผลของพี่ ใช้ได้ผลจริงๆ หรือ”
เหยาเยี่ยนอวี่รู้ว่าพอเรื่องนี้เกิดขึ้น ซูอวี้เหิงต้องรู้สึกไม่สบายใจอย่างแน่นอน นางจึงตบเบาๆ ลงบนหลังมือซูอวี้เหิงเพื่อปลอบโยน แล้วกล่าวด้วยเสียงต่ำ “วางใจเถอะ ยาทาแผลของข้าเป็นสูตรลับประจำตระกูลที่ข้าปรุงขึ้นมา ต้องใช้ได้ผลแน่นอน”
ซูอวี้เหิงลอบถอนหายใจเบาๆ แล้วไม่เอ่ยอะไรอีก
ชุ่ยเวยรีบเอาสุราและยารักษาแผลมา เหยาเยี่ยนอวี่ให้อวิ๋นยั่งขึ้นไปบนตั่งไม้เตี้ย แล้วพิงอยู่ในอ้อมกอดของอวิ๋นซีผู้เป็นพี่สาว จากนั้นก็เอาผ้าแห้งชุบสุราพลางเช็ดบาดแผลที่เลือดหยุดไหลไปแล้ว
พอเอาสุราเช็ด อวิ๋นยั่งจึงรู้สึกเจ็บจนตัวสั่นเทา และอดไม่ได้ที่จะร้องออกมา “เจ็บมาก”
อวิ๋นซีที่อยู่ข้างๆ ก็โอบกอดนางไว้ พร้อมกับเกลี้ยกล่อมด้วยเสียงต่ำ “ยั่งเอ๋อร์ อย่ากลัวเลย บาดแผลนี้ต้องใช้สุราเช็ดก่อน ถึงจะทายาได้”
อวิ๋นยั่งเชื่อในคำพูดของเหยาเยี่ยนอวี่ จึงกัดฟันเพื่ออดทนไม่ให้ตัวเองขยับ ทว่านางก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ต่อให้อดทนได้ น้ำตาก็ยังไหลรินลงมาจากหางตา ร่างน้อยๆ ของนางสั่นสะท้านไม่หยุด
เหยาเยี่ยนอวี่สามารถทำได้เพียงเร่งจัดการโดยเร็ว นางเช็ดบาดแผลให้สะอาดอย่างรวดเร็ว แล้วเช็ดเลือดที่แห้งไปแล้วออก เผยให้เห็นบาดแผลที่มีเลือดซึมสีแดงสด จากนั้นค่อยใช้ผงยาที่ตนเองปรุงเองโรยลงบนบาดแผลอย่างเบามือ
พูดถึงผงยานี้ก็เป็นเรื่องที่อัศจรรย์ยิ่งนัก บาดแผลนั้นถูกเหยาเยี่ยนอวี่เช็ด และเพิ่งจะมีเลือดสดหลั่งออกมา ทว่าพอผงยานั่นถูกโรยลงไป ก็สามารถทำให้เลือดแข็งตัวหยุดไหลได้ทันที ผงยาวิเศษนี้เดิมทีก็เป็นสีชาอ่อนๆ และสีคล้ายคลึงกับผิวพรรณ พอโรยผงยานี้ลงไป จึงเคลือบไปบนสีของเลือดที่น่าหวาดผวา จนทำให้มองแล้วไม่น่ากลัวเหมือนตอนแรก
“ยานี้อัศจรรย์เยี่ยงนั้นเลยหรือ” อวิ๋นเหยาถามด้วยเสียงเรียบเฉย ตั้งแต่อวิ๋นยั่งเกิดเรื่อง สีหน้าของนางไม่ได้ดูดีแม้แต่น้อย เวลานี้นางจึงจ้องมองตรงไปที่เหยาเยี่ยนอวี่ ด้วยสายตาราวกับสื่อให้เห็นว่า หากเจ้าบังอาจพูดจาเรื่อยเปื่อย ข้าจะลงโทษเจ้าถึงปางตายด้วยอำนาจของราชวงศ์
เหยาเยี่ยนอวี่กลับไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลย เหตุเพราะนางมั่นใจในผงยาที่นางปรุงเองอย่างมาก ดังนั้นจึงยกยิ้มบางๆ อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวออกมา “จวิ้นจู่วางใจเถอะ หลังจากเจ็ดวันบาดแผลจะสมาน จากนั้นใช้ขี้ผึ้งไข่มุกที่ข้าปรุงเองทา หลังจากยี่สิบแปดวันไปแล้ว ดวงหน้าของคุณหนูสามจะหายดีเหมือนตอนแรก และจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้เป็นอันขาด แน่นอนว่าในช่วงเวลานี้ก็จำต้องระมัดระวังอาหารการกิน อย่าได้ทานอาหารบางชนิด ประเดี๋ยวข้าจะเขียนชนิดของอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงให้”
ดวงตากลมโตงดงามที่เต็มไปด้วยความเย็นชาของอวิ๋นเหยาหรี่ลง จากนั้นก็เชิดคางขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับถามเหยาเยี่ยนอวี่ “เจ้ารู้ทักษะการแพทย์?”
เหยาเยี่ยนอวี่สะดุ้งตกใจเล็กน้อย แล้วก้มหน้าลงพลางยิ้มพูดขึ้น “มิใช่เช่นนั้น ข้าแค่มียาทาแผลพวกนี้เท่านั้น ก่อนหน้านี้ตอนอยู่จวนของตนเอง อี้เหนียงของข้าชอบเก็บสะสมตำราสูตรยาลับต่างๆ ที่ตอนนี้มักจะไม่มีใครสืบทอดต่อ หลังจากที่เก็บสะสมมานานก็รู้สึกว่ามันมีประโยชน์และใช้ได้ผลจริง จึงได้สั่งให้คนไปหาสมุนไพรมาจนครบ จากนั้นก็ปรุงยาออกมาเอง เมื่อตอนที่พวกเรายังเป็นเด็กก็มักจะซุกซน จึงมิอาจหลีกเลี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บตามเนื้อตามตัว ดังนั้นยาพวกนี้จึงได้พกติดตัวอยู่ตลอดเวลา”
“เป็นสูตรยาลับประจำตระกูลเจ้าจริงหรือ” อวิ๋นเหยาไม่อยากจะเชื่อ อย่างไรก็ตามเรื่องรอยแผลเป็นนั้นตราบใดที่เป็นแผลที่มีเลือดไหล ก็มักจะทิ้งรอยไว้บ้าง เพียงแต่ว่ารอยแผลนั้นจะหนักหรือจะเบาเท่านั้น ไม่มีใครพูดว่าจะไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ เหยาเยี่ยนอวี่กลับสามารถพูดเช่นนี้ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ!
“เป็นเช่นนั้น” เหยาเยี่ยนอวี่พยักหน้าพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองนัยน์ตาของอวิ๋นเหยา ถึงแม้นางจะไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด ทว่าในใจก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไร เพราะนางมีจิตใจที่กระจ่างชัดและมีความมั่นใจมากเพียงพอ ดังนั้นจึงกล่าวได้ว่านางเองก็ซื่อสัตย์มากเช่นกัน
เวลานี้ ดวงหน้าของอวิ๋นยั่งไร้ซึ่งความเจ็บปวดใดๆ อีกต่อไป นางพยายามเหยียดกายขึ้นมานั่งจากอ้อมกอดของอวิ๋นซี จากนั้นก็ดึงแขนเสื้อของเหยาเยี่ยนอวี่ไว้ พร้อมกับพูดด้วยเสียงเบาๆ “พี่เหยา ข้าขอบคุณท่านจริงๆ ใบหน้าของข้าไม่เจ็บแม้แต่น้อยแล้ว”
เหยาเยี่ยนอวี่ก้มหน้ามองแผลของอวิ๋นยั่ง พร้อมกับยิ้มและกล่าวด้วยเสียงค่อย “อืม เจ้าจะไม่เจ็บอีกต่อไปแล้ว” ขณะที่พูด นางก็เอาตลับยาทรงกลมอันเล็กที่อยู่ในมือให้อวิ๋นซี พร้อมกับกำชับ “ในนี้มีขี้ผึ้งไข่มุก รอให้แผลตกสะเก็ดแล้วหลุดออกไปค่อยทามันลงไป ก่อนที่แผลยังไม่ตกสะเก็ด ตอนล้างหน้าต้องคอยระวัง อย่าให้แผลโดนน้ำเด็ดขาด”
“ขอบคุณคุณหนูเหยามากๆ” อวิ๋นซีรับตลับยาไว้ พร้อมยื่นให้แม่นมของอวิ๋นยั่ง
เดิมทีวันนี้เป็นงานเลี้ยงที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานยิ่งนัก ทว่าเพราะดวงหน้าของอวิ๋นยั่งได้รับบาดเจ็บจนทำให้ทุกคนไม่มีอารมณ์สุนทรีย์เช่นนั้นอีก อวิ๋นเหยาจึงสั่งให้คนเก็บกู่เจิงกลับไป แล้วพูดกับหันหมิงชั่นและซูอวี้เหิง “ข้ายังมีบางสิ่งต้องจัดการ จะกลับก่อน เช่นนั้นขอตัวก่อนล่ะ” สิ้นคำพูด นางก็ปรายตามองไปที่เหยาเยี่ยนอวี่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย
ซูอวี้เหิงรีบกล่าวขึ้น “เรื่องวันนี้ข้าเองที่ต้อนรับได้ไม่ดี จวิ้นจู่อย่าได้ถือโทษเลย วันข้างหน้าข้าจะเป็นเจ้าภาพเพื่อชดใช้ความผิดพลาดครั้งนี้”
“ไม่เป็นไร ก็แค่จะให้ทุกคนมารวมตัวกัน เพื่อเล่นสนุกเท่านั้น” อวิ๋นเหยากล่าวจบ ก็กวาดสายตาไปยังทุกคน จากนั้นก็ให้สาวใช้พยุงขึ้นรถม้าคันใหญ่ที่ใช้ม้าสี่ตัวในการขับเคลื่อน
ทันทีที่อวิ๋นเหยาเดินทางจากไป อวิ๋นเคอก็กล่าวว่าจะกลับด้วย อีกอย่างอวิ๋นยั่งที่กลายเป็นสภาพเช่นนี้ ก็คงไม่สามารถอยู่ต่อที่นี่อีก กลับไปนางยังต้องไปเชิญหมอหลวงมาดูอาการของอวิ๋นยั่ง
ซูอวี้เหิงกล่าวด้วยความเกรงอกเกรงใจ พอเห็นอวิ๋นเคอพาอวิ๋นซีและอวิ๋นยั่งขึ้นรถม้าไป ก่อนอวิ๋นซีจะขึ้นรถม้าก็ได้หันมามองซูอวี้เหิงพลางส่งยิ้มให้นาง จากนั้นก็กระซิบว่า “มิเป็นไร ยั่งเอ๋อร์เล่นซุกซนเอง และสาวใช้ที่คอยปรนนิบัติก็บกพร่องต่อหน้าที่ ไม่อาจโทษเจ้าได้ เรื่องนี้เจ้าก็อย่าเก็บไปใส่ใจเลย”
ซูอวี้เหิงยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ จะไม่ให้เก็บไปคิดมากได้อย่างไรกัน อย่างไรอวิ๋นยั่งก็เกิดเรื่องในสถานที่ที่ตนเป็นคนจัด ต่อให้จะเป็นตัวนางเองที่เกเร ทว่าตนก็เป็นเจ้าบ้านที่ดูแลไม่ทั่วถึงเอง อีกทั้งจุดที่ได้รับบาดเจ็บคือใบหน้า สามารถกล่าวได้ว่าตนเองทำให้ผู้อื่นเสียโฉมแล้ว
ตอนนี้ความหวังเดียวของซูอวี้เหิงคือ ยารักษาบาดแผลของเหยาเยี่ยนอวี่จะใช้ได้ผลจริงดั่งที่นางพูด มิเช่นนั้นครั้งนี้ก็คงจะทำให้อนาคตของอวิ๋นยั่งต้องเสียไป รูปลักษณ์ภายนอกเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ สำหรับสตรีทุกคน ฐานันดรศักดิ์ที่สูงศักดิ์อย่างหันหมิงชั่น ทว่าเพราะถูกเรื่องของโฉมหน้ากลับทำให้นางไม่สามารถออกเรือนดั่งที่ใจปรารถนาจนถึงทุกวันนี้ ยิ่งไปกว่านั้น อวิ๋นยั่งเป็นเพียงบุตรีที่อนุภรรยาให้กำเนิดเท่านั้น
อวิ๋นเหยากับอวิ๋นเคอเดินทางกลับ สตรีสูงศักดิ์คนอื่นๆ ต่างก็แยกย้ายกันเดินทางกลับ
ตอนมาก็มาเป็นขบวน พอตอนกลับต่างคนต่างกลับ มีเพียงสตรีที่สนิทสนมกันสองสามคนกลับพร้อมกันเท่านั้น โชคดีที่ทุกจวนมีทหารคุ้มกันคอยติดตามมาด้วย บ้านนาแห่งนี้อยู่นอกเมือง ทุกที่ก็จะมีคนในราชสำนักคอยเฝ้ารักษาความปลอดภัย จึงไม่มีโจรที่คอยปล้นอยู่กลางป่า ก็ถือว่าปลอดภัยในระดับหนึ่ง
สุดท้าย พอทุกคนเดินทางกลับ มีเพียงหันหมิงชั่นที่อยู่เป็นเพื่อนซูอวี้เหิงจึงยังไม่กลับ นางดึงซูอวี้เหิงไปอีกด้านหนึ่งและเกลี้ยกล่อมอย่างนุ่มนวล และกล่าวว่าเมื่อกลับไปนางจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้กับองค์หญิงใหญ่หนิงหวาอย่างไร เรื่องนี้สาเหตุเกิดจากอวิ๋นยั่งไม่ระมัดระวังตัวจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับใครอื่นใด
นี่ก็ผ่านยามเว่ย[1]มาแล้ว พระอาทิตย์ก็เคลื่อนไปอยู่ทางทิศตะวันตก สายลมกลางพงไพรพัดโชยมา ข้างนอกจึงมีความเหน็บหนาวเล็กน้อย เหยาเยี่ยนอวี่จึงชวนซูอวี้เหิงและหันหมิงชั่นกลับเข้าไปนั่งในเรือน
หันหมิงชั่นกลับกุมมือของซูอวี้เหิงพร้อมกล่าวขึ้น “เวลานี้สายมากแล้ว พวกเราควรกลับกันได้แล้ว วันนี้รบกวนคุณหนูเหยามามากพอแล้ว หากวันใดเจ้าว่าง ข้าจะสั่งให้คนมารับเจ้าไปเที่ยวเล่นที่จวนของข้า”
เหยาเยี่ยนอวี่รีบกล่าวด้วยความเกรงใจ จากนั้นก็ได้สั่งให้เฝิงหมัวมัวเอาเนื้อแกะที่แช่แข็งและลูกพลับแดงก่ำหนึ่งตะกร้าให้หันหมิงชั่นนำกลับไป และบอกว่าเป็นเพียงของที่เก็บเกี่ยวในบ้านนา จึงหวังให้คุณหนูรองอย่าได้รังเกียจ
หันหมิงชั่นโปรดปรานในนิสัยใจคอของเหยาเยี่ยนอวี่ จึงไม่ได้เกรงอกเกรงใจนาง แค่รับของที่นางให้อย่างปิติยินดี จากนั้นก็ขึ้นรถม้าไปพร้อมกับซูอวี้เหิงแล้วเดินทางกลับเมืองหลวง
ทุกคนต่างเดินทางกลับหมดแล้ว เวลานี้ เหยาเยี่ยนอวี่รู้สึกเหนื่อยล้ายิ่งนัก
[1] ยามเว่ย ช่วงเวลา 13:00-15:00