เฟิงเซ่าอิ่งคลี่ยิ้มบางๆ แล้วพูดขึ้น “งานเลี้ยงด้านในใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว หากจวิ้นจู่ไม่เข้าไป เกรงว่าองค์หญิงใหญ่จะสั่งให้คนมาเชิญ ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไร ถึงอย่างไรเสียการกินอาหารจึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด จวิ้นจู่ตามข้าเข้าไปด้านในเถอะ”
อวิ๋นเหยาหัวเราะในลำคอ แล้วย้อนถามเฟิงเซ่าอิ่ง “สตรีตีสองหน้า ปากอย่างใจอย่างเช่นนาง เหตุใดเสด็จป้าและพี่สะใภ้ใหญ่จึงปฏิบัติกับนางเหมือนเป็นแขกคนสำคัญ”
“สตรีตีสองหน้า ปากอย่างใจอย่าง?” เฟิงเซ่าอิ่งมองไปด้านข้างด้วยความแปลกใจ นางคลี่ยิ้มแล้วเอ่ยถาม “จวิ้นจู่หมายถึงคุณหนูเหยาหรือ”
“นอกจากนางแล้วจะมีใครอีกเล่า ก่อนหน้านี้อวิ๋นยั่งได้รับบาดเจ็บ ตอนที่นางทายาให้กับอวิ๋นยั่ง ข้าถามนางว่ามีความรู้ด้านการแพทย์หรือไม่ แต่นางกลับปฏิเสธเสียงแข็ง ทว่าเวลานี้กลับใช้วิธีการฝังเข็มที่หายสาบสูญมารักษาบาดแผลของพี่ใหญ่ การกระทำของนางไม่เรียกว่าตีสองหน้า ปากอย่างใจอย่างแล้วจะให้เรียกว่าอะไร”
“คุณหนูเหยาเพียงแค่ไม่ต้องการจะเปิดเผยต่อสาธารณะ ถูกหรือไม่ จวิ้นจู่เกลียดชังนางเช่นนี้ หรือเป็นเพราะพวกท่านทั้งสองมีเรื่องบาดหมางใจกัน”
“หึ” อวิ๋นเหยาหัวเราะในลำคออย่างเหยียดหยาม “อย่างนาง คู่ควรมาแย่งชิงคนกับข้าด้วยหรือ”
เฟิงเซ่าอิ่งเอ่ยถามด้วยความสงสัย “แย่งชิงผู้ใดหรือ”
อวิ๋นเหยาปรายตามองเฟิงเซ่าอิ่ง นางไม่ได้พูดสิ่งใด เพียงแค่ก้าวเท้าเดินออกไปเท่านั้น
เหยาเยี่ยนอวี่เดินไปถึงประตูหน้าเรือนอั้นเซียง นางก็ได้พบกับหันหมิงชั่นที่เข้ามาอย่างเร่งรีบ เมื่อหันหมิงชั่นพบเจอกับนางก็ได้ถอนหายใจเบาๆ หันหมิงชั่นหันไปมองด้านหลังครู่หนึ่ง เมื่อไม่เห็นอวิ๋นเหยาจึงถามขึ้น “น้องเหยาเจ้าเป็นอะไรหรือไม่ เหยาเอ๋อร์ได้ทำอะไรเจ้าหรือไม่”
“พี่หันไม่ต้องเป็นกังวล จวิ้นจู่เพียงแค่พูดคุยอะไรเรื่อยเปื่อยกับข้าไม่กี่ประโยคเท่านั้น” เหยาเยี่ยนอวี่สงบสติอารมณ์ของตนเองได้แล้ว นางยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยและนิ่งสงบ
หันหมิงชั่นพยักหน้า แล้วพูดขึ้น “ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว พวกเราเข้าไปด้านในกันเถอะ”
แม่ครัวขององค์หญิงใหญ่ เป็นแม่ครัวที่ติดตามองค์หญิงใหญ่ออกจากวังหลวงเมื่อตอนที่องค์หญิงใหญ่ออกเรือน ทั้งอาหารคาวและของหวานล้วนทำด้วยความประณีต อาหารแต่ละจานที่ยกออกมานั้น ล้วนน่ารับประทานยิ่งนัก
หันหมิงชั่นดึงตัวเหยาเยี่ยนอวี่นั่งลงข้างกายตน เหยาเยี่ยนอวี่มองดูอาหารเลิศรสมากมายตรงหน้า แต่นางกลับไม่รู้สึกอยากอาหาร คำพูดของอวิ๋นเหยาเมื่อครู่ยังคงดังก้องในหูของนาง ทว่ากลับมีเพียงใบหน้าที่ยิ้มแย้มและใบหน้าที่แข็งกร้าวของเว่ยจางปรากฏต่อหน้านาง
เดิมทีเหยาเยี่ยนอวี่ไม่ได้ใส่ใจแต่อย่างใด ทว่าเมื่ออวิ๋นเหยาพูดเช่นนั้น ทันใดนั้นนางเพิ่งค้นพบว่าใบหน้านี้ได้ติดตรึงอยู่ในใจของนางมานานแล้ว
เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อใด เหยาเยี่ยนอวี่ครุ่นคิดด้วยความหงุดหงิด ตอนที่เขายื่นมีดผ่าตัดให้ที่วัดต้าเจวี๋ย? หรือจะเป็นตอนที่เจอกับเขาโดยบังเอิญในร้านหลอมเหล็ก? หรือว่าเป็นครั้งแรก ตอนที่ต่างหูระย้าของตนหล่นลงไปจากชั้นบน และเกือบจะตกลงบนศีรษะของเฉิงอ๋องซื่อจื่อ แล้วถูกพบโดยเขา?
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตัวของเหยาเยี่ยนอวี่เองก็ไม่กระจ่างชัด ทว่านางกลับพบบางอย่างที่น่าแปลก ทุกครั้งที่เจอกับเว่ยจาง ตัวนางจะจดจำทุกอย่างได้อย่างชัดเจน ทุกการกระทำและทุกแววตาที่มองมานั้น ขอเพียงแค่นึกถึง ล้วนติดตรึงอยู่เต็มตา
ในทางกลับกัน นางจำไม่ได้ว่าตนเองเคยพูดสิ่งใดกับซูอวี้เสียงบ้าง และจำไม่ได้ว่าตนเองเคยพบเจอกับเฟิงเซ่าเชินชายหนุ่มผู้งดงามกี่หน นางจำได้เพียงบุรุษผู้มีใบหน้าสุขุมเย็นยะเยือกเพียงผู้เดียว
เหยาเยี่ยนอวี่ไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าอวิ๋นเหยาเข้ามาตั้งแต่เมื่อใด และไม่เห็นสายตาเย็นยะเยือกที่อวิ๋นเหยามองมาที่ตนหลังจากเดินเข้ามา
องค์หญิงใหญ่ตรัสให้หันหมิงชั่นรินสุราหวานให้เหยาเยี่ยนอวี่ เหยาเยี่ยนอวี่รีบพูดขึ้น “องค์หญิงใหญ่โปรดอภัย เยี่ยนอวี่ไม่ดื่มน้ำมึนเมา หม่อมฉันขอดื่มน้ำชาแทนสุราหวานเพคะ”
หันหมิงชั่นคลี่ยิ้มแล้วพูดขึ้น “นี่ไม่ใช่สุราหวานที่แท้จริงแต่อย่างใด ในทุกปีเสด็จแม่จะสั่งให้คนเด็ดดอกเหมยแล้วนำมาหมักกับข้าวหมากและน้ำตาล รสชาตินั้นสดชื่นและอมหวาน มีกลิ่นสุราหวานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เสด็จแม่เรียกมันว่าเหล้าเหมย และเหล้าเหมยไหนี้เป็นเหล้าเหมยที่หมักเมื่อปีก่อนและได้ฝังเอาไว้ใต้ต้นเหมยแก่อายุนับร้อยปีต้นนั้น วันนี้เพิ่งขุดออกมาและเปิดให้ลิ้มลอง เพราะน้องเหยาพวกเราจึงมีลาภปากเช่นนี้ น้องเหยาอย่าได้ทำลายความปรารถนาดีของเสด็จแม่เลย”
เฟิงเซ่าอิ่งเกลี้ยกล่อมอีกเสียง “น้องสาวพูดถูก คุณหนูเหยาดื่มสักหนึ่งจอกเถอะ ไม่เช่นนั้นเหล้าเหมยของเสด็จแม่ไหนี้คงจะต้องเป็นของพวกเราแล้ว”
เหยาเฟิ่งเกอคลี่ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าดื่มสักจอกสองจอกก็ไม่เป็นไร”
เหยาเยี่ยนอวี่ไม่อาจปฏิเสธ นางทำได้เพียงรับจอกสุรามาพร้อมกับเหยียดกายลุกขึ้นมองไปทางองค์หญิงใหญ่ “เยี่ยนอวี่ขอบพระทัยในความเมตตาขององค์หญิงใหญ่เพคะ”
องค์หญิงใหญ่หนิงหวาคลี่ยิ้ม แล้วพูดขึ้น “เปิ่นกงรู้ การที่เปิ่นกงนั่งอยู่ที่นี่ พวกเจ้าล้วนไม่อาจทำตัวตามสบายได้ เพียงแต่วันนี้เปิ่นกงตั้งใจเชิญเจ้ามาเพื่อที่จะกล่าวขอบคุณเจ้า ทว่าหากคนที่เป็นเจ้าภาพนั้นไม่ออกมาร่วมแสดงน้ำใจก็คงไม่ดี เช่นนั้นพวกเรามาดื่มกันสามจอก ประเดี๋ยวเปิ่นกงเมาแล้วจะกลับไปพักผ่อน พวกเจ้าทั้งหลายก็สังสรรค์กันที่นี่ให้สนุกเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่รีบเหยียดกายลุกขึ้นและกล่าว “มิกล้าเพคะ” องค์หญิงใหญ่หนิงหวายกมือขึ้นโบกให้นางนั่งลง ทุกคนยกจอกเหล้าที่มีเหล้าเต็มจอกขึ้นมา
เหล่าสาวใช้ยกเหยือกเหล้าแล้วเดินมาริน หันหมิงชั่นคีบเนื้อกวางสองแผ่นออกมาจากหม้อแล้วยื่นไปตรงหน้าเหยาเยี่ยนอวี่ นางพูดเสียงเบา “น้องเหยา กินนี่เสียหน่อย นี่คือเนื้อกวางป่าที่พี่ชายรองของข้าล่ามาจากเขตล่าสัตว์ป่าภูเขาซี ทั้งยังเคี่ยวในน้ำแกงนี้ตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา เนื้อกวางนี้นุ่มละมุนลิ้นยิ่งนัก เจ้าลองชิมดู”
“เจ้าค่ะ ขอบคุณพี่หัน เดี๋ยวข้ากินเองเจ้าค่ะ” เหยาเยี่ยนอวี่ดึงสติกลับมา นางเงยหน้าขึ้นแล้วสบตากับเหยาเฟิ่งเกอโดยบังเอิญ สายตาของเหยาเฟิ่งเกอที่มองมานั้นเคล้าไปด้วยความกล่าวโทษและไม่พอใจ นางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด ในเวลานั้นเองหันหมิงชั่นที่อยู่ข้างกายก็คลี่ยิ้มแล้วพูดขึ้น “รีบกินเร็วเข้า ประเดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อย”
“เจ้าค่ะ” เหยาเยี่ยนอวี่ยกถ้วยของตนเองขึ้นมารับเนื้อกวางที่หันหมิงชั่นคีบมาให้ จากนั้นคีบขึ้นมาหนึ่งแผ่นแล้วเคี้ยวกิน
“เป็นอย่างไรบ้าง” หันหมิงชั่นคลี่ยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยถามขึ้น
“รสชาติอร่อยมากเจ้าค่ะ” เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มแล้วกล่าวชม แต่ความเป็นจริงนางกลับไม่รู้รส
หันหมิงชั่นดื่มเหล้าแสดงความเคารพเหยาเยี่ยนอวี่อีกครั้ง นางกล่าวขอบคุณเหยาเยี่ยนอวี่ที่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของพี่ชายคนโตของนางได้อย่างทันท่วงที เหยาเยี่ยนอวี่ยิ้มอย่างลำบากใจ “เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าองค์หญิงใหญ่ ฮูหยินท่านซื่อจื่อและพี่รองพูดถึงเรื่องนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า กลับทำให้เยี่ยนอวี่รู้สึกอึดอัดใจ”
เฟิงเซ่าอิ่งคลี่ยิ้ม “สำหรับเจ้าเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับพวกข้าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่หลวงยิ่งนัก วันนี้ข้าต้องขอบคุณเจ้าดีๆ เจ้าต้องดื่มกับข้าสามจอก”
เหยาเยี่ยนอวี่รีบพูดอ้อนวอน “เยี่ยนอวี่ไม่อาจดื่มเหล้าจริงๆ เจ้าค่ะ ฮูหยินท่านซื่อจื่อและพี่รองได้โปรดเห็นใจเยี่ยนอวี่ด้วยเจ้าค่ะ”
หันหมิงชั่นยิ้ม จากนั้นนำจอกเหล้าของเหยาเยี่ยนอวี่ยื่นไปตรงริมฝีปากของนาง พร้อมพูดอย่างเร่งเร้า “เรื่องอื่นข้าไม่สนใจ เจ้าดื่มจอกนี้ของข้าก่อนค่อยว่ากัน”
องค์หญิงใหญ่หนิงหวามองดูสะใภ้และบุตรีดื่มสุราเพื่อแสดงความขอบคุณเหยาเยี่ยนอวี่ นางจึงอ้างว่าตนอ่อนเพลียแล้ว อยากจะกลับไปพักผ่อน ก่อนที่เสด็จไปนั้นองค์หญิงใหญ่รับสั่งให้เฟิงเซ่าอิ่งและหันหมิ่งชั่นนั่งดื่มให้สบายใจ และบอกกับเหยาเฟิ่งเกอสองพี่น้อง รวมถึงอวิ๋นเหยาและซูอวี้เหิงให้สังสรรค์และผ่อนคลาย จากนั้นจับมือเหยาเยี่ยนอวี่เอาไว้คลี่ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ประเดี๋ยวก็มืดค่ำแล้ว คุณหนูเหยาอย่าได้กลับไปเลย ในจวนมีเรือนมากมาย เจ้าอยู่เที่ยวเล่นที่นี่กับเปิ่นกงและชั่นเอ๋อร์อีกสองสามวันค่อยกลับเถอะ”
เหยาเยี่ยนอวี่รีบปฏิเสธ จากนั้นลุกขึ้นพร้อมกับทุกคนเพื่อน้อมทำความเคารพองค์หญิงใหญ่ที่กำลังจากไป หลังจากที่องค์หญิงใหญ่เสด็จออกไปทุกคนก็นั่งลงแล้วพูดคุยดื่มกินกันต่อ
เมื่อได้โอกาส เหยาเฟิ่งเกอก็ร้องเรียกเหยาเยี่ยนอวี่ให้ไปนั่งข้างๆ นางพูดเสียงเบา “เมื่อครู่ตอนอยู่ด้านนอก เจ้ากับอวิ๋นเหยาจวิ้นจู่มีเรื่องบาดหมางกันอีกแล้วหรือ?”
เหยาเยี่ยนอวี่นิ่งงัน นางไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร
เหยาเฟิ่งเกอกำชับอีกครั้ง “เหตุใดเจ้าจึงไม่เข้าใจในความลำบากใจของพี่ นางเป็นถึงจวิ้นจู่ ทั้งยังเป็นแก้วตาดวงใจของเฉิงอ๋อง ฐานันดรศักดิ์ของนางสูงส่งมากเพียงใด ไม่ว่าเจ้าจะรู้สึกว่าถูกกระทำเพียงใดก็ควรที่จะอดทนเอาไว้ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะทำเช่นไรหากเกิดปัญหาขึ้นแล้วเจ้านำหายนะมาสู่ท่านพ่อท่านแม่ สู่ครอบครัวของพวกเรา”
เมื่อเอ่ยคำพูดออกมา ภายในใจของเหยาเยี่ยนอวี่ยิ่งรู้สึกเจ็บปวด ทว่านางกลับไม่อาจพูดออกมาได้สักคำ ทำได้เพียงอดกลั้นความเจ็บปวดเอาไว้ในใจ จากนั้นคลี่ยิ้มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “พี่สาววางใจเถอะ เป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ข้ากับจวิ้นจู่ได้เปิดใจสนทนากันแล้ว หลังจากนี้จะไม่มีเรื่องบาดหมางใจกันอีก และไม่มีวันทำให้ท่านพ่อ พี่ชายและพี่สาวต้องเดือดร้อน”