ตอนที่ 35 : การประลองยุทธ์ ใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน?
“จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจหรอ?”
โจวฉวนจีรู้สึกงง ๆ เขาคือใครล่ะนั่น?
เจียงฮือน้อยขมวดคิวด้วยความไม่พอใจเพราะความหยิ่งผยองของจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจคนนั้น
ชายคนนั้นก็รีบอธิบายให้ทันที “ชายคนที่ว่าไม่ได้เป็นคนของอาณาจักรเหมันต์แดนใต้หรอกครับ แต่เขาพึ่งขึ้นระดับบรรลุญาณได้เมื่อ 4 ปีก่อน แถมวิชาดาบของเขาเองยังทั้งสง่างามและทรงพลังอีกด้วยครับ แต่เสียที่ค่อนข้างจะหยิ่งพอตัวนี่ล่ะครับเพราะครั้งนึงเขาเคยติดอยู่ในตารางจัดอันดับผู้มีชื่อเสียงแห่งมหาจักรวรรดิโจวนะครับ ถึงจะแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ก็เถอะ”
เขาขึ้นระดับบรรลุญาณได้เมื่อ 4 ปีก่อน?
โจวฉวนจีหรี่ตาลง เขาอยากจะท้าทายจอมยุทธเก่งๆที่อยู่ระดับบรรลุญาณพอดีเลย
เขาถาม “แล้วชายคนที่ว่านี่ยังอยู่ในเมืองกลืนเมฆาอยู่มั้ย?”
ชายหนุ่มพยักหน้า และพูดว่า “เขาบอกว่า เขาจะรอท่านอีกเดือนนึง และถ้าท่านไม่ยอมรับคําท้าล่ะก็ เช่นนั้นฉาย าเทพกระบี่โจวของท่านก็เป็นแค่ของเก๊เท่านั้นครับ…”
ประโยคสุดท้ายที่เขาพูดออกมา ชายหนุ่มดูจะพูดแบบไม่พอใจนัก
ไอจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจนั่นกล้ามาเทียบตนกับเทพกระบี่โจวได้ยังไงกัน?
ผู้คนน่ะไม่ได้ชื่นชมเทพกระบี่โจวเพราะพลังหรืออะไรหรอกนะ แต่พวกเขาชื่นชมในความเที่ยงธรรมและมีเมตตาต่างหากล่ะ!
เมื่อคิดเช่นนั้น ชายหนุ่มก็มองไปยังโจวฉวนจี ด้วยความหวังที่ว่าเขาจะเอาชนะเจ้าคนหยิ่งผยองแบบนั้นได้
โจวฉวนจีพยักหัวตอบ “ขอบคุณเจ้ามาก” เขาพูด
หลังจากนั้น เขาก็เดินตรงไปหาเจียงฉือน้อย
ชายหนุ่มไม่ได้เดินตามเขาไป แต่ตะโกนไล่หลังมาว่า “ท่านต้องยอมรับคําท้านะ! สอนบทเรียนให้มันได้รู้ซะบ้าง!”
โจวฉวนจีโบกมือตอบโดยไม่ได้หันกลับไปมอง และสายตาของเขาก็เริ่มจริงจังขึ้นมาทันที
จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจงั้นหรอ?
เดี๋ยวข้าจะสอนให้มันรู้เองว่าใครเป็นใคร
หลังจากที่พวกเขาเดินไปได้ไม่กี่หลา เจียงฉือน้อยก็พึมพําถามขึ้นมาว่า “ฉวนจี เจ้ามั่นใจรึเปล่า?”
อยู่กับเขามาตั้ง 7 ปี ทําไมเธอถึงมองไม่ออกเนี่ยว่าเขาคิดอะไรอยู่?
เขากลอกตา ก่อนจะพูดว่า “ข้าเคยสังหารจอมยุทธระดับบัวภายในตั้งแต่อายุแค่ 2 ขวบมาแล้ว เจ้าคิดจริง ๆ หรอว่าข้าจะกลัวใครก็ไม่รู้ที่อยู่แค่ระดับบรรลุญาณน่ะ?”
เจียงฉือน้อยคิดและก็รู้สึกว่าจริงอย่างที่เขาบอก ฉายาเทพกระบี่โจวของเขาไม่ได้มาเล่น ๆ พวกโจรที่ถูกฆ่าด้วยดาบของเขามีตั้งมากมายจนแทบจะตั้งเป็นกองทัพได้เลยเชียวล่ะ
“ถ้างั้นเจ้าต้องสอนเขารู้จักบทเรียนซะบ้างนะ ข้าล่ะเกลียดพวกชอบหยิ่งจริง ๆ”
“ไม่ต้องห่วง ข้าทําแน่!”
ทั้งสองยังคงคุยกันระหว่างเดินตรงไปยังเมืองที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา
หลังจากที่เข้าเมืองมาได้ ทั้งสองก็เริ่มวิ่งไปทั่วถนน
นี่เป็นครั้งแรกที่โจวฉวนจีได้ลองเข้าเมืองของโลกในชาตินี้มันเลยค่อนข้างจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่และน่าสนใจสําหรับเขา
ทั้งสองรู้สึกตื่นเต้นมาก พวกเขาทั้งซื้อขนมระหว่างทางและเดินเข้าไปดูร้านต่าง ๆ
เป็นเวลา 3 วัน ที่ทั้งสองเดินสํารวจทั่วทั้งเมือง
โจวฉวนจีนั้นทั้งรวยและมีสมบัติอยู่มหาศาลในสุดยอดช่องเก็บของ พวกเขาจะซื้ออะไรก็ได้ที่อยากซื้อโดยไม่ต้องกังวลเรื่องตั้งค์เลยสักนิด
ขณะเดียวกัน พวกเขาก็เริ่มตกเป็นเป้าของพวกโจรเช่นกันแต่พวกมันกลับถูกโจวฉวนจีจับได้ในตรอกด้านหลังแทน
ในวันที่ 4 ทั้งสองขึ้นรถม้าและตรงไปยังเมืองกลืนเมฆา
มันไม่ไกลจากเมืองที่พวกเขาอยู่ตอนนี้นัก
ฉายา เทพกระบี่โจว นั้นดังสุด ๆ ทั่วเขตชายแดนอาณาจักรเหมันต์แดนใต้ เพราะงั้นจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจก็ควรจะอยู่แถวชายแดนของอาณาจักรเช่นกัน
รถม้า 7 คันขับตามหลังมา โดยแต่ละคันมีคนขับ 2 คน คนนึงแก่อีกคนยังวัยรุ่น ซึ่งชายหนุ่มวัยรุ่นนั้นอยู่ในฐานะเด็กฝึกงาน
“ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่าเทพกระบี่โจวจะตอบรับคําท้าเปล่า?”
“ข้าคิดว่าบางทีเทพกระบี่โจวอาจจะยังไม่รู้เรื่องนี้ด้วยซ้ําไม่งั้น เจ้าคิดว่าทําไมไอเจ้าจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจมันถึงเลือกท้าสู้ที่เมืองกลืนเมฆาล่ะ?”
“อ่าา? งั้นท่านหมายความว่าไอเจ้าจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจมันแค่ตั้งใจจะพูดขู่ไปงั้นน่ะหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิ ถึงมันจะแข็งแกร่งจริง ๆ ก็เถอะ แต่เทพกระบี่โจวก็ถล่มแต่พวกโจรที่อยู่ระดับสร้างรากฐานอย่างเดียว คงพูดยากนะว่าใครจะชนะ”
“แล้วก็ข้าได้ยินมาว่า เทพกระบี่โจวเป็นแค่เด็กที่อายุยังไม่ถึง 10 ขวบด้วยซ้ํานี้ เป็นเรื่องจริงหรอ?”
ในรถม้านั้น โจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยก็ได้ยินบทสนทนานั้นด้วย พวกต่างมองกันและยิ้มออกมา
เจียงฉือน้อยพึมพําออกมา “ฉวนจี ข้าไม่คิดเลยนะว่าเจ้าจะดังมากขนาดนี้แล้วนะ”
เธอรู้สึกภูมิใจอยู่ข้างใน เพราะเทพกระบี่โจวที่ดัง ๆ นั่นก็คือน้องชายของเธอนั้นเอง
โจวฉวนจีว่าจะลองใช้หน้ากากเคลือบเงินที่ปิดทั่วหน้าและมีรูแค่ช่วงตาดู เพรามันจะทําให้ใบหน้าของเขาดูเคร่งขรึมและดุดันมากขึ้น
เขาซื้อหน้ากากนี้มาด้วยราคาถึง 2 เหรียญเงิน เพราะคนขายอ้างว่ามันถูกสร้างผ่านการตีเหล็กและการหล่อหลอมขึ้นมาอย่างดี
เขาหัวเราะ “ข้าไม่ได้ดังอะไรขนาดนั้นหรอก”
เขานั้นเป็นถึงองค์ชายแห่งมหาจักรวรรดิโจว เพราะงั้นเขาเคยไม่สนใจพวกอาณาจักรเล็ก ๆ สักเท่าไหร่
โจวฉวนจีใส่หน้ากากเงินก่อนจะถามพลางยิ้มให้ว่า “ข้าดูหล่อมั้ย?”
เขาพูด พลางโพสต์ท่าที่เขาคิดว่าดูเท่ที่สุด
“ตุ๊บส์”
เจียงฉือน้อยแทบจะกลั้นขําไม่อยู่ เธอปิดปากพลางชี้นิ้วไปทางเขา และพูดว่า “เจ้าดูที่มสุด ๆ!”
เมื่อเขาได้ยินก็รู้สึกน้อยใจนิด ๆ ทันที
เขายังเด็กเกินกว่าจะหล่อได้สินะ
ถ้าเขาโตขึ้นเมื่อไหร่ เขาจะต้องกลายเป็นสุภาพบุรุษอันแสนจะหล่อเหลาและสง่างามอย่างแน่นอน!
เจียงฉือน้อยหยิบเซ็ทชุดสีดําออกมาจะแหวนเก็บของและพูดว่า “ลองนี่ดูสิ”
ตอนนี้เขายังใส่เสื้อที่เจียงฮือน้อยเย็บให้ เขาเลยดูจืดและธรรมดามาก
หลายวันมานี้ พวกเขาซื้อเสื้อผ้าจากในเมืองมาเยอะ เพื่อให้พวกเขามีชุดสับเปลี่ยนกันได้
ยังไงรูปลักษณ์ของเขาก็ต้องตรงกับฉายาเทพกระบี่โจว
ดังคํากล่าวที่ว่า “ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง”
หลังจากที่โจวฉวนจีเปลี่ยนเป็นชุดสีดําที่ถูกตัดออกมาอย่าง ประณีตนั่น เขาก็ดูดุดันและเฉียบคมมากขึ้นกว่าเดิม
มีลายลิ่มทองจํานวนมากที่ถูกทออยู่บนเสื้อเขา เขามัดผมส่วนใหญ่ไปด้านหลัง และปล่อยผมสองข้างตรงกรอบ หน้าซึ่งยาวถึงไหปลาร้า
จากนั้นเขาก็ใส่หน้ากากเงินอีกครั้ง และในครั้งนี้ แววตาของเจียงฮือน้อยก็เปล่งประกาย ก่อนจะพูดชมเขา “ตอนนี้เจ้าดูสมกับเป็นเทพกระบี่โจวมาก ๆ เลย ถึงตัวจะยังเล็กไปหน่อยก็เถอะ”
ถึงรูปลักษณ์ของเขาจะดูไม่ธรรมดาเลยสักนิดแต่ก็ยังขาดเรื่องส่วนสูงอยู่ดี
แต่ก็เป็นที่รู้กันดีว่า เทพกระบี่โจวนั้นมีรูปร่างเป็นแค่เด็กมันเลยไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
เขาเอาหน้ากากออก หลังจากที่ได้รับคําชมจากเธอ เขาก็ค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย
ทั้งสองเริ่มคุยกันอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน พวกเขาก็เริ่มคุยเกี่ยวกับเสี่ยวจิงหงโดยที่ทั้งสองนั้นไม่รู้เลยว่าลูกศิษย์กระจอก ๆ ของเขาทรงพลังมากแค่ไหน
ต่อหน้าเสี่ยวจิงหง เจ้าจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจนั่นยังไม่กล้าแม้แต่จะตดออกมาเลยด้วยซ้ํา
การเดินทางยังคงดําเนินต่อไป
ตลอดเส้นทาง พวกเขาไม่เจอโจรเลยสักนิด
หลังจากผ่านมา 2 วัน 2 คืน ในที่สุดพวกเขาก็ถึงเมืองกลืน
เมฆา
เมืองกลืนเมฆา คือ 1 ในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในอาณาจักรเหมันต์แดนใต้ มีประชากรหลายล้านคนที่อาศัยอยู่ที่นี่ และยังมีหลายสํานักมากมายถูกก่อตั้งขึ้นที่นี่ อีกทั้งการค้าขายยังรุ่งเรื่องสุด ๆ
ขณะที่เขาเดินไปตามถนน โจวฉวนจีก็รู้สึกได้ถึงปราณเฉพาะตัวของจอมยุทธระดับระดับสร้างรากฐานจํานวนมาก
อาณาจักรนั้นไม่ได้เหมือนกับเขตอื่นๆ เพราะว่าคนส่วนมากในนั้นเป็นจอมยุทธ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังเป็นจอมยุทธระดับต่ํากันอยู่ก็เถอะ
ส่วนพวกเขตที่อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรจําพวกเขตทั่วไปที่อยู่แถวชายแดนระหว่างอาณาจักรนั้น จะไม่ค่อยมีจอมยุทธ์อยู่สักเท่าไหร่
ระหว่างทาง ทั้งสองก็ได้ยินผู้คนเอาแต่พูดถึงเรื่องเทพกระบี่กับจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจกัน
หนึ่งเดือนที่แล้ว หลังจากที่มีจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ ประกาศท้าประลองออกไป ผู้คนมากมายก็เริ่มมารวมตัวกันที่เมืองกลืนเมฆา
จอมกระบี่ฆ้องอาจก็เป็นถึงจอมยุทธผู้ใช้ดาบที่ทรงพลังและเทพกระบี่โจวก็เกิดมาเพรียบพร้อมพรสวรรค์ ถ้าทั้งสองประชันหน้ากันล่ะก็ จะต้องเป็นการต่อสู้ที่สุดยอดอย่างแน่อน!
โจวฉวนจีไม่ได้รีบจะไปรับคําท้า แต่พาเจียงฉือน้อยเที่ยวทั่วเมืองก่อน
อีกด้านหนึ่ง
ณ จตุรัสกลางเมืองกลืนเมฆา ที่ซึ่งมีสนามฝึกซ้อมที่ใหญ่ที่สุดในเมืองอยู่
สนามฝึกนั้นสูงเกือบ 2 หลา และกว้างหลายร้อยหลา ส่วนพื้นที่ด้านหลังนั้นเป็นที่พักอาศัยของท่านเจ้าเมือง ขณะที่อีก 3 ด้านที่เหลือนั้นนําไปสู่เส้นถนนที่ต่างกัน
บนสนามฝึกมีชายคนหนึ่งซึ่งดึงดูดความสนใจของผู้คนระแวกนั้นมาก
เขาคือ จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ นั่นเอง
ดาบของเขาตั้งตรงอยู่กับพื้น ขณะที่เขายืนอยู่ บนด้ามดาบโดยใช้แค่ปลายนิ้วเท้า เขายืนอยู่ตรงนั้นและไม่ ขยับไปไหนซึ่งมันทําให้คนเดินถนนต่างรู้สึกประหลาดใจมาก
ท่าแบบนี้ใช่ว่าจะทําได้ง่าย ๆ เพราะแม้แต่จอมยุทธระดับรักษาปราณแค่ยืนยังยากเลย
แต่เขากลับอยู่ในท่านี้มาได้เป็นเดือนแล้ว
ท่ามกลางฝูงชน จางหรูหยูเบ้ปากก่อนจะสบถออกมาเบาๆ“ช่างเป็นคนที่โง่เขลาอะไรปานนี้นะ!”
เหล่าข้ารับใช้ที่ติดตามเขาอยู่ต่างหัวเราะอย่างอดไม่ได้จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและจางเถียนเจียนนั้นมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน เพราะงั้นสิ่งที่เขาพูดนั้นต้องไม่ให้จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจได้ยินเป็นอันขาด
หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! – ตอนที่ 35 : การประลองยุทธ์ ใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน?
Posted by ? Views, Released on October 21, 2021
, I HAVE COUNTLESS LEGENDARY SWORDS!
Type: นิยาย
บทนำ
หลังจากได้กลับชาติมาเกิดในฐานะ โจวฉวนจี องค์ชายแห่งจักวรรดิ เขาก็คิดว่าคงจะใช้ชีวิตอยู่สุขสบายอย่างหรูหราไปได้ชั่วชีวิต แต่เรื่องที่ไม่ได้คาดคิดก็เกิดขึ้น เขาต้องเข้าไปพัวพันกับการเมืองและเป็นปฏิปักษ์ราชินีผู้โหดเหี้ยม ทำให้เขาต้องจำใจหลบหนีออกจากราชวัง
แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้น คือ โปรแกรมโกงที่เขาเคยสร้างขึ้นในชาติก่อนกลายมาเป็นของจริงในชีวิตนี้
เมื่อเขาอายุได้ 2 ปี เขาก็ได้รับดาบมังกรสีชาดซึ่งมีจิตวิญญาณมังกรสีชาดสถิตอยู่
เมื่ออายุได้ 3 ปี เขาก็ได้รับดาบในตำนานเล่มที่ 2!
นั่นก็คือ เขาจะได้รับดาบในตำนานทุก ๆ ปีที่เขาโตขึ้น!
และหลังจากมีชีวิตมาได้ 100 ปี โจวฉวนจีก็ได้ออกผจญภัยไปทั่วโลกอย่างหาญกล้าพร้อมกับดาบในตำนานนับร้อยเล่ม!
และหมื่นปีต่อมา ดาบในตำนานนับหมื่นเล่มของเขาก็ทำให้สรวงสวรรค์ต้องสั่นสะเทือน จนในที่สุดเขาก็ได้ก้าวขึ้นสู่บังลังก์แห่งตำนานในฐานะจักรพรรดิกระบี่!
ติดตามการเดินทางจากเด็กน้อยวัยกระเตาะ ขึ้นสู่ตำนานจักรพรรดิกระบี่ได้แล้ว ใน
“หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์” I Have Countless Legendary Swords!