ตอนที่ 36 : พรสวรรค์ประจักษ์หยินหยาง
จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจยืนในท่าหลังตรง ผมสีขาวบางส่วนถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้เรือนผมสีดํา เขาสวมเสื้อคลุมยาวสีดําและเสื้อเชิ้ตสีขาว ท่าทางของเขาที่ยืนกอดอกพลางหลับตานั้นทั้งดูเคร่งขรึมและดุดันราวกับจอมกระบี่ผู้เย็นชา
คนนับร้อยต่างรวมตัวกันอยู่รอบสนามฝึก และพูดคุยความเห็นเกี่ยวกับจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ
“นี่เขาต้องรออีกนานแค่ไหนกันนะ?”
“เขาคือจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจใช่มั้ย? ดูเก่งจังเลย
แหะ
“ได้ยินมาว่าเขาสามารถผ่าภูเขาได้ภายในดาบเดียวด้วยนะข้าคิดว่าบางทีเทพกระบี่โจวคงจะไม่กล้ามาละมั้ง”
“ใช่ ๆ เทพกระบี่โจวก็เป็นแค่พวกโลภที่แสนจะขี้ขลาดเท่านั้นแหละ ฐานกองโจรมีอยู่ตั้งมากมายในป่ากู่หลาน เขากลับเลือกจัดการแค่กับพวกที่มีหัวหน้าที่อยู่แค่ระดับสร้างรากฐานเท่านั้น นั่นหมายความว่าเขามีพลังแค่ระดับสร้างรากฐานเท่านั้นเองยังไงล่ะ”
“แล้วจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจยังบรรลุจิตดาบแล้วด้วยนะ ในอนาคตเขาอาจจะเก่งเทียบเท่าท่านแม่ทัพจางเลยก็ได้”
คนส่วนใหญ่ต่างยกย่องจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจกันทั้งนั้น เว้นเสียแต่พวกที่ถูกเทพกระบี่โจวช่วยเอาไว้ และผู้คนมากมายที่ได้ยินเรื่องที่เทพกระบี่โจวได้ทําต่างก็เอาแต่พูดดูถูก
มาคราวนี้ เทพกระบี่แดนเหนือผู้องอาจก็ประกาศท้าดวลกับเทพกระบี่โจว แต่เขาก็ยังไม่โผล่หน้าออกมาเสียที นั่นเลยยิ่งทําให้ผู้คนต่างดูหมิ่นเทพกระบี่โจวมากกว่าเดิม
ในเวลาเดียวกัน พวกเขาก็นับถือและชื่นชมเทพกระบี่แดนเหนือผู้องอาจกันมาก
เขานั้นเป็นคนที่ทรงพลังอย่างแท้จริง และความเก่งกาจของเขานั้นก็มากพอจะทําให้ศัตรูไม่กล้าแม้แต่จะตอบรับคําท้าเสียด้วยซ้ํา!
และอีก 2 คนที่ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางฝูงชน
พวกเขาก็คือ เสี่ยวเฉิงเฟิง และคุณนายจือฉุยที่ยังคงตามหาลูกชายของแม่นางจาวฉวนอยู่นั่นเอง
พวกเขาตามหาโจวฉวนจีมานานหลายปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้แต่อย่างใด
“เมื่อไหร่พวกเราจะได้กลับเนี่ย?”
คุณนายจือฉุยถาม ภายในใจนาง นางรู้สึกว่าองค์ชายฉวนจีนั้นได้ตายไปแล้ว มันคงจะไร้จุดหมายมากถ้าหากยังคงหาเขา
ต่อไป
เสี่ยวเฉิงเพิ่งจ้องมองไปยังจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและพูดขึ้นว่า “แค่เดือนเดียวเท่านั้น ข้าอยากจะเห็นว่าเทพกระบโจวมันคือใครกันแน่ ข้าได้ยินมาว่าเขามีรูปร่างเป็นแค่เด็ก 10 ขวบเท่านั้นด้วย”
“เจ้าคิดว่าเขาอาจจะเป็นองค์ชายฉวนจีงั้นหรอ?” คุณนายจือฉุยถาม
เสี่ยวเฉิงเพิ่งยิ้มพลางส่ายหัว “ จะเป็นไปได้ไงเล่า? เทพกระบโจวน่ะไร้ผู้ใดทัดเทียบในระดับสร้างรากฐานเชียวนะ แม้แต่องค์ชาย 2 ที่ขึ้นระดับสร้างรากฐานได้ตั้งแต่ 9 ขวบ ยังไม่สามารถล้มจอมยุทธ์ระดับสร้างรากฐานได้ทุกคนเลย แล้วจะมีใครที่จะร้ายกาจไปมากกว่าองค์ชาย 2 ได้อีกกันล่ะ?”
เมื่อคุณนายจือฉุยได้ยิน ก็รู้สึกเช่นเดียวกันว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้
นานน
ไมโครบก
พวกเขาก็ออกเดินทางกันมานานหลายปีแล้ว เลยไม่ได้รีบกลับไปอะไรนัก
ผู้คนจํานวนมากต่างเดินผ่านไปมารอบสนามฝึก แต่ก็น้อยนักที่จะยืนรอดู แม้แต่จางหรูหยูก็ยังนาน ๆ ที่มาครั้ง
ทางฝั่งตะวันตกของสนามฝึก มีชายคนหนึ่งกําลังยืนและคอยเฝ้ามองจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจจากบนห้องพักชั้นสามของโรงเตี้ยมแห่งหนึ่ง เขาแต่งกายด้วยชุดสีม่วงและสวมหมวกไม้ไผ่
ภายในห้องนั้น มีชายสูงอายุอีกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะด้วย
ชายแก่ที่ดูท่าทางง่อนแง่นและมีรูปร่างอวบนิด ๆ นั้นเขากําลังเพลิดเพลินกับขาหมูย่างที่อยู่ในมือ
แต่หากสังเกตดูดี ๆ จะเห็นได้ว่า ชายคนนั้นมีหางที่เหมือนกับกระรอก
เขาเป็นปีศาจ!
ปีศาจที่สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้นั้น เทียบได้กับจอมยุทธ์ระดับบัวภายในของเผ่ามนุษย์เลยทีเดียว
“นายน้อย หยุดจ้องเจ้านั่นได้แล้วน่า มันก็แค่คนที่อยู่ระดับบรรลุญาณเอง เจ้านั่นมีค่าพอให้นายน้อยสนใจด้วยหรอ?”
ชายแก่ที่มีหางกระรอกบ่นพึมพําพลางเดี๋ยวขาหมูย่าง
ชายในชุดสีม่วงนั้นไม่ได้ตอบแต่อย่างใด
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็กลับเข้ามา ก่อนจะนั่งลงบนเตียง
เขาจ้องไปทางชายแก่และพูดขึ้นว่า “ตาแก่ชิง เจ้าช่วยหยุด ตะกละตะกลามเหมือนหมูสักที่ไม่ได้รีไง?”
ชายแก่ที่มีชื่อว่า ตาแก่ชิง เกือบจะสําลักขาหมูย่างออกมา
เขารู้สึกผิด และพูดตอบ “นายน้อย ท่านจะดข้าทําไมเนี่ย?”
ชายในชุดสีม่วงถอนหายใจ “จําไว้ด้วย ว่าภารกิจของเราคือการจับเจ้าหญิงฉวนหยา เพราะพ่อของข้า ท่านราชาน่ะกําลังจะประกาศสงครามกับอาณาจักรเหมันต์แดนใต้รวมถึง อาณาจักรรอบ ๆ นี้ในอีกไม่ช้า ยังไงพวกเราก็ต้องการอํานาจ ในการต่อรองกับมหาจักรวรรดิโจวให้ได้”
ตาแก่ชิงเลียน้ํามันที่ติดอยู่บนมือพลางรู้สึกสับสน “เจ้าหญิงฉวนหยายังอายุไม่ถึง 15 เลยนะ แล้วจะเอานางไปใช้ทําอะไรได้?” เขาพูด
ชายในชุดสีม่วงตอบ “งั้นข้าจะบอกให้ เจ้าหญิงฉวนหยาแห่งมหาจักรวรรดิโจวน่ะมีพรสวรรค์พรสวรรค์ประจักษ์หยินหยางที่ในพันปีจะปรากฏแค่ครั้งเดียวเท่านั้นอยู่ไงล่ะ”
ตาแก่ชิงอ้าปากค้าง ก่อนจะสูดอากาศเย็น ๆ เข้าไป
ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ดูเหมือนจะนึกอะไรออก ก่อนจะถามด้วยความแปลกใจว่า “ถ้านางมีพรสวรรค์มากมากซะขนาดนั้น งั้นทําไมนางจะต้องมาที่เมืองกลืนเมฆาด้วยล่ะ?”
ชายในชุดสีม่วงไม่ได้ตอบอะไรกลับ เพราะแม้แต่เขาก็ยังสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน
“เจ้าของร้าน ขอห้องพักให้ข้าสักห้องหน่อย!”
ฉวนจีตะโกนขณะที่เดินไปทางเคาน์เตอร์ ก่อนจะโยนแท่งเงินลงบนโต๊ะ
เจียงฉือน้อยเดินตามเขาไป แต่เธอมองออกไปนอกโรงเตี้ยมแทน
หากมองออกไปนอกประตูไปทางปากซอยถนน ก็จะเห็นสนามฝึกซ้อมได้อย่างชัดเจน ทําให้นางเห็นร่างของจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจแล้ว
เขารู้วิธีเรียกแขกดีซะจริง
เธอเบ้ปากพลางรู้สึกไม่พอใจนิดหน่อย
“โปรดตามข้ามาทางนี้เลย คุณหนู”
บริกรคนหนึ่งวิ่งมาและยิ้มให้อย่างพราวเสน่ห์
พอเขาเห็นถึงการแต่งตัวแล้วเขาก็พอจะรู้ได้เลยว่าพวกเขานั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปแน่นอน
ตามการนําทางของบริกร ทั้งสองก็ขึ้นมายังชั้น 2 และเข้าไปยังห้องพักซึ่งหันหน้าเข้าสนามฝึก
โจวฉวนจีเป็นคนใจกว้างเลยให้ทิปกับบริกรไปด้วยบริกรพยักหน้าก่อนจะโค้งคํานับให้ด้วยความดีใจ
หลังจากที่บริกรพามาถึงห้องแล้ว เขาก็เดินตรงไปยังโต๊ะก่อนจะรินน้ําชา และพูดขึ้นว่า “พอข้าไปตอบรับคําท้าแล้วเจ้าต้องรออยู่ที่นี่นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ห้ามออกมา เด็ดขาด”
เจียงฉือน้อยเมื่อได้ยินก็เริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที “เจ้าจะเป็นอันตรายอะไรรึเปล่า?” เธอถาม
โจวฉวนจียกถ้วยชาให้เธอและพูดพลางยิ้มให้ “เปล่าหรอกข้าแค่ไม่อยากจะเปิดเผยตัวตนของพวกเราน่ะ เลยว่าจะไปที่นั่นด้วยทางอื่นแทน”
เธอรู้สึกโล่งใจพอได้ยินแบบนั้น
เธอไม่ได้รู้สึกกังวลเลยสักนิด จนกระทั่งได้เห็น จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ
เมื่อตอนที่พวกเขาเดินผ่านสนามฝึก ออร่าที่แผ่ขยายออกมาจากตัวเขาแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะงั้นเธอเลยรู้สึกกังวลขึ้นอีกครั้งภายในใจ
“แล้วเจ้าจะไปเมื่อไหร่ล่ะ?” เธอถาม
“ภายใน 1-2 วันนี้ ข้าว่าจะไปจัดการอะไรบางอย่างก่อน”โจวฉวนจีบ่นพึมพํา
“อะไรที่ว่านั่นคือ?” เธอถามด้วยความสงสัย
เขาไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรอยู่แล้ว เขากําลังเตรียมจะแพร่กระจายข่าวว่า เทพกระบี่โจวจะรับคําท้าในอีก 2 วัน
ตั้งแต่ที่จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจกดดันให้เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ เขาก็จะใช้โอกาสนี้เพื่อกระจายชื่อเสียงของเขาเช่นกัน!
เมื่อเธอได้ยินก็ถอนหายใจ “ฉวนจี นี่เจ้าหัดเป็นพวกเจ้าเล่ห์ตั้งแต่อายุแค่นี้ได้ยังไงเนี่ย?”
พวกเจ้าเล่ห์งั้นหรอ? เขากลอกตาใส่
มันก็แค่การวางแผนและการเตรียมตัวต่างหากล่ะ!
หลังจากที่พักได้สักพัก เขาก็ออกจากโรงเตี้ยมมา
และเขาก็เจอเข้ากับขอทานและเด็กบางคนเข้าเขาเลยล่อเจ้าพวกนั้นด้วยเงินเพื่อให้กระจายข่าวให้
ก่อนจะถึงย่างค่ํา ขาวเกี่ยวกับการรับคําท้าของเทพกระบีโจวก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองแล้ว
หลังจากที่โจวฉวนจีกลับไปยังโรงเตี้ยม เขาก็ไม่ได้ฝึกวรยุทธเหมือนตามปกติ แต่เริ่มกินอาหารหรู ๆ กับเจียงฉือน้อย แทน
ต้องยอมรับเลยว่า หม้อไฟเนื้อแกะนั้นอร่อยสุด ๆ เนื้อที่ถูกเดี๋ยวแม้จะมีมัน แต่ก็ไม่เลี่ยนเลยสักนิด พอกัดลงไป รสชาติของความอร่อยก็กระจายไปทั่วปาก เทียบกับสัตว์ที่ถูกล่าแล้วเอามาย่างเนี่ย แบบนี้เป็นอะไรที่ยิ่งกว่าสมบูรณ์แบบซะอีก
หลังจากที่พวกเขาอิ่มอร่อยกับมื้ออาหารเสร็จแล้ว ทั้งสองก็นอนลงบนเตียงก่อนจะเริ่มคุยกัน
พวกเขาเริ่มคุยเกี่ยวกับอนาคต
เมื่อเจียงฉือน้อยโตขึ้น ความคิดของเธอก็โตมากขึ้นด้วย
โจวฉวนจีถอนหายใจด้วยความปลาบปลื้มกับความจริงที่ว่าเด็กสาวคนนี้เริ่มเข้าสู่วัยแรกรุ่นแล้วจริง ๆ
เมื่อตอนที่โจวฉวนจีเกือบจะหลับ จู่ ๆ เธอก็สะกิดเอวเขาก่อนจะพูดพึมพําออกมา “คือ.ฉวนจี ข้าคิดว่าข้าไม่สบายข้าคิดว่าข้าบาดเจ็บข้างในจากการฝึกวิชาปราณ”
เมื่อเขาได้ยินเธอพูดแบบนั้นก็เริ่มรู้สึกกังวลทันที เขาพลิกตัวกลับไปและถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? เจ้าเจ็บตรงไหนหรอ?”
เธอหน้าแดงก่อนจะพูดเบา ๆ ว่า “เมื่อกี้นี้ตอนที่ข้าไปนี่มาข้ามีเลือดออกมาด้วยเยอะเลย…”
โจวฉวนจีรู้สึกตกใจ สีหน้าของเขาดูจะอึดอัดเอามาก ๆ
นี่มันอาการบาดเจ็บภายในประเภทไหนเนี่ย?
เขาเริ่มคิด เธออยู่กับเขามาตลอดตั้งแต่เธอ 6 ขวบ ไม่มีผู้หญิงที่เป็นใหญ่คนไหนเคยสอนเธอเกี่ยวกับร่างกายมาก่อนมันเลยเป็นธรรมดาที่เธอจะไม่รู้เกี่ยวกับร่างกายของตัวเอง
เขารู้สึกว่ามันทั้งปวดใจและทั้งตลก เขาเลยเริ่มสอนความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับร่างกายผู้หญิงให้เธอ
หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! – ตอนที่ 36 : พรสวรรค์ประจักษ์หยินหยาง
Posted by ? Views, Released on October 28, 2021
, I HAVE COUNTLESS LEGENDARY SWORDS!
Type: นิยาย
บทนำ
หลังจากได้กลับชาติมาเกิดในฐานะ โจวฉวนจี องค์ชายแห่งจักวรรดิ เขาก็คิดว่าคงจะใช้ชีวิตอยู่สุขสบายอย่างหรูหราไปได้ชั่วชีวิต แต่เรื่องที่ไม่ได้คาดคิดก็เกิดขึ้น เขาต้องเข้าไปพัวพันกับการเมืองและเป็นปฏิปักษ์ราชินีผู้โหดเหี้ยม ทำให้เขาต้องจำใจหลบหนีออกจากราชวัง
แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้น คือ โปรแกรมโกงที่เขาเคยสร้างขึ้นในชาติก่อนกลายมาเป็นของจริงในชีวิตนี้
เมื่อเขาอายุได้ 2 ปี เขาก็ได้รับดาบมังกรสีชาดซึ่งมีจิตวิญญาณมังกรสีชาดสถิตอยู่
เมื่ออายุได้ 3 ปี เขาก็ได้รับดาบในตำนานเล่มที่ 2!
นั่นก็คือ เขาจะได้รับดาบในตำนานทุก ๆ ปีที่เขาโตขึ้น!
และหลังจากมีชีวิตมาได้ 100 ปี โจวฉวนจีก็ได้ออกผจญภัยไปทั่วโลกอย่างหาญกล้าพร้อมกับดาบในตำนานนับร้อยเล่ม!
และหมื่นปีต่อมา ดาบในตำนานนับหมื่นเล่มของเขาก็ทำให้สรวงสวรรค์ต้องสั่นสะเทือน จนในที่สุดเขาก็ได้ก้าวขึ้นสู่บังลังก์แห่งตำนานในฐานะจักรพรรดิกระบี่!
ติดตามการเดินทางจากเด็กน้อยวัยกระเตาะ ขึ้นสู่ตำนานจักรพรรดิกระบี่ได้แล้ว ใน
“หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์” I Have Countless Legendary Swords!