หมื่นกระทะลวงสวรรค์ | Have Countless Lege…
ตอนที่ 39 : เจ้าชายแห่งราชันย์ปีศาจ
(แก้ไขเปลี่ยนจาก พรสวรรค์ประจักษ์หยินหยาง เป็นพร สวรรค์รวมวิถี นะคะ)
“ดาบนั้นสร้างได้ทุกสิ่ง… มนุษย์นั้นคือดาบ และดาบนั้นคือมนุษย์…”
“เมื่อมนุษย์และดาบรวมเป็นหนึ่ง… ทั้งโลกาก็มิอาจมีผู้ใดเทียม”
จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจดูเหมือนจะตกอยู่ในวังวนแห่งความคิดกับประโยคเดิมซ้ำไปซ้ำมา
ถึงโจวฉวนจีจะมโนคําพูดขึ้นมาเฉย ๆ แต่ดูท่ามันจะหลอกจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจได้
ทั้งหมดเป็นเพราะท่วงท่าดาบก่อนหน้านี้ของโจวฉวนจีนั้น ทรงพลังสุด ๆ ไปเลยน่ะสิ!
มันเลยยิ่งทําให้ความประทับใจของจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจที่มีต่อจอมกระบี่ตัวน้อยเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ในตอนที่โจวฉวนจีกําลังจะเดินจากไป คู่ต่อสู้ของเขาก็ตื่นจากภวังค์ออกมาด้วยความตกใจ
และตะโกนออกมาทันทีว่า “ท่านอาจารย์ที่เคารพ!”
โวววว้
เหล่าผู้ชมทั้งหมดต่างตกอยู่ในความตกใจ จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจถือเทพกระบี่โจวเป็นอาจารย์แล้วนั้นหรอ?
โจวฉวนจีหยุดเดินก่อนจะพูดว่า “ข้ามีศิษย์อยู่แล้ว” ”
จอมกระบี่ผู้องอาจรู้สึกตกใจ แต่ก็ไม่ได้ประหลาดใจนักถ้าเขาจะมีศิษย์อยู่แล้ว
แต่การที่เทพกระบี่ใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างเนี่ย เป็นไปได้มั้ยว่าศิษย์ของเทพกระบี่จะทรงพลังยิ่งกว่าเขาอีกน่ะ?
เขาถามโดยอัตโนมัติ “เขาคือใครสั้นหรือ?”
โจวฉวนจีตอบโดยไม่หันหลังกลับ “อีกคนที่ใช้วิชาสองจิตดาบพร้อมกันได้ คนผู้นั้นแหละคือศิษย์ของข้า”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็กระโดดและบินลับขอบฟ้าไปพร้อมกับดาบราชาโลกันตร์
จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจคุกเข่าลงกับพื้นสนามฝึก พลางรู้สึกเสียศูนย์
อีกคนที่ใช้วิชาสองจิตดาบได้
ผู้คนที่อยู่รอบสนามฝึกต่างเริ่มพูดคุยกันด้วยความตื่นเต้นโดยไม่มีใครสนเลยสักนิดว่าจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจจะบาดเจ็บสาหัสขนาดไหน พวกเขาทั้งหมดต่างพูดกันถึงความทรงพลังของเทพกระบี่โจว
“ดาบนั้นสร้างได้ทุกสิ่ง ช่างเป็นคําพูดที่วิเศษจริง ๆ! เทพกระบี่โจวเนี่ยแหละเป็นปรมาจารย์แห่งวิถีกระบี่จริง ๆ แล้วบางทีในอนาคตเขาอาจจะกลายเป็นเหมือนจักรพรรดิกระบีแห่งมหาจักรวรรดิโจวก็ได้”
“จะเป็นไปได้ไง? จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจเทียบจักรพรรดิกระบี่แห่งมหาจักรวรรดิโจวไม่ได้อยู่แล้วสิ! เขาฆ่าได้ด้วยการโจมตีเดียวด้วยซ้ำ!”
“แต่ไม่ใช่ว่าเทพกระบี่โจวพึ่งล้มจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจด้วยการโจมตีเดียวไปหรอ? ถ้าไม่ใช่เพราะเทพกระบี่โจวเป็นทั้งผู้ที่มีความเมตตาและความเที่ยงธรรมที่จะไม่ฆ่าใครไม่เลือกหน้าแล้วล่ะก็ เทพกระบี่โจวคงจะฆ่าเขาตายคาที่ไปแล้ว!”
“พูดอะไรไร้สาระ งั้นระหว่างเทพกระบี่กับจักรพรรดิกระบี่ เจ้าคิดว่าใครแกร่งกว่ากันล่ะ?”
“ข้าล่ะอยากซะจริง ถ้าเจ้าไม่รู้ถึงความยอดเยี่ยมของจักรพรรดิกระบีแห่งมหาจักรวรรดิโจว ก็หุบปากไปเถอะ”
ขณะที่ผู้คนกําลังพูดความเห็นเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของเทพกระบี่โจว พวกเขาก็เริ่มหยิบยกแม้แต่จักรพรรดิกระบี่แห่งมหาจักรวรรดิโจวขึ้นมาเปรียบเทียบเหมือนกัน
เหล่าจอมยุทธที่แข็งแกร่งกว่านั้นทุกคนต่างก็รู้กันดีว่าเทพกระบี่โจวเทียบไม่ได้กับจักรพรรดิกระบี่แห่งมหาจักรวรรดิโจวอยู่แล้ว แต่พวกเขาก็ไม่อาจสู้กับเสียงข้างมากของเหล่าผู้อ่อนแอได้อยู่ดี
ชายในชุดสีม่วงที่คอยมองตามแผ่นหลังของโจวฉวนจีที่กําลังจากไป ก็พูดขึ้นว่า “ไล่ตามเขาไป แล้วบอกเขาถึงจุดมุ่งหมายของข้าซะ”
“ครับ!”
ตาแก่ชิงพยักหน้ารับ เขาเปลี่ยนร่างกลายเป็นหมอกสีเขียวทันที และหายออกไปจากห้อง
ท่ามกลางฝูงชน จางหรูหยูกระชากคอเสื้อของใครสักคนที่อยู่ข้าง ๆ เขาด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าเห็นมั้ย? ข้าบอกแล้วว่าเทพกระบี่โจวนะแข็งแกร่งกว่า! เจ้าอยากไม่เชื่อข้าไงล่ะ!”
สีหน้าของคน ๆ นั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเพราะหายใจไม่ออก และเกือบจะเป็นลมเพราะขาดอากาศ
อีกด้านหนึ่ง เสี่ยวเฉิงเฟิงหายใจเข้าลึก ๆ และพูดกับคุณนายจือฉุยว่า “ข้ามีธุระต้องรีบไป ตอนเที่ยงในอีก 7 วันค่อยมาเจอกันที่ประตูทางเหนือของเมืองกลืนเมฆานะ แล้วพวกเราจะกลับมหาจักรวรรดิโจวพร้อมกัน”
หลังจากที่เขาพูดจบก็แทรกตัวผ่านฝูงชนและจากไป
คุณนายจือฉุยมองตามแผ่นหลังของเขา และบ่นพึมพําว่า “นี่เจ้าคิดจะชวนเทพกระบี่โจวเข้ามางั้นหรอ? เสี่ยวเฉิงเฟิง นี่เจ้ายังพักดีต่อองค์ราชินีอยู่รึเปล่า? หรือเจ้าวางแผนอะไรอยู่กันแน่?”
ไกลออกไปหลายสิบหลา ชายหนุ่มหน้าตาดีก็เดินออกไปอย่างเงียบ ๆ
แต่เขาไม่ได้สังเกตเลยว่ามีใครบางคนกําลังมองเขาอยู่
ชายในชุดสีม่วงยืนมองเขาอยู่บนหลังคา
เมื่อตาแก่ชิงออกไป เขาก็ขึ้นมาบนหลังคาเพื่อมองหาองค์หญิงฉวนหยา
และไม่นานนัก เขาก็เจอเธอ
ขณะที่เขามองไปยังชายหนุ่มหน้าตาดีคนนั้น สีหน้าของเขาก็เริ่มแสดงถึงความโลภออกมา ก่อนจะบ่นพึมพําว่า “ปราณเฉพาะตัวของพรสวรรค์รวมวิถีนี่มันน่าอร่อยซะจริง”
ณ ที่สนามฝึก
จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจที่ยังคงเสียศูนย์อยู่จนถึงตอนนี้ ก็เริ่มเต็มไปด้วยปณิธาน เขาพูดกับตัวเองว่า “ท่านเทพกระบี่โจว ข้าจะต้องเป็นศิษย์ของท่านให้ได้เลย!”
เขาเริ่มเห็นความหวังในตัวเทพกระบี่โจว
เขาอาจจะได้เรียนรู้บางอย่างจากเทพกระบี่โจวที่พอจะใช้ล้มจอมกระบี่ผู้สูงศักดิ์ได้ก็ได้
ในตรอกเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เทพกระบี่โจวก็หยุดลงทันที
เขาถามด้วยน้ำเสียงที่ต่ำว่า “เจ้าเป็นใคร?”
หมอกสีเขียวที่ลอยเข้ามาในตรอกนั้น กลับคืนร่างเป็นตาแก่ชิง
ตาแกชิงหัวเราะเบา ๆ “เทพกระบี่โจวจริง ๆ ด้วย ท่วงท่าดาบเมื่อสักครู่ของท่านนี้เป็นอะไรที่เยี่ยมจริง ๆ แต่ท่านดูจะพึ่งพาดาบในมือของท่านมากกว่านะ จริงมั้ย?”
โจวฉวนจีหันกลับไปและมองไปทางเขา “เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่?” เขาพูด
เขารู้สึกได้เลยว่าตาแก่ชิงเป็นตัวอันตรายสุด ๆ แถมยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจซะอีก
ตาแก่ชิงลูบเครายาวพลางยิ้ม และพูดว่า “ท่านเคยได้ยินเกี่ยวกับราชาปีศาจแห่งภู่หลานมาก่อนรึเปล่า? นายน้อยของข้านะคือเจ้าชายราชันย์ปีศาจแห่งภู่หลาน และพอดีว่าเขาอยากจะเชิญชวนให้ท่านมาอยู่ใต้อาณัติบัญชานะ”
ราชวงศ์ปีศาจกู่หลานน่ะหรอ!
รูม่านของโจวฉวนจีหดตัวทันที
เขาจะไม่รู้จักราชวงศ์ปีศาจแห่งภู่หลานได้ยังไงกัน? นั่นคือพวกที่มีอํานาจมากซะจนแม้แต่จักรพรรดิแห่งมหาจักรวรรดิโจวยังต้องปวดหัวเลยนะ
แม้แต่องค์ชายแห่งราชวงศ์ปีศาจกู่หลานก็ยังทรงพลังยิ่งกว่าจอมยุทธระดับบัวภายในซะอีก เป็นคนที่ทรงพลังมากเกินกว่าเขาจะรับมือด้วยได้
แต่ในฐานะมนุษย์ จะให้เขาไปเข้าร่วมกับพวกเผ่าปีศาจได้ไงกัน?
โจวฉวนจีหรี่ตาลง “แล้วถ้าข้าปฏิเสธล่ะ?”
อ๊าาากก
ในตอนนั้นเอง เสียงกรีดร้องแหลมและน่าสังเวชดังมาจากที่ไกล ๆ แม้จะอยู่ภายใต้แสงแดดจ้าเช่นนี้ มันก็ยังทําให้เขาเสียวสันหลังวาบ
จู่ ๆ เสียงกรีดร้องแบบเดียวกันก็ดังขึ้นจากทั่วทุกทิศทาง
โจวฉวนจีขมวดคิ้วภายใต้หน้ากาก เป็นไปได้มั้ยว่าพวกเผ่าปีศาจจะมาบุกเมืองกลืนเมฆาล่ะ?
เขาเริ่มรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที เขาไม่ได้เป็นห่วงตัวเอง แต่เขาเป็นห่วงตัวเจียงฮือน้อยตั้งหาก
ตาแกชิงยิ้มและพูดขึ้นว่า “ถ้าเจ้าปฏิเสธพวกข้าล่ะก็ อย่าหวังว่าจะได้ออกจากเมืองกลืนเมฆานี้ทั้งยังมีลมหายใจอยู่เลย ยังไงซะอีกไม่นาน เมืองแห่งนี้ก็จะกลายเป็นเมืองแห่งซากศพอยู่แล้ว เจ้าอยากจะเป็นหนึ่งในนั้นรึเปล่าล่ะ?”
โจวฉวนจีพูด “ก็ได้ ๆ ข้าเข้าก็ได้ แต่ขอข้าพาคนอื่นไปด้วยได้มั้ย?”
ตาแก้ชิงพยักหน้าและพูดว่า “แน่นอน! เจ้าจะพาไปสัก 1 คนก็ได้ 2 คนก็ยังได้ แต่ 3 คนไม่ได้แล้วนะ”
อะไรของเขาล่ะนั่น?
โจวฉวนจีได้แต่ขําอยู่ในใจ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไป
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ตามตาแก่ชิงไป เพื่อไปพบองค์ชายแห่งราชวงศ์ปีศาจกู่หลาน
“นายน้อยของข้ามีนามว่า ฉวงฮุ้ยเฉิง ตั้งแต่นี้ไปเจ้าเองก็ต้องเรียกท่านว่านายน้อยด้วยเหมือนกัน”
ตาแก่ชิงย้ำเตือนเขาขณะที่กําลังนําทางไป
โจวฉวนจีพยักหน้า เขาไม่ได้สนเรื่องนี้อยู่แล้ว
ตอนนี้เขากังวลแค่เรื่องเจียงฮือน้อยอย่างเดียว
เขาสวดภาวนาอยู่ภายในใจ และหวังว่าเจียงฉือน้อยจะยังคงรอเขาอยู่ในโรงเตียมแทนที่จะออกตามหาเขา
ไม่นานนักเขาก็ผ่านมาถึงสนามฝึก แต่ในตอนนี้ มีซากศพอยู่เกลื่อนกลาดไปทั่วสนามฝึก เลือดของพวกเขาถูกละเลงไปทั่วพื้นถนน และจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจก็ยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้นสนามฝึก เพราะเส้นชีพจรสําคัญทั่วร่างของเขานั้นฉีกขาด เลยขยับไปไหนไม่ได้
เขาจ้องมองไปยังโจวฉวนจี เมื่อเขาเห็นว่าจอมกระบี่ตัวน้อยนั้นอยู่กับตาแก่ชิง เขาก็แทบไม่เชื่อสายตา
ชายในชุดสีม่วงที่มีนามว่า ฉวงฮุ้ยเฉิง ยืนอยู่บนหลังคาของโรงเตี้ยมที่เขาเองพักอยู่ โดยอุ้มชายหนุ่มหน้าตาดีเอาไว้ในอ้อมแขน
ชายหนุ่มหน้าตาดีคนนั้นดูเหมือนจะตกอยู่ภายใต้คาถาและไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ แววตาของเด็กหนุ่มคนนั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เจ้าอยู่นั่นเอง ตรงเวลาพอดีเลยนะ แต่ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่ทําร้ายเจ้าแน่นอน”
ฉวงฮุ้ยเฉิงพูดขึ้นอย่างพอใจพลางยิ้มอย่างมีความสุข
เทพกระบี่โจวอาจจะยังไม่แข็งแกร่งมากในตอนนี้ แต่ด้วยพรสวรรค์อันมากล้นเหลือ หากเลี้ยงดูดีๆ เทพกระบี่โจวจะต้องกลายเป็นมือขวาของเขาอย่างแน่นอน
โจวฉวนจําไม่ได้ตอบอะไรก่อนจะมองซ้ายมองขวา ตึกรามบ้านช่องหลายหลังพังลง แต่โรงเตี้ยมที่เขาพักอยู่กับเจียงฉือน้อยนั้นอยู่อีกด้านนึงของสนามฝึก เขาเลยมองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ช่างแม่งแล้ว เขากระโดดขึ้นไปเหนืออาคารและมองหาโรงเตี๊ยม ก่อนที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปในทันที
โรงเตี้ยมที่พวกเขาพักอยู่ก็พังลงเช่นกัน
เขาบินตรงไปยังซากพัง ๆ ทันที และพยายามสัมผัสให้ได้ถึงปราณเฉพาะตัวของเจียงฮือน้อย
“ฉวนจี..”
เขาได้ยินเสียงที่อ่อนแรงและแผ่วเบาดังขึ้นมาจากข้างใต้ซากอาคาร เขาเลยรีบหยิบเอาซากไม้ของอาคารที่พังออกมา
ไม่นานนัก เขาก็เจอกับเจียงฉือน้อยที่ทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยฝุ่นเขรอะ เธอโดนเสาอาคารทับเอาไว้อยู่ อวัยวะแขนขาที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นที่นั้น มันช่างเป็นภาพที่น่าสยดสยองสุด ๆ
ถ้าไม่ใช่เพราะเจียงฉือน้อยอยู่ระดับสร้างรากฐานแล้วล่ะก็เธอคงได้ทับตายไปแล้วแน่ๆ
เขากําหมัดแน่นข้างในแขนเสื้อ ก่อนจะรีบช่วยเธอออกมาทันที
ฉวงฮุ้ยเฉิงเดินไปยังขอบสนามฝึกพร้อมกับหนุ่มหน้าตาดีและตาแก่ชิง พวกเขาอยู่ห่างจากเด็กหนุ่มและเด็กสาวไกลหลายสิบหลา
เขาเลิกคิ้วขึ้นและถามว่า “นางก็แค่เด็กสาวคนนึงเท่านั้นแล้วนางเกี่ยวข้องกับเจ้ายังไงนะ?”
โจวฉวนจีวางเจียงฉือน้อยลงบนเศษซากอาคารโดยไม่ตอบอะไรฉวงฮุ้ยเฉิง ก่อนจะเริ่มตรวจดูบาดแผลของเธอ และเขาก็พบว่าขาขวาของเธอนั้นหักและบวมสุด ๆ
เขาหยิบขวดยาออกมาทันที ก่อนจะวางลงในมือของเธอและพูดว่า “ไม่ต้องกลัวนะท่านพี่ ข้าจะแก้แค้นให้ท่านเอง”
หลังจากที่พูดจบ เขาก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมา พร้อมดาบราชาโลกันตร์ก็ปรากฏขึ้นในมือเขาทันที
เขากําดาบราชาโลกันตร์เอาไว้ในมือแน่นพลางสั่นเบา ๆ
เขาหันกลับไป และจ้องมองตรงไปยังชายในชุดสีม่วง “ฉวงฮุ้ยเฉิง แม่มึง***สิวะ!”
หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! – ตอนที่ 39 : เจ้าชายแห่งราชันย์ปีศาจ
Posted by ? Views, Released on December 30, 2021
, I HAVE COUNTLESS LEGENDARY SWORDS!
Type: นิยาย
บทนำ
หลังจากได้กลับชาติมาเกิดในฐานะ โจวฉวนจี องค์ชายแห่งจักวรรดิ เขาก็คิดว่าคงจะใช้ชีวิตอยู่สุขสบายอย่างหรูหราไปได้ชั่วชีวิต แต่เรื่องที่ไม่ได้คาดคิดก็เกิดขึ้น เขาต้องเข้าไปพัวพันกับการเมืองและเป็นปฏิปักษ์ราชินีผู้โหดเหี้ยม ทำให้เขาต้องจำใจหลบหนีออกจากราชวัง
แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้น คือ โปรแกรมโกงที่เขาเคยสร้างขึ้นในชาติก่อนกลายมาเป็นของจริงในชีวิตนี้
เมื่อเขาอายุได้ 2 ปี เขาก็ได้รับดาบมังกรสีชาดซึ่งมีจิตวิญญาณมังกรสีชาดสถิตอยู่
เมื่ออายุได้ 3 ปี เขาก็ได้รับดาบในตำนานเล่มที่ 2!
นั่นก็คือ เขาจะได้รับดาบในตำนานทุก ๆ ปีที่เขาโตขึ้น!
และหลังจากมีชีวิตมาได้ 100 ปี โจวฉวนจีก็ได้ออกผจญภัยไปทั่วโลกอย่างหาญกล้าพร้อมกับดาบในตำนานนับร้อยเล่ม!
และหมื่นปีต่อมา ดาบในตำนานนับหมื่นเล่มของเขาก็ทำให้สรวงสวรรค์ต้องสั่นสะเทือน จนในที่สุดเขาก็ได้ก้าวขึ้นสู่บังลังก์แห่งตำนานในฐานะจักรพรรดิกระบี่!
ติดตามการเดินทางจากเด็กน้อยวัยกระเตาะ ขึ้นสู่ตำนานจักรพรรดิกระบี่ได้แล้ว ใน
“หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์” I Have Countless Legendary Swords!