Chapter 109: ถูกหลอกโดย NPC
มีเพียงไม่กี่คนที่เหมาะสมกับการเป็นนักเวทย์ในโลกนี้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าไม่มีเลย
ในเมืองที่มีประชากรเป็นล้านคนจะต้องมีเด็กที่มีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์อย่างน้อยหนึ่งร้อยคน
ไม่ว่าพวกเขาเต็มใจที่จะเรียนรู้หรือไม่นั้นไม่ใช่ประเด็น ปัจจัยหลักคือพวกเขาสามารถเรียนรู้ได้หรือไม่
เด็กยากจนที่ต้องการเรียนรู้การอ่านและสามัญชนที่ต้องการเรียนรู้เวทมนตร์?
แม้ว่าคุณจะรวบรวมค่าเล่าเรียนมามากพอ แต่ก็ไม่มีใครเต็มใจที่จะสอนคุณ
การศึกษานั้นอยู่ในมือของขุนนางในขณะที่เวทมนตร์ลึกลับกว่ามาก พวกเขานั้นไม่สามารถหากระทั่งเส้นสายเพื่อเรียนรู้มันได้
แต่ตอนนี้โรแลนด์บอกว่าเขาเต็มใจที่จะสอนเด็กธรรมดาสองคนให้กลายเป็นนักเวทย์ฝึกหัด ไม่น่าแปลกใจเลยที่กลูจะตื่นเต้นถึงขนาดนี้
เมื่อมองไปที่สีหน้าตื่นเต้นของกลู โรแลนด์ก็พยักหน้าและพูดด้วยน้ําเสียงที่อ่อนโยนแต่เต็มไปด้วยความหนักแน่นว่า “ฉันเป็นคนรักษาคําพูด”
กลูยืดตัวขึ้นประกายความตื่นเต้นปรากฏอยู่ในดวงตาสีน้ําตาลแดงของเขา “มั่นใจได้เลยว่า พวกเรากลุ่มเกรย์แซนด์จะทําทุกอย่างเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ท่านต้องการ”
โรแลนด์พยักหน้า “อย่าทําเกินไปละ”
กลูพยักหน้าซ้ําๆ “ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจ”
โรแลนด์มองไปยังกลุที่ดูอ่อนน้อมและหอบหายใจออกมา
ในความเป็นจริงเมื่อกลูเพิ่งมาถึงแม้ว่าเขาจะดูเป็นคนถ่อมตัว แต่โรแลนด์ก็เห็นว่ามันเป็นการแสดงเสียมากกว่า
กลูนั้นเพียงแค่กลัวความแข็งแกร่งและสถานะของเขา แต่ภายในใจของเขายังคงมีความภาคภูมิใจอยู่เล็กน้อย
แต่ตอนนี้ความภาคภูมิใจนี้หายไปเหลือเพียงความรู้สึกยินดีและการประจบอย่างจริงใจ
โรแลนด์นั้นเคยเห็นคนแบบนี้มาก่อน เมื่อตอนเขาอยู่ในชั้นประถม สภาพโดยรวมของประเทศนั้นยังไม่ดีนัก สําหรับเพื่อนร่วมชั้นบางคนของเขาที่จนมากและไม่มีเงินที่จะซื้อหนังสือและเครื่องแบบสําหรับการศึกษา
โรแลนด์นั้นเห็นพ่อของเพื่อนร่วมชั้นคนนี้อ้อนวอนขอร้องพวกอาจารย์เพื่อขอเลื่อนเวลาในการจ่ายเครื่องแบบนักเรียนและหนังสือ
ในตอนนั้น คนเป็นพ่อนั้นรักษารอยยิ้มอ่อนน้อมไว้ตลอด แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเปื้อนไปด้วยสิ่งสกปรกก็ตาม
รอยยิ้มของกลูนั้นเป็นรอยยิ้มแบบเดียวกันกับที่เขาเคยเห็นมาในตอนเด็ก
หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง โรแลนด์ก็ลุกขึ้นยืนและกล่าวว่า “ฉันจะรอข่าวดีจากนายที่หอคอยเวทย์นะ”
เมื่อโรแลนด์พูดจบ เขานั้นก็เดินจากไปและกลูก็พุ่งตรงไปเปิดประตูให้แก่โรแลนด์ ก้มตัวต่ําลงราวกับเป็นผู้รับใช้
โรแลนด์ขมวดคิ้วทว่าก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เขานั้นเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดแบบนี้เล็กน้อย เพื่อการเติบโตและอนาคตของลูกหลานพวกเขามันไม่สําคัญว่าต้องต่ําต้อยถึงขนาดไหนและต้องอดทนกับความยากลําบากถึงเพียงใด
โรแลนด์นั้นออกจากโรงเตี้ยมเกรย์แซนด์ และไม่ต้องรอให้เขาจากไปไกล กลูก็ลุกขึ้นมายืดตัวทันที
ในขณะเดียวกันเสียงในโรงเตี้ยมก็ค่อยๆกลับคืนมา
กลนั้นสูดลมหายใจเข้าลึกและวิ่งไปยังด้านบนของโรงเตี้ยม ไปยังประตูแห่งหนึ่ง
ด้านหลังประตูนั้น มีชายวัยกลางคนที่ใบหน้าเหมือนเคยผ่านความยากลําบากมาก่อน ผิวของเขานั้นเป็นสีแทนจากการตากแดดมาเป็นเวลานาน
ชายคนนั้นกําลังนั่งนับเหรียญเงินและเหรียญทองแดงอยู่เขาดูมีความสุขเป็นอย่างมาก
กลูเปิดประตูเข้ามาหาเขาด้วยความเร่งรีบ
ชายคนนั้นมีท่าทีตกใจและคว้ามีดสั้นที่อยู่ในแขนเสื้อออกมา แต่เขาก็โล่งใจทันทีที่เห็นว่าเป็นกลู
กลุนั้นตื่นเต้นเป็นอย่างมากจนทําให้เขาพูดติดอ่าง “หัวหน้าบุตรทองคําที่ชื่อโรแลนด์กล่าวว่าหากพวกเราช่วยเขาอะไรบางอย่าง เขาจะมอบหนึ่งถึงสองสิทธิ์ในการเป็นนักเวทย์ฝึกหัดให้แก่เด็กๆของพวกเรา!”
ชายวัยกลางคนนั้นตกใจไปชั่วระยะหนึ่ง จากนั้นเขาก็ส่ายหัวออกมาและพูดว่า “กลู เจ้ามั่นใจนะว่าเจ้าไม่ได้ฝันไป? นักเวทย์ที่ยอดเยี่ยมไม่ทางที่จะให้สิทธิ์สามัญชนในการเป็นนักเวทย์ฝึกหัดหรอก พวกเขานั้นยังมองขุนนางต่ําต้อยกว่าด้วยซ้ํา”
“หัวหน้าข้านั้นไม่ได้โกหกจริงๆเชื่อข้าเถอะ” กลูพุ่งเข้าไปหาชายวัยกลางคนจากนั้นก็จับไหล่ของเขาไว้และเขย่าอย่างตื่นเต้น “นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดของพวกเราแล้ว ท่านต้องเชื่อข้า นักเวทย์โรแลนด์คนนั้นได้สัญญากับข้าไว้แล้ว”
เมื่อมองไปที่ดวงตาสีแดงของกลู การแสดงออกของชายวัยกลางคนก็เริ่มเปลี่ยนไป “จริงงั้นเหรอ?”
“ข้าไม่พูดเล่นกับเรื่องสําคัญแบบนี้หรอกนายท่าน”
ชายวัยกลางคนหลับตาลงหายใจเข้าลึกๆ ใบหน้าของเขามีความสุขเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนอย่างที่กลูเป๋น ทว่าคําพูดของเขาก็ดูรีบเร่งเล็กน้อย “เงื่อนไขของเขาล่ะ?”
“ช่วยเขาหาข้อมูล
แทนที่เขาจะกลับไปยังหอคอยเวทย์โรแลนด์นั้นเลือกตรงไปที่ปราสาท
แม้ว่าโรแลนด์จะไม่ได้มาพร้อมรถม้า แต่เสื้อคลุมเวทย์ของเขานั้นก็ถือเป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดแล้ว ทหารที่เฝ้าปราสาทนั้นไม่กล้าเสียมารยาท หลังจากสอบถามว่าเขามาทําไมพวกเขาก็รีบวิ่งเข้าไปในปราสาทเพื่อรายงาน
ไม่นานนัก จอห์นที่ดูมีสีหน้าง่วงนอนก็เดินออกมา
“เป็นแขกที่ยากที่เจอจริงๆ” จอห์นนั้นดูประหลาดใจ “ข้าคิดว่าเป็นอัลโด้เสียอีก ข้าไม่นึกเลยว่าจะเป็นคุณโรแลนด์”
“ฉันมาหาคุณเพื่อถามคําถามบางอย่างน่ะ”
จอห์นยึดร่างกายและชี้ไปยังทางปราสาท “เข้ามาคุยกันด้านในสิ อย่างน้อยก็ให้ข้าต้อนรับแขกผู้มีเกรียติเสียหน่อย”
โรแลนด์ส่ายหน้าออกมา “ไม่มันเป็นแค่คําถามง่ายๆ ฉันจะไปทันทีที่ถามเสร็จ”
“คุณไม่ให้เกียรติข้าสักหน่อยเหรอ” จอห์นเกาหัว “ขุนนางมาที่หน้าประตูข้า และไม่ยอมเข้าไปในบ้านของข้าอีก ขุนนางคนอื่นจะหัวเราะข้าเอาได้หากได้ยินเรื่องนี้ เอาเถอะทําตามใจที่คุณต้องการเถอะ เพราะยังไงบุตรทองคําก็เป็นพวกแปลกๆ ข้าไม่กล้ายั่วยุคุณหรอก”
คําพูดของจอห์นนั้นเป็นเพียงแค่การพูดไปงั้นๆและถ้าหากจอห์นไม่กล้ายั่วยุพวกเขาจริงๆละก็ เขาก็คงไม่พยายามทําให้บาร์ดขัดแย้งกับเขา
โรแลนด์หยิบแผ่นไม้ออกมาอีกครั้งและถามว่า “คุณเป็นขุนนางที่น่าจะรู้เรื่องตราประจําตระกูลได้ดี ช่วยดูให้หน่อยได้ไหมว่าลายแบบนี้เป็นของตระกูลอะไร”
จอห์นหยิบมันไปและมองดูอยู่พักหนึ่งพร้อมขมวดคิ้วและพูดออกมาว่า “นี่มันไม่ใช่ลายประจําตระกูลของขุนนางที่แท้จริง!”
“ห้ะ?” โรแลนด์นั้นแปลกใจทีเดียว
“มันเป็นเหมือนการเลียนแบบลายประจําตระกูล” จอห์นกล่าวออกมา “ตราประจําตระกูลของขุนนางทุกตระกูลนั้นล้วนแล้วแต่มีความหมายและกระบวนการผลิตที่เข้มงวด สิ่งนี้มันก็แค่ผลงานที่สร้างขึ้นเพื่อฝึกฝนฝีมือเท่านั้น”
โรแลนด์สูดลมหายใจเข้าลึกและพูดว่า “ฉันเข้าใจแล้วขอบคุณมาก”
เมื่อพูดจบโรแลนด์ก็หันกลับไป
ใบหน้าของโรแลนด์ค่อนข้างบูดบึงขณะที่เขาเดินไปตามถนน เขาพบว่าเขานั้นกําลังไปผิดทาง
บางทีจอห์นอาจจะแค่มีปัญหากับบุตรทองคํา แต่เขานั้นไม่เหมือนคนที่จะเป็นฆาตกร
ความคิดนี้เกิดขึ้นเมื่อเขาได้ยินจากกลูว่าลายแบบนี้นั้นไม่ใช่ของคนในเมืองเดลพอน
และตอนนี้คําพูดของจอห์นก็ยิ่งยืนยันความคิดนั้น
เขานั้นถูกชักจูงให้สงสัยจอห์น
จริงๆแล้วมันมีกฏที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ในหมู่ขุนนางอยู่ข้อหนึ่งคือ “รับโทษ” ทว่าหากจอห์นนั้นโยนความผิดไปให้ใครสักคน ด้วยฐานะของลูกชายของนายกของเมือง และว่าที่นายกในอนาคต สถานะของชายที่ตกต่ําคนนั้นก็ดูจะต่ําไปเสียหน่อย มันไม่น่าจะเป็นแค่กึ่งขุนนางจากตระกูลพ่อค้าอย่างเอ็ดเวิร์ดแน่
ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือพี่ชายคนโตของตระกูลเอ็ดเวิร์ดนั้นไม่มีค่าพอที่จะรับผิดแทนเขาด้วยซ้ํา
และยังมีแผ่นไม้นี่อีก ดูเหมือนว่ามันถูกทิ้งไว้โดยพี่ชายคนโตของตระกูลเอ็ดเวิร์ด ด้วยฐานะตระกูลพ่อค้า พวกเขานั้นต้องการจะเป็นขุนนางที่แท้จริง ดังนั้นมันจึงเป็นธรรมดาที่พวกเขาจะมีการเตรียมตราเบื้องต้นไว้ล่วงหน้า
มันดูเหมือนว่ามันมีการเชื่อมโยงกันระหว่างจอห์น , เด็กสาวที่หายตัวไป และตราประจําตระกูล แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่
จอห์นนั้นอาจจะเป็นศัตรูกับโรแลนด์และบุตรทองคําคนอื่นๆ แต่เขานั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเด็กสาว
มันมีเหตุผลอยู่
ถ้าหากเป็นนจอห์นจริงๆ แพะรับบาปของเขานั้นคงเป็นบุตรชายแท้ๆของขุนนาง ไม่น่าจะใช่แค่บุตรของตระกูลพ่อค้า
ทันใดนั้นเขาก็จําได้ถึงท่าทางที่รุนแรง ความเศร้า, ความโกรธแค้นและความสิ้นหวังที่พี่ชายคนโตตระกูลเอ็ดเวิร์ดที่กําลังจับเด็กสาวอยู่มองมาที่เขา
ทันใดนั้นโรแลนด์ก็รู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาทันที
ไม่แปลกใจเลยว่าทําไมช่วงนี้นั้นเขาถึงรู้ว่ามันมีบางอย่างผิดปกติ
เชี่ย เขาเกือบจะถูกจัดการด้วยความฉลาดของพวก NPC เสียแล้ว