ตอนที่ 119 : ฉันไม่รู้ว่าควรแสดงท่าทียังไงดี
“ไม่ล่ะ”
โรแลนด์พูดอย่างเฉยชา “แค่เรียนดาบฉันก็เหนื่อยพออยู่แล้ว ฉันจะหาเวลาเรียนเต๋าของการหมุนเวียนพลังชีวิตได้อีกเหรอ?”
ฉีเฉาชูกรอกตา “นายไม่ต้องจ่ายเพิ่มหรอกน่า”
“นั่นยิ่งเป็นเหตุผลว่าทําไมฉันถึงไม่ควรเรียนมัน ไม่มีของดีมาจากของถูกหรอกนะ” โรแลนด์ยิ้ม
“ช่างมันละกัน” ฉีเฉาชุ่ยกนิ้วกลางของเขาขึ้นมาด้วยท่าที่หงุดหงิด
โรแลนด์ถามต่ออย่างสงสัยว่า “นายรุ้งั้นเหรอว่าทําไมจินเหวินเหวินถึงไล่จับฉัน?”
“มันเดาได้ง่ายมาก” ฉีเฉาชูพูดออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย “จู่ๆนายก็มีจิตสังหารขึ้นมา หากว่ามันไม่ใช่เรื่องที่ผิดกฎหมายซะก็บางที่นายอาจจะฆ่าใครสักคนภายในเกมเสมือนจริงก็ได้ตามข่าวลือที่เขาว่ากันมา
โรแลนด์ประหลาดใจเล็กน้อย “นายรู้จักเกมนั้นด้วยงั้นเหรอ?”
“มันแพร่ไปทั่ววงการศิลปะการต่อสู้” ฉีเฉาชูถอนหายใจออกมาพร้อมพูดว่า “มีศิษย์นอกนิกายของภูเขาอู่ตั้ง (1) นั้นกําลังมีความสุขเป็นอย่างมากในตอนนี้ ภายในเกมเขานั้นกําลังฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง , สะสมค่าประสบการณ์เป็นจํานวนมาก และเพิ่มความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เพียงแค่ไม่กี่เดือนความแข็งแกร่งของเขานั้นก็เทียบได้กับการฝึกฝนมาหลายปี ตอนนี้พวกเราทุกคนนั้นต่างต้องการแคปซูลเสมือนจริงเพื่อพัฒนาตัวเองในอนาคต แต่ว่า…”
เป็นอย่างนั้นเองสินะ
ไม่แปลกใจที่จินเหวินเหวินนั้นถึงต้องการมันเป็นอย่างมาก เธอต้องการที่จะฝึกต่อสู้จริงๆงั้นเหรอ?
เป็นธรรมดาที่เขาจะคิดเช่นนี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นเทคนิคดาบหรือศิลปะการต่อสู้ดั้งเดิมต่างๆนั้น ก็ไม่ได้สร้างมาด้วยวัตถุประสงค์เพื่อใช้ฆ่าฟันกัน
ในตอนนี้นั้นมันมีทั้งกฎหมาย มีสังคมที่สงบสุข มันไม่จําเป็นต้องมีนักรบอีกต่อไป หากไม่มีการต่อสู้จริงๆเกิดขึ้นมา ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นเป็นธรรมดาที่จะต้องด้อยกว่าพวกบรรพบุรุษ
“มันไม่เป็นไรหรอกหากนายไม่ต้องการจะเรียนเต๋ของการหมุนเวียนพลังชีวิต” ฉีเฉาชุ่มองเข้าไปในดวงตาของโรแลนด์ “ยังไงในอนาคตนายก็จะได้ฝึกฝนเพลงดาบเป็นจํานวนมากอยู่ดี ฝึกเหมียวเต๋าอย่างเดียวก็ไม่เป็นไรหรอก”
“นายไม่อิจฉารึไง?”
สีหน้าของฉีเฉาชูกลายเป็นปลาตายอีกครั้ง “ทําไมต้องอิจฉาด้วย โอกาสของแต่ละคนนั้นล้วนต่างกัน ตระกูลฉีของพวกเรานั้นไม่ได้สนใจเรื่องพวกนั้น ไม่อย่างนั้นพวกเราคงไม่มาที่ซินเชียงหรอก แค่เรียนเพลงดาบจากพวกเราไปและไม่ทําร้ายผู้อื่น หรือฆ่าฟันรบร้าง ไม่ว่าความสําเร็จของพวกเขานั้นจะมากขนาดไหน พวกเราก็ไม่ได้รับส่วนแบ่งความสําเร็จพวกนั้นเสียหน่อยใช่ไหม?”
โรแลนด์นั้นไม่สามารถเหตุผลมาโต้แย้งมันได้
วันนี้นั้นเขาใช้เวลาทั้งอยู่ภายในสโมสรดาบและออกไปกินข้าวกลางวันข้างนอก เขานั้นใช้เวลาทั้งวันในการฝึกดาบก่อนที่เขาจะกลับบ้านไปในที่สุด
ในตอนกลางดึก โรแลนด์อาบน้ําและเข้าสู่เกม
เนื่องจากการทดลองเวทมนตร์อย่างต่อเนื่อง ทําให้มานาของเขาว่างเปล่าไปในที่สุด เขานั้นทําได้เพียงค่นั่งในห้องวิจัยเพื่อให้ผนึกพลังแห่งโรแลนด์ฟื้นฟูมานาของเขาจนเต็ม
ในเมื่อไม่มีอะไรทําเขานั้นจึงเลือกที่จะเข้าไปในฟอรั่ม
เขานั้นเปิดฟอรั่มขึ้นมา และพบเข้ากับกระทู้ปักหมุด
เริ่มจากพี่น้องโม่เจีย (2)
มันเป็นแนวความคิดที่ว่าในเมื่อมีใครสักคนต้องการสร้างปัญหาภายในเกม พวกเขานั้นจะไปหยุดกลุ่มที่สร้างปัญหานั่น นี่มันเป็นแค่เกมที่มีต้นแบบมาจากโลกเท่านั้น หากพวกเขานั้นต้องการรับประสบการณ์เกี่ยวกับระบบสังคมปัจจุบันขนาดนั้น ก็แค่อยู่ในโลกจริงไปเท่านั้นเอง ทําไมถึงต้องสร้างโลกอีกใบขึ้นมาภายในเกมด้วย ไม่ใช่ว่ามันไร้ความหมายหรอกเหรอ?
ส่วนโพสต์อีกอันหนึ่งชื่อว่า “พวกผู้เล่นนักสํารวจ รวมตัวกันเร็ว”
นี่เป็นผู้เล่นรายหนึ่งที่คล้ายกับเบทต้าที่พบเข้ากับอาชีพลับ นักสํารวจโลก โดยมันเป็นอาชีพที่ผสมระหว่างการใช้ชีวิตและการต่อสู้ พรสวรรค์ของพวกเขานั้นคือการที่สามารถเรียนภาษาได้อย่างรวดเร็ว , กระเพาะเหล็ก และต้านทานความหิวโหย และยังมีพรสวรรค์อื่นๆอีกมาก ทว่าเกือบทั้งหมดนั้นเป็นเพียงแค่การสนับสนุนเท่านั้น มีเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นที่สามารถใช้ปกป้องพวกเขาในการต่อสู้ได้
ด้วยเหตุนี้แม้ว่าพวกเขานั้นจะมีความสามารถมากพอในการปกป้องตัวเองได้ แต่ก็ยังขาดคุณสมบัติในการป้องกันไป
มันเป็นอาชีพที่ถูกสร้างมาเพื่อนักสํารวจ
การที่สามารถเรียนภาษาได้อย่างรวดเร็วนั้นถือเป็นพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม ทว่าหลังจากโรแลนด์ได้รับการสื่อสารไร้พรมแดนมา พรสวรรค์นั้นก็ถูกลดขั้นไปเป็นเพียงขยะ ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีใครนอกจากโรแลนด์สามารถร่ายการสื่อสารไร้พรมแดนได้ก็ตาม
ในตอนแรกนั้นผู้โพสต์บ่นว่าโรแลนด์นั้นทําให้พรสวรรค์ของเขานั้นกลายเป็นขยะ จากนั้นเขาก็เล่าว่าเขานั้นค้นพบสุสานที่น่าสนใจถึงสี่แห่งและเขาก็พบเข้ากับเบาะแสที่พิเศษเป็นอย่างมาก ในฐานะเด็กคณะโบราณคดีแม้ว่าจะยังเรียนไม่จบ เขานั้นก็ได้รับประสบการณ์ในการเป็นนักสํารวจจํานวนมากผ่านเกมนี้ ความสามารถของเขาในตอนนี้นั้นใกล้จะเหนือกว่าอาจารย์ของเขาแล้วด้วยซ้ํา
จากนั้นกลุ่มผู้เล่นต่างตอบกลับไปว่า “นี่ไม่ใช่นักสํารวจโลกแล้ว นี่มันโจรปล้นสุสานชัดๆ”
ในท้ายที่สุดผู้โพสต์ก ดูโรแลนด์และโพสต์รูปภาพ มันถูกเขียนโดยภาษาโบราณของเอลฟ์ เขานั้นไม่สามารถเข้าใจมันได้ เขานั้นหวังว่าโรแลนด์จะช่วยแปลมันให้ที
เมื่อเห็นรูปภาพ โรแลนด์รีบรายการสื่อสารไร้พรมแดนขึ้นมาทันทีเพื่อแปลภาษาเอลฟ์โบราณ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับหญิงสาวเอลฟ์ที่มีชีวิตที่แสนสุขจากข้อความนี้ หญิงสาวคนนี้นั้นน่าจะเป็นเจ้าของของสุสานแห่งนี้
เป็นไปได้ไหมว่าฮอลเลวิลนั้นเคยเป็นดินแดนของเอลฟ์มาก่อน
หลังจากเขาส่งคําแปล หลังจากนั้นไม่นานนักผู้โพสต์ก็ตอบกลับมา
“จริงๆแล้วฉันคิดว่าครั้งหนึ่งเอลฟ์โบราณนั้นเคยปกครองทั่วทั้งโลกมาก่อน”
จากนั้นผู้เล่นทั้งหลายก็ตอบกลับมา
“เชี่ยนี่เหมือนการค้นพบครั้งใหญ่เลย”
“ทีมพัฒนาจัดเต็มมาก ไม่เพียงแค่ภาษากว่าร้อยภาษาเท่านั้น แต่ยังมีประวัติศาสตร์ที่ถูกซ่อนไว้อีกงั้นเหรอ?”
“สี่ยี่สี่ นายยังคิดว่ามันเป็นแค่เกมอีกงั้นเหรอ?”
“ก็ถ้ามันไม่ใช่เกมแล้วมันจะเป็นอะไรละ อีกโลกหนึ่งงั้นเหรอ?”
“ฉันไม่รู้ ฉันก็ไม่กล้าถาม!”
โรแลนด์ขมวดคิ้วเมื่อเห็นกลุ่มชาวเน็ตหน้าโง่เริ่มทําตัวโง่ๆกันผ่านฟอรั่มอีกแล้ว หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงหัวเราะออกมาหนักมาก แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกแปลกไป
มันมีบางอย่างที่สําคัญมากที่สัญชาติญาณของเขาสัมผัสมันได้อย่างคลุมเครือ ทว่าจิตสํานึกของเขานั้นกลับไม่ตอบสนองต่อมัน
มันคืออะไรกันแน่?
ทว่ายิ่งเขาคิดถึงมันมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งไม่สามารถรู้สึกถึงมันได้มากเท่านั้น เขานั้นเกาหัวของตัวเองด้วยความสับสน
ทันใดนั้นเองเจ้าของกระทู้ก็ส่งคําตอบกลับเพิ่มเข้ามาอีกอันหนึ่ง
“มันดีต้องดีมากๆแน่ที่ได้รู้ภาษาแบบนั้น หากแค่ฉันสามารถเรียนมันได้นะ โอ้ใช่แล้ว มันมีหนังสืออยู่อีกสองสามเล่มขอรบกวนนายช่วยแปลมันให้หน่อยได้ไหม”
โรแลนด์นั้นกําลังที่จะแปลมัน ทันใดนั้นเขาความคิดหนึ่งก็เข้ามาในหัวของเขาและเกิดเสียงดังขึ้น เป็นสาเหตุให้โรแลนด์ต้องกระโดดออกมาด้วยความเจ็บปวด
“เชี่ย แปลภาษาข้ามโลก!”
เขานั้นเข้าไปภายในฟอรั่มของเกม มีรูปภาพถูกโพสต์ไว้ในฟอรั่ม ซึ่งแน่นอนมันอยู่ในโลกจริง”
หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เขาในตอนนี้นั้นอยู่ภายในเกม ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้นทว่าเขากลับสามารถเข้าใจข้อความที่อยู่ภายในโลกจริง
หากแนวคิดนี้ถูกเผยแพร่ไปละก็ เขานั้นจะสามารถเข้าใจทุกภาษาในโลกจริงใช่ไหม?
เปลือกตาของโรแลนด์เบิกกว้างขึ้น เขานั้นรีบเปิดยูทูป และตามคาดเขานั้นเข้าใจภาษาพวกนั้น จากนั้นเขาก็ตบเข้าไปที่หน้าผากของตัวเอง เชี่ย ฉันรู้วิธีอ่านภาษาอังกฤษด้วยวิธีนี้เนี่ยนะ?
เขารีบเปลี่ยนเว็บไซค์ไปในทันที
ภาษาเกาหลีเขาสามารถเข้าใจมันได้
ภาษาญี่ปุ่น…เขาสามารถเข้าใจมันได้
ภาษาแคนาดา…เขาสามารถเข้าใจมันได้
ภาษาเยอรมัน…เขาก็สามารถเข้าใจมันได้
เขานั้นไม่ได้ทดสอบมันต่อ ผลลัพธ์มันชัดเจนแล้ว การสื่อสารไร้พรมแดนนั้นสามารถใช้ได้จริง
ใบหน้าของโรแลนด์ไร้ซึ่งสีหน้าใดๆเนื่องจากความจริงมันส่งผลกระทบหนักมากเกินไป เขาไม่รู้ว่าควรแสดงสีหน้าแบบไหนดี
ศิลปะการต่อสู้ของจีนอย่างหนึ่ง
โม่เจีย # แนวความคิดโบราณแบบสุดโต่ง โดยเชื่อว่าโลกนี้มีเพียงหนึ่งเดียว เป็นแนวคิดโบราณของจีนที่เคยสอนมาตั้งแต่สมัย ปี 470 – 391 ก่อนคริสตกาล