ตอนที่ 125 : แก่กว่าฉลาดกว่า
การกลับมาของนายกจอห์นกระจายไปทั่วทั้งเมือง
ขุนนางหลายคนต่างรู้สึกโล่งอก ในวันที่อัศวินของเมืองเดลพอนหายไป มีหลายสิ่งเกิดขึ้นซึ่งทําให้พวกเขารู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะพวกบุตรทองคําซึ่ง “รักและปกป้อง” พวกสามัญชนนั่นทําให้เหล่าขุนนางรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
นี่เป็นเหตุผลว่าทําไมพวกเขาต้องร่วมมือกันเพื่อป้องกันซึ่งกันและกัน
จอห์นคนลูกอาจจะได้เป็นนายกในอนาคต ทว่าความนิยมและเสน่ห์ของเขานั้นยังเทียบไม่ได้กับจอห์นคนพ่อ
จากหอคอยเวทย์สูง โรแลนด์นั้นยืนจ้องมองขบวนทหารเดินกลับไปยังปราสาทและกลุ่มขุนนางทั้งหลายต่างยืนต้อนรับจอห์นคนพ่ออยู่ตามถนนซึ่งห่างออกไป
เขานั้นกลับไปยังโต๊ะของเขาและนั่งลง วิเวียนนั้นยังคงไม่ได้ออกไป
โรแลนด์ถามออกมาว่า “จอห์นคนพ่อนั้นเป็นคนยังไง หมายถึงนายกของเมืองนี้น่ะ?”
วิเวียนนั้นยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้สนทนากับโรแลนด์ เธอนั่งลงพร้อมเล่าทุกสิ่งที่เธอรู้เกี่ยวกับจอห์นคนพ่อ
จอห์นคนพ่อนั้นเป็นชายอายุ 47 ปี เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้หอก เนื่องจากว่าเขานั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญแม้อายุจะแตะเลขสี่แล้ว ทว่ารูปลักษณ์ของเขานั้นเหมือนคนที่มีอายุ 30 ต้นๆเพียงเท่านั้น
นิสัยของเขาคือคนที่ไม่ยอมใคร ไม่บ่อยนักที่เขาจะยอมแพ้ในปัญหาบางเรื่อง
และเนื่องด้วยตําแหน่งของเขา ทําให้เขาเชื่อในกองกําลังทหารม้าของตัวเองเหนือสิ่งอื่นใด
ในความคิดของเขานั้นทหารม้าถือว่าเป็นกองกําลังทหารที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นเขาจึงได้ทําการฝึกทหารม้าเป็นอย่างหนัก ทว่าเขานั้นต่างจากผู้ครอบครองกองกําลังอื่นๆที่ชื่นชอบในทหารม้าในชุดเกราะหนัก เขานั้นชอบทหารม้าที่คล่องตัวได้มากกว่า นอกจากอาวุธจําพวกหอกแล้ว ทหารม้าบางคนของเขายังมีการใช้อาวุธอื่นๆจําพวกดาบมือเดียวหรือหน้าไม้อีกด้วยและมีลูกศร ถือเป็นอาวุธสํารอง
สําหรับทหารราบและพลธนูนั้น เขาคิดว่าทหารพวกนั้นมีประโยชน์มากกว่าในการปกป้องเมืองจากการถูกล้อมและป้องกันผู้บุกรุกหรือภัยร้ายที่มาจากข้างนอก
สําหรับการใช้ทหารม้าในการล้อมศัตรูนั้น โดยใช้ประโยชน์จากทหารม้าที่สามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว เมื่อศัตรูเริ่มได้เปรียบก็ให้พวกเขารีบถอยทํา และเมื่อศัตรูถอนทัพพวกเขาจะทําการไล่ล่า พวกเขามีกลยุทธ์ในการตีเมืองคือการตัดน้ําและอาหารของอีกฝ่าย ภายในเวลาสามเดือนศัตรูนั้นจะจบสิ้นเองโดยพวกเขาไม่ต้องเข้าโจมตีเสียด้วยซ้ํา
นี่เป็นวิธีที่จอห์นคนพ่อใช้ในการทําสงคราม
และเนื่องจากจอห์นนั้นเป็นคนที่มีความสามารถในการทําสงครามเหนือกว่าขุนนางคนอื่นๆ เขานั้นไม่เคยพ่ายแพ้ในการรบมาก่อน ทําให้เขามีชื่อเสียงโด่งดังมากภายในฮอลเลวิล
และเขานั้นก็จะไม่มีวันพ่ายแพ้ในเดลพอนเช่นกัน
หืม…ดูเหมือนจะเป็นตัวปัญหาสินะ
โรแลนด์คิดว่าพวกเขาผู้เล่นทั้งสี่ที่อยู่ภายในเมืองแห่งนี้อาจจะพบเจอปัญหาได้เมื่อจอห์นคนพ่อนั้นกลับมาแล้ว
และแน่นอนการคาดเดาของโรแลนด์นั้นถูกต้อง
ในตอนดึกหลังจากงานเลี้ยงฉลองชัยชนะจบลง
ทว่าปราสาทนั้นยังคงสว่างไสวอยู่
จอห์นคนพ่อนั้นสามารถเอาชนะกองกําลังจากประเทศอื่นได้อีกครั้ง เขานั้นนําสินสงครามกลับมากับตัวด้วย นั่นหมายความเมืองเดลพอนนั้นร่ํารวยมากขึ้น
ภายในห้องนอนบริเวณชั้นสอง จอห์นคนพ่อนั่งอยู่บนเก้าอี้สวมใส่ชุดนอนหลวมๆ จอห์นคนลูกนั้นถอดแบบมาจากเขากว่า 80% สิ่งเดียวที่ต่างอย่างชัดเจนเลยคือจอห์นคนพ่อนั้นสุขุมกว่ามาก
จอห์นคนลูกนั่งอยู่ตรงข้ามกับเขาและมีท่าทีที่ดูอึดอัดเล็กน้อย
“ข้าไม่ยินเกี่ยวกับเรื่องคนพิเศษพวกนั้นมาแล้ว” จอห์นคนพ่อจิบไวน์และพูดพร้อมด้วย รอยยิ้ม “เจ้าทําได้ดีมาก ที่สามารถเก็บอารมณ์และไม่ทําอะไรบุ่มบ่ามกับพวกผู้เชี่ยวชาญทั้งสี่ที่เป็นอมตะนั่น”
จอห์นคนลูกที่กังวลว่าจะโดนตําหนิเนื่องจากแข็งแกร่งไม่พอ เมื่อได้รับคําชมก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“แล้วลูกรู้เกี่ยวกับนิสัยของบุตรทองคําทั้งสี่นั่นมากขนาดไหนกัน?”
“เบทต้านั้นออกจากเมืองเดลพอนไปแล้ว ข้าจะไม่พูดถึงเขาในตอนนี้ สําหรับโรแลนด์ผู้ใช้เวทย์ เป็นนักเวทย์แบบดั้งเดิม เขาใช้เวลาตลอดทั้งวันในการศึกษาเวทมนตร์ และยากที่จะปรากฏตัวออกมา และนิสัยของเขานั้นค่อนข้างใจดี” หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง จอห์นคนลูกก็จิบไวน์เข้าไปเพื่อเพิ่มความชื้นในปากของเขาจากนั้นก็เริ่มพูดต่อว่า “สําหรับฮอร์กและ ลิงค์นั้นนิสัยของพวกเขานั้นค่อนข้างเลวร้ายและมุทะลุและข้านั้นคิดว่าพวกเขานั้นน่าจะเป็นพวกชนชั้นต่ําในหมู่บุตรทองคํา ครั้งล่าสุดที่ข้าเชิญพวกเขามา พวกเขานั้นเชื่อฟังโรแลนด์อย่างเห็นได้ชัด”
จอห์นคนพ่อพยักหน้าออกมา
จอห์นคนลูกพูดต่อว่า “สาหรับเจ็ทนักบวชนั้นคล้ายๆกลับโรแลนด์ เขานั้นมักจะใช้เวลาทั้งวันอยู่ภายในโบสถ์แห่งชีวิตโดยมักจะคอยสวดภาวนาและมักจะให้ทานเหมือนกับนักบวชคนอื่นๆ เขานั้นเป็นชายที่พวกเราสามารถคาดเดาการเคลื่อนไหวของเขาได้ ทว่าทั้งสี่นั้นแน่นแฟ้นกันมาก จนยากที่จะกําจัดออกทีละคน”
จอห์นคนพ่อหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา เงยหน้าขึ้นมามองไปยังเพดาน พิจารณาอยู่กับตัวเองครู่หนึ่ง และจากนั้นก็ถามออกมาว่า “ลูกเคยเห็นบุตรทองคําที่เป็น “สตรี” บ้างไหม?”
“ข้ายังไม่เคยพบมาก่อน”
จอห์นคนพ่อพูดออกมาอย่างช้าๆ “ข้านั้นสงสัยว่า หากพวกเรานั้นมีอะไรกับบุตรีทองคํา แล้วบุตรหลานของพวกเรานั้นจะเป็นอมตะหรือไม่?”
จอห์นคนลูกเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นก็มองอย่างนับถือ พ่อของเขาคิดถึงปัญหาในมุมที่ต่างออกไปและเป็นเอกลักษณ์ซึ่งต่างจากคนที่ยังเป็นเพียงชายหนุ่มเช่นเขา
เหล่าขุนนางต่างให้ความสําคัญเป็นอย่างยิ่งกับการปรับปรุงและพัฒนาสายเลือดของพวกเขา นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทําไมพวกเขาถึงสนใจในตัวของเหล่าเอลฟ์ จิ้งจอกสาว และซัคคิวบัส
“ถ้าหากมีบุตรทองคํานั่นก็หมายความว่ามันต้องมีบุตรีทองคําเช่นกัน วันพรุ่งนี้เจ้าจงนําหน่วยทหารม้าเล็กๆไปสังเกตุการเมืองอื่นๆ และพยายามจับตัวบุตรีทองคํามาสักคนสองคน นี่ถือเป็นเรื่องที่สําคัญมาก”
จอห์นคนลูกนั้นมีท่าทีที่ลําบากใจเล็กน้อย “พวกนั้นไม่มีทางตาย มันยากที่ข้าจะจับตัวพวกนางได้”
“ถ้าอย่างนั้นก็จงโกหกและล่อลวงพวกมันมาด้วยเหรียญทองซะสิ ผู้หญิงนั้นต่างจากผู้ชาย พวกเธอนั้นทั้งอ่อนไหวและชอบของที่เป็นประกาย ตราบใดที่เจ้าพยายามอย่างน้อยเจ้าก็น่าจะล่อลวงมาได้สักคนสองคนเองนั่นแหละ”
จอห์นคนลูกยืนขึ้นพร้อมแสดงท่าทางขอบคุณสําหรับคําแนะนํา
จากนั้นเมื่อลูกชายของเขากลับไปยังห้องนอนแล้ว จอห์นคนพ่อก็ลุกขึ้น เขาเปิดลิ้นชักใต้โต๊ะขึ้นมาจากนั้นก็หยิบกระดาษที่เขาพึ่งได้รับออกมา
มันมีประโยคหนึ่งถูกเขียนอยู่บนนั้น หลังจากการทดสอบแล้ว ข่าวเกี่ยวกับการกิน เนื้อของพวกบุตรทองคําแล้วจะช่วยยืดอายุนั้นเป็นเพียงแค่ข่าวลือ
จอห์นคนพ่อถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา “แน่อยู่แล้ว ชีวิตอมตะคงไม่ง่ายนัก”
หลังจากจอห์นคนพ่อนั้นเดินทางไปยังประเทศต่างๆเขาก็ได้ยินข่าวลือมากมายเกี่ยวกับบุตรทองคําในกองทัพของเขา
เขาถึงขั้นส่งคนไปตรวจสอบด้วยซ้ํา
เขาพิจารณาอยู่เสมอว่าการมาถึงของบุตรทองคําเหล่านี้จะส่งผลอะไรกับโลกใบนี้
ทว่าเมื่อตัดสินจากสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ดูเหมือนผลกระทบจะยังมีไม่มากนัก
นั่นเป็นเพราะพวกบุตรทองคํายังไม่มีความเข้าใจต่อโลกนี้โดยสมบูรณ์ หลังจากพวกเขาอยู่นานกว่านี้อีกสักหน่อยพวกเขานั้นจะเริ่มเข้าใจโลกใบนี้มากยิ่งขึ้น และหลังจากพวกเขาเริ่มแข็งแกร่ง พวกเขาก็จะกลายเป็นกองกําลังที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากถึงขนาดที่สามารถทําลายประเทศได้เสียด้วยซ้ํา
ดังนั้นก่อนที่มันจะเกิดขึ้น เขานั้นต้องแยกพวกนั้นออกจากกันเสียก่อน
การแยกความต่างทางเพศนั้นถือเป็นแผนการขั้นแรก
จากแหล่งข้อมูลที่เขาได้รับมา ดูเหมือนว่าบุตรีทองคําส่วนใหญ่นั้นมักจะสนใจในชีวิตของเหล่าขุนนางบางคนถึงขั้นอยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลขุนนางด้วยซ้ํา
สําหรับบุตรทองคํานั้นโดยทั่วไปพวกเขานั้นสนใจใน เอลฟ์เพศหญิง, ออร์คเพศหญิงที่งดงาม, ซัคคิวบัส และเผ่าพันธุ์อื่นๆ
สิ่งเหล่านี้เป็นข้อมูลที่สามารถนํามาใช้ให้เป็นประโยชน์ได้
จอห์นคนพ่อคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็นํากระดาษเปล่าขึ้นมาและเขียนสิ่งที่เขาคิดลงไป จากนั้นก็สั่นกระดิ่งเพื่อให้พ่อบ้านเข้ามา “นําจดหมายนี้ไปยังเมืองหลวง ส่งมันให้กับท่านราชา นี่ถือเป็นความสําคัญสูงสุด”
พ่อบ้านนั้นรับกระดาษนั่นก่อนจะออกจากห้องไป เขานั้นไปยังห้องทํางานของเขาในชั้นแรก จากนั้นก็ม้วนมันอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ไซลินเดอร์มาสวมมันได้ และจากนั้นก็ติดตรามันอย่างแผ่วเบาด้วยหมึกสีดํา
ในท้ายที่สุดจดหมายนี่ก็ถูกส่งถึงมือของคนส่งจดหมายประจําตระกูล