โรแลนด์อยู่บนถนนขณะจ้องมองไปยังไม้เท้าเวทย์ในมือเขา
ไอเทมเวทย์นั้นมีราคาแพงมาก ทว่าฟอลเคิลก็ยังมอบไม้เท้าให้เขา บางทีอาจจะเป็นเพราะค่าความสัมพันธ์ของเขากับ NPC ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด หรืออาจจะเป็นเงื่อนไขของเควส หรืออาจจะเพียงแค่ว่าฟอลเคิลมอบให้เขาในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง
เป็นธรรมดาที่โรแลนด์จะรู้สึกสับสน เพราะตอนนี้เขาอยู่ในเกม
ตามสามัญสำนึกแล้ว เมื่ออยู่ในเกม ไอเทมก็ควรจะเกี่ยวข้องกับเควส
แต่ถึงอย่างนั้น โรแลนด์ก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันเรียบง่ายแบบนั้น ไม่ว่าจะฟอลเคิลหรือผู้คนภายในหมู่บ้านต่างทำให้เขาประทับใจในฐานะสิ่งมีชีวิตที่มีจิตวิญญาณ มีอารมณ์เป็นของตัวเองแทนที่จะเป็นแค่ NPC ถึงแม้พวกเขาจะเป็นเพียงปัญญาประดิษฐ์ตามที่เกมอวดอ้าง โรแลนด์ก็ไม่ได้รู้สึกว่าพวกเขาต่างจากคนจริงๆเลย
นี่เขาอยู่ในเกมเสมือนจริงหรือเปล่า?
หรือมันคือโลกจริงๆที่มีมนุษย์อาศัยอยู่กันแน่?
คนเหล่านี้ล้วนมีภาษา , วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ เป็นของตัวเองด้วยซ้ำ
ทีมผู้ผลิตเกมจะสามารถสร้างสิ่งต่างๆมากมายได้ถึงขนาดนี้เลยหรอ?
โรแลนด์คิดว่าไม่น่าใช่ พวกเขาสามารถทำได้ถึงขนาดนี้บางทีอาจจะเพราะจ้าง Think tank เพื่อสร้างเรื่องราวประวัติศาสตร์และวางอนาคตของโลกใบนี้เอาไว้ (Think Tank คือสถาบันที่ทำการค้นคว้า ศึกษา วิจัย วิเคราะห์นโยบายสาธารณะ)
นี่เป็นเรื่องที่ไร้เหตุผลมาก
ทันใดนั้นหน้าต่างระบบก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า เพื่อยืนยันว่าเขายังอยู่ภายในเกม
ชื่อ: คทาเศษเสี้ยวไพลิน (ยอดเยี่ยม)
คุณสมบัติ: ความรุนแรงในการร่ายเวทย์ +2, การฟื้นฟูพลังเวทย์ +1
คำอธิบาย: ไม้เท้าที่ค่อนข้างธรรมดา ทว่าหากคุณรักษามันดีๆมันก็จะสามารถอยู่กับคุณได้ตลอดทั้งชีวิต
จากนั้นเขาก็มองไปที่ร่างกายของตัวเอง หน้าต่างโปร่งแสงอีกบานก็โผล่ขึ้นมา
ชื่อ: เสื้อคลุมเวทย์สีขาว (ยอดเยี่ยม)
คุณสมบัติ: การฟื้นฟูพลังเวทย์ +2
คำอธิบาย: เสื้อคุมที่ไม่น่าดึงดูด มันคล้ายจะเป็นอุปกรณ์ชิ้นแรกสำหรับมือใหม่
โรแลนด์ถอนหายใจออกมา เขาไม่รู้ว่าในมุมมองของผู้เล่นคนอื่นต่อ NPC ภายในเกม ทว่าสำหรับเขานั้น เขาไม่สามารถลงมือกับ NPC ที่เหมือนมนุษย์ขนาดนี้เพื่อเพิ่มประสบการณ์เหมือนในเกมอื่นๆได้
แต่ว่า เขาก็ไม่มีปัญหาสำหรับการฆ่าสัตว์ป่าหน้าตาประหลาด
ตอนนี้ป่าเมเปิ้ลก็อยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
โรแลนด์มองไปที่คทาและดาบยาวของเขา พลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนเดินเข้าไปภายในป่าอย่างช้าๆ
ยิ่งเขาเดินเข้าไปลึกมากยิ่งขึ้นเท่าไหร่ บรรยากาศภายในป่าก็จะมืดลงเรื่อยๆ
บางครั้งความเงียบก็ถูกทำลายลงด้วยเสียงร้องของนกจากสักที่ภายในป่า
โรแลนด์เดินย่ำไปบนทางที่ถมแน่นไปด้วยใบไม้เน่าเหม็น ซึ่งจะมีเสียงดังออกตอลดเวลาที่เขาเดิน
เขาเริ่มรู้สึกถึงกลิ่นเหม็นเน่าแปลกๆ
ถึงจะรู้ว่าตัวเองสามารถคืนชีพได้ถ้าหากตาย แต่โรแลนด์ก็ยังแอบรู้สึกกลัวสภาพแวดล้อมเช่นนี้อย่างช่วยไม่ได้
เขาเดินไปข้างหน้าด้วยความระมัดระวังและความตื่นตัว แม้แต่เสียงที่เบาที่สุดก็ยังทำให้เขาหัวใจกระตุก เขามองไปยังแหล่งที่มาของเสียง โดยส่วนใหญ่มันมักจะเกิดจากสิ่งมีชีวิตที่เขาไม่คุ้นชิน
ความกลัวและความคาดหวังแบบพิเศษนี้ทำให้เขาหวนนึกถึงตอนที่เขาเล่น Resident Evil 2 ตอนแปดขวบ
มันทั้งขวัญผวาและสนุกในคราเดียวกัน
นาทีต่อมา โรแลนด์สังเกตุเห็นใยแมงมุมสีขาวที่แตกหักอยู่ด้านล่างของต้นไม้รอบตัวเขา นอกจากนี้เขายังได้ยินเสียงอะไรบางอย่างกำลังเหยียบใบไม้และกิ่งไม้อยู่ด้านหน้าเขา
มันต้องเป็นเจ้าแมงมุมยักษ์อย่างแน่นอน
โรแลนด์นั่งยองๆก่อนพยายามหายใจให้เบาที่สุด
แมงมุมยักษ์สีแดงเข้มก็ปรากฏกายในความมืดอย่างช้าๆ
ดูเหมือนเจ้าแมงมุมจะยังไม่สังเกตเห็นเขาทว่าหัวใจของเขากลับเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆเมื่อแมงมุมเข้ามาใกล้ เขาจำข้อความข้อความหนึ่งที่มีชื่อเสียงที่เขาเคยอ่านบนโลกอินเตอร์เน็ตได้ว่า
ความลังเลหมายถึงความล้มเหลว เฉกเช่นสิงโตที่จะทุ่มสุดตัวแม้จะจับกระต่ายเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น!
เขารวบรวมพลังเวทย์ทั้งหมด ก่อนที่โรแลนด์จะปล่อยบอลเพลิงสีฟ้าขนาดราวอ่างน้ำออกมา
หลังจากยิงมันออกไป โรแลนด์ก็รีบวิ่งหนีและหมอบลงกับพื้นทันที
บอลเพลิงมีขนาดใหญ่ขึ้นเมื่อมันลอยออกไป ไม่นานนักมันก็พุ่งตรงไปยังแมงมุมยักษ์
สัตว์ป่าล้วนแล้วแต่กลัวไฟ เจ้าแมงมุมยักษ์ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
บอลเพลิงยุบตัวลงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะระเบิดออกมาด้วยความเร็วสูง
เสียงและเปลวเพลิงของการระเบิดราวกับเป็นหลักฐานว่าระเบิดพึ่งถูกจุดชนวนออกมา
ก่อนที่เจ้าแมงมุมยักษ์จะรู้ตัว มันก็ถูกกลืนกินโดยเปลวเพลิงจนหมด
จากนั้นเปลวเพลิงและควันก็พวยพุ่งออกมาราวกับเป็นดอกเห็ดขนาดเล็ก
ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่นอกรัศมีของการระเบิด แต่โรแลนด์ก็ถูกแรงระเบิดมหาศาลผลักร่างของเขาลอยออกไป
เขาถูกพัดกระเด็นไปพร้อมกับกองใบไม้แห้งก่อนจะร่วงลงพื้น จากนั้นไออากาศร้อนก็พัดผ่านศีรษะของเขาไป
โชคดีที่ใบไม้นั้นหนาพอที่จะป้องกันไม่ให้เขาได้รับบาดเจ็บ
เขาพยายามที่จะลุกขึ้นยืน เพียงเพื่อที่จะแสดงสีหน้าพูดไม่ออกจากสิ่งที่เขาได้ก่อเอาไว้
เบื้องหน้าเขานั้นเป็นหลุมขนาดใหญ่ มีลาวาสีแดงเข้มไหลอยู่ด้านล่าง ต้นไม้ในบริเวณใกล้เคียงถูกไฟเผาและโค่นลง พื้นที่กว้างราวๆครึ่งสนามฟุตบอลถูกระเบิดจนพังเละ ต้นไม้หลายต้นเอนเอียงไปตามแรงระเบิด
ภายในรัศมีของการระเบิดไม่มีอะไรหลงเหลืออยู่เลย นอกจากลำต้นของต้นไม้ที่เหลือเพียงแค่เศษเถ้าถ่านเท่านั้น
พลังทำลายนี่มัน….โรแลนด์ล้มลงไปกับพื้น
พลังเวทย์ของเขาถูกใช้ไปจนหมด พลังของบอลเพลิงคราวนี้รุนแรงยิ่งกว่าตอนที่เขาใช้ที่เมืองเรดเมาน์เทนเสียอีก
อาจเป็นเพราะเลเวลของเขามากขึ้น และเพราะคทานั่นช่วยเพิ่มพลังเวทย์ของเขา!
ไม่ว่าจะเพราะอะไรก็ตาม พลังทำลายของมันก็เกินกว่าที่โรแลนด์คาดคิดไว้มาก
แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คลาสที่โจมตีระยะประชิด จะสามารถทำแบบเดียวกันนี้ได้ในช่วงต้นเกม
และเขาก็ไม่คิดว่าพวกพ่อมดสามารถทำได้เช่นเดียวกัน
ว่ากันว่าพลังการร่ายเวทย์ของพ่อมดนั้นถูกกำหนดไว้แล้วโดยจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอัตราส่วนของพลังได้
นั่นหมายความว่า…ถ้าเทียบกับรถยนต์แล้วพ่อมดจะเป็น AT หรือเกียร์ออโต้ และนักเวทย์จะเป็น MT หรือเกียร์ธรรมดา
อย่างที่ทุกคนรู้ รถที่ดีที่สุดสำหรับการแข่งล้วนแล้วแต่เป็น MT
โรแลนด์พยายามขยับร่างกายให้พ้นจากจุดระเบิด ทว่าร่างกายเขาก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงใดๆ
โชคดีที่ป่าค่อนข้างชื้น จึงทำให้ไฟไม่ลุกลามและแผดเผาร่างของเขา
เขานั่งอยู่เฉยๆพร้อมเพลิดเพลินไปกับฉากน่าหวาดกลัวที่เขาเป็นคนสร้างขึ้นมาด้วยความหลงใหลและพึงพอใจ
มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งที่เขาสามารถมีพลังทำลายได้ถึงระดับนี้
สิ่งที่ไม่สามารถทำได้ในโลกความเป็นจริงนั้นสามารถทำได้ในเกม ในโลกใบนี้ที่เกือบจะสมบูรณ์แบบนี้ เขาสามารถทำสิ่งที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนได้
ความฝันที่ต้องการเป็นนักเวทย์ในวัยเด็กนั้นได้ถูกเติมเต็มแล้ว
โรแลนด์ยิ้มและหัวเราะออกมาด้วยความปรารถนาและความมุ่งมั่นที่เขาไม่ได้รู้สึกมาหลายปีแล้ว
โลกแฟนตาซีแห่งดาบและเวทมนตร์ล้วนแต่เป็นความโรแมนติกในใจของชายหนุ่มทุกคน