มันเป็นคืนที่นอนไม่หลับคืนหนึ่ง ชาวบ้านต่างเข้าบ้านกันไปหมดแล้ว ทว่าภายในห้องของพวกเขายังคงมีแสงจากตะเกียงอยู่
น้ำมันนั้นมีราคาแพงมากในโลกนี้ ดังนั้นตะเกียงจะไม่ถูกจุดขึ้นหากไม่มีอะไรสำคัญ
แต่กระนั้น ชาวบ้านกว่าครึ่งก็พร้อมใจกันจุดตะเกียงออกมา แสงของมันกระทบเข้ากับทะเลสาบพร้อมกับพระจันทร์เสี้ยว ทำให้คืนนี้ดูเงียบสงัดมากยิ่งขึ้น
บางครั้งลมจากทะเลสาบก็พัดมาอย่างเย็นสบาย
เบทต้านอนพิงอยู่กับราวสะพานและมองไปยังทะเลสาบที่อยู่ห่างออกไป ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
โรแลนด์ขุดหลุมใกล้ๆบ้านพร้อมนำเถ้าถ่านจากในบ้านฝังเอาไว้
จากนั้นเขาก็ตั้งไม้กางเขนและป้ายหิน
หลังจากนั้นเขาก็พบเข้ากับชายหนุ่มที่ยังดูมึนงงอยู่บนสะพาน
โรแลนด์หยุดอยู่ข้างๆเบตต้าก่อนจ้องมองไปยังแสงสะท้อนของทะเลสาบแบบเดียวกับที่เบทต้าทำ
เบทต้าหันหน้าหนีพร้อมแอบเช็ดตาของเขาด้วยขอบเสื้อ
“คิดอะไรอยู่ล่ะ?” โรแลนด์ถามหลังจากผ่านไปอย่างยาวนาน
“ไม่มีอะไรครับ”
ชายหนุ่มตอบกลับมาเสียงแหบแห้ง โรแลนด์แอบเห็นรอยน้ำตาบนหน้าของเขา
โรแลนด์ถอนหายใจออกมาอย่างหนัก ก่อนจะนึกถึงฟอลเคิลที่มีท่าทางที่ผิดหวังก่อนจะจากออกไป
“พี่โรแลนด์ ผมขอโทษ ผมทำมันพัง” เบทต้าพูดออกมาอย่างเบาๆ
ชายหนุ่มเสียใจอย่างแท้จริง โรแลนด์มองไปที่เขาสักพัก ก่อนจะยิ้มออกมา “นายเสียค่าชื่อเสียงไปเท่าไหร่ล่ะ?”
“สามสิบครับ” เบทต้าเผยอปากของเขาออกมา
เขาไม่ได้เสียใจที่ต้องเสียค่าชื่อเสียง เขาเพียงแค่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรบางอย่างผิดไป เขาเห็นว่า NPC เป็นเพียงกลุ่มข้อมูล ทว่าคู่สามีภรรยาคู่นั้นก็ทำให้เขาเห็นแล้วว่าพวกเขาต่างมีจิตวิญญาณ ความคิด และท่าทางเป็นของตัวเอง
ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติและสมจริงไปหมด
“ของฉันลดลงไป 10 น่ะ พวกชาวบ้านลำเอียงนิดๆล่ะนะ เพราะฉันอยู่มานานและพวกเขาก็รู้จักฉันดีกว่า ดังนั้นพวกเขาเลยไม่โหดร้ายกับฉันนัก” โรแลนด์พูดออกมา “มันพิสูจน์ทฤษฎีของฉันได้แล้วว่านี่ไม่ใช่แค่เกมธรรมดา”
เบทต้าฝืนยิ้มออกมาและพูดว่า “ทว่าพวกเขาก็อยู่ในเกมจริงๆ ผมรู้ว่าพี่คิดอะไรอยู่ ถ้าชีวิตมีพื้นฐานมาจากคาร์บอนและซิลิโคนได้ ดังนั้นพวกมันก็สามารถมาจากข้อมูลได้เช่นกัน ทว่ามันเป็นไปได้จริงๆหรอที่จะสามารถพัฒนาเกมที่มีชีวิตแบบนี้ออกมาได้?”
“ถ้า NPC เหล่านี้ล้วนมีชีวิตจริงๆ ทำไมผู้พัฒนาเกมถึงไม่ระบุตั้งแต่ต้น?”
เบทต้าพูดดังขึ้นดังขึ้นเรื่อยๆ จนเกือบจะตะโกนออกมา
โรแลนด์แสดงความเห็นออกมาว่า “บางทีพวกผู้พัฒนาเกมอาจจะไม่รู้สิ่งที่พวกเขากำลังสร้างอยู่ก็ได้”
“พี่คิดว่าเป็นไปได้เหรอครับ?” เบทต้าพูดออกมาอย่างไม่เห็นด้วย
โรแลนด์ตอบกลับไปว่า “ใครจะรู้ล่ะ? ไม่มีใครสามารถให้คำตอบเราได้”
หลังจากนั้นพวกเขาก็เงียบลง มีเพียงเสียงสายลมที่ดังขึ้นเท่านั้น
หลังจากสักพักหนึ่งโรแลนด์ก็ถามอีกครั้งว่า “นายคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ?”
“ไปที่เมืองอื่นครับ” เบทต้าพูดออกมาอย่างสิ้นหวัง “ผมไม่เป็นที่ต้อนรับของที่นี่ มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะอยู่ต่อไป”
โรแลนด์ลุกขึ้นยืนพร้อมพูดอย่างสบายๆขณะจ้องมองไปยังดวงดาวที่อยู่ห่างไกลว่า “นายเลือกที่จะหนีแบบนั้นแทนที่จะพยายามชดเชยสิ่งที่นายทำลงไปหรอ?”
เบทต้าหันหน้ากลับมาพร้อมถามว่า “พี่มีอะไรแนะนำไหมครับ?”
“มันมีรังแมงมุมยักษ์ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของเมืองนี้” โรแลนด์พูดออกมาอย่างช้าๆ “ฉันเคยลองฆ่ามันมาก่อนทว่าฉันก็ยอมแพ้เพราะจำนวน นอกจากนี้นายก็รู้ว่านักเวทย์ยังไม่ค่อยมีความสามารถในการต่อสู้สักเท่าไหร่ บางทีถ้านายร่วมมือกับฉัน…”
เบทต้าถามออกมาอย่างสนใจว่า “พวกมันกินได้ไหมครับ? ผมจำได้ว่าขาแมงมุมทอดที่เคยกินนั้นอร่อยมาก”
เมื่อเห็นชายหนุ่มเริ่มอารมณ์ดีขึ้นโรแลนด์ก็ยิ้มออกมา “นายเคยเห็นแมงมุมยักษ์ในชีวิตจริงรึไงล่ะ?”
เบทต้าพูดออกมาจากความทรงจำว่า “พวกมันก็แค่ปูมะพร้าวน่ะครับ”
“ไม่ใช่ว่าพวกมันก็เป็นปูเหรอ? เดี๋ยวก่อนนะ บางทีพวกมันอาจจะเป็นล็อบสเตอร์?” โรแลนด์พูดออกมาอย่างสงสัย
“พวกมันทั้งหมดเป็นสัตว์มีปล้องเหมือนกันครับ ผมเลยคิดว่าพวกมันทั้งหมดนั้นเป็นแมงมุม”
โรแลนด์ยิ้มออกมา “ถ้านายคิดแบบนั้นมันก็มีเหตุผล”
เบทต้ารู้สึกดีขึ้นมากหลังได้พูดเกี่ยวกับของกิน จากนั้นเขาก็พูดว่า “งั้นเดี๋ยวผมของฝึกเพลงดาบก่อนนะครับ”
“นายสามารถใช้เพลงดาบได้?” โรแลนด์ประหลาดใจเป็นอย่างมาก “นายเรียนมาจากโรงเรียนเหรอ”
เบทต้าส่ายหัวออกมา “ไม่ครับ มีทหารผ่านศึกอยู่ในหมู่บ้านที่ผมเกิด ผมจ่ายเขาไปสามเหรียญเงินเพื่อของเรียนวิชาของเขา มันเป็นเพียงท่าง่ายๆไม่กี่ท่า แต่ผมพบว่ามันฝึกยากพอสมควร”
“สามเหรียญเงิน…” โรแลนด์ถอนหายใจออกมา ทำเหมืองมากกว่าหนึ่งเดือน เขาเก็บเงินได้เพียงสามเหรียญเงินเท่านั้น
เบทต้าดูรวยยิ่งกว่าโรแลนด์เสียอีกแม้ว่าเขาจะเข้ามาเล่นหลังโรแลนด์เกือบครึ่งเดือน
เมื่อคิดได้แบบนั้นโรแลนด์จึงถามออกมาว่า “นายหาเงินมาจากไหนกัน?”
เบทต้าตอบกลับมาว่า “ขุนนางผู้สูงศักดิ์มีความสามารถติดตัวที่ชื่อว่า “โชคชะตา” ซึ่งทำให้ผมสามารถเก็บเงินได้! ผมเก็บได้เกือบสามเหรียญทองแล้วครับ”
อั๊ก!
โรแลนด์รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เจ้าพี่น้องสองคนนี้โคตรรวยในเกม
ชัคเป็นเซนต์ซามูไรได้รับเงินรายเดือนกว่ายี่สิบเหรียญทอง หรือแปลงเป็นเงินจริงกว่าสองแสนเหรียญ
ขณะที่ลูกพี่ลูกน้องของเขาเพียงแค่เก็บเงินโดยไม่ต้องทำงาน…บางทีโรแลนด์ก็รู้สึกค่อนข้างอิจฉาพวกเขา
ถ้าเป็นไปได้เขาก็หวังว่าจะสามารถเล่นเกมง่ายๆโดยไม่ต้องทำงานอย่างหนักเพื่อแลกกับเงิน ทว่าความจริงนั้นโหดร้าย
เขาทำได้พียงแค่จบลงที่การทำเหมือง
หลังจากนั้นเบทต้าก็เริ่มฝึกเพลงดาบ ในขณะที่โรแลนด์กลับไปยังกระท่อม
เขาพบฟอลเคิลยืนอยู่รออยู่หน้ากระท่อม
ฟอลเคิลเดินเข้ามาเมื่อสังเกตเห็นเขา ภายใต้แสงจันทร์เขาดูเป็นชายแก่ธรรมดาที่อยู่ในชุดคลุมสีเขียว
“ทำไมเราไม่คุยกันหน่อยล่ะ?”
โรแลนด์พยักหน้า
เมื่อมองลงไปยังเมืองที่อยู่ใต้ภูเขา ฟอลเคิลก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนัก “พวกเรารู้อยู่แล้วว่าหลานของเจมส์ตายไปนานแล้ว”
“โรแลนด์ยิ้มอย่างขมขื่น ก่อนส่ายหน้าออกมาราวกับช่วยไม่ได้”
จริงๆแล้วตามสภาพของเจมส์แล้ว พวกเขาจะอยู่ได้อีกไม่นานนัก ทว่ามันก็ดีกว่าที่พวกเขาจะตาย” ฟอลเคิลถอนหายใจออกมาอย่างหนัก “ทว่าในเมื่อพวกเขาตายแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ต้องทนทุกข์กับโรคและได้อยู่กับหลานของพวกเขาตลอดไป”
โรแลนด์ไม่รู้จะพูดอะไรดี เขารู้สึกได้ถึงความโศกเศร้าในเสียงของฟอลเคิล
“อีกไม่นานข้าก็จะตายเช่นกัน”
โรแลนด์ไม่เข้าใจว่าฟอลเคิลต้องการจะพูดอะไรในตอนแรก แต่ไม่นานนักเขาก็หันไปมองยังฟอลเคิล
“อย่าตกใจไปนักเลย ในฐานะของนักบวช ข้ารู้ดีอยู่แล้วว่าข้าจะถูกอัญเชิญไปโดยเทพธิดาที่ข้านับถือ” ฟอลเคิลพูดออกมาอย่างสบายๆ “ข้าจะไปยังสรวงสวรรค์ในอีกสามเดือน…อย่าเศร้าไปเลยเข้าควรมียิ้มอย่างมีความสุขให้ข้า”
“ทำไมล่ะ? ในเมื่อถ้าคุณตาย ทุกอย่างที่คุณมีก็จะหายไป”
“ไม่หรอก เหล่านักบวชจะอาศัยอยู่ในสรวงสวรรค์อย่างชั่วนิรันดร์หากพวกเขาไม่ทำผิดอะไรร้ายแรง”
ทว่าโรแลนด์กลับไม่เชื่อในนรกสวรรค์มันดูไร้สาระและคาดเดาไม่ได้