ถนนกว้างปรากฏให้เห็นอยู่เบื้องหลังประตูเมือง มีทางแยกทุกๆสิบเมตร สิ่งก่อสร้างสร้างสี่เหลี่ยมที่สูงต่างระดับกันสูงขึ้นไปยังสุดสายตา
มีพ่อค้าเร่มากมายอยู่ตามถนน และมีขอทานร่างผอมแห้งอยู่หลายคนซึ่งวางชามเก่าๆไว้อยู่เบื้องหน้า
ในเมื่อมันยังเช้าอยู่ ทำให้มีคนอยู่บนถนนไม่มากนัก ทว่ามันก็ดูค่อนข้างมีชีวิตชีวา
โรแลนด์และเบทต้าอุดจมูกโดยทันทีเมื่อพวกเขาเดินเข้ามาด้านใน มันเหม็นมาก
อุจจาระทั้งของคนและสัตว์อยู่เกลื่อนเต็มถนน พวกมันนั้นลอยอยู่ตรงท่อน้ำทิ้ง
เมืองเรดเมาน์เทนนั้นอาจจะไม่ได้สะอาดนัก แต่ว่ามันก็สะอาดกว่าที่นี่
ถึงอย่างไรก็ตามนี่ก็ยังคงเป็นยุคกลางอยู่
โรแลนด์และเบทต้าต่างดึงดูดความสนใจของคนโดยรอบ ทว่าคนส่วนใหญ่กลับรีบหลบสายตาหลังจากจ้องไปที่พวกเขา
ไม่มีใครอยากมีปัญหา
เบทต้าก็รู้สึกได้ถึงมัน ขณะที่กำลังปิดจมูกอยู่เขาก็พูดขึ้นมาว่า “ผมรู้สึกว่าคนในเมืองนี้ค่อนข้างกลัวขุนนาง ทั้งพวกพ่อค้าและคนในพื้นที่ต่างก็ระวังตัวกันอย่างมาก ในเมืองเรดเมาน์เทนคนที่นั่นดูจะไม่ได้กลัวผมขนาดนี้เลย”
โรแลนด์คิดสักครู่ก่อนยิ้มออกมา “เมืองเรดเมาน์เทนเป็นแค่เมืองที่อยู่ห่างไกล คนที่มีตำแหน่งสูงสุดที่นั่นมีแค่ฟอลเคิลและนายก พวกเขาทั้งคู่ต่างใจดี เป็นธรรมดาที่พวกชาวเมืองจะไม่เคยได้รับการข่มขู่จากพวกขุนนาง แต่เมืองที่มีประชากรเกือบล้านนั้นต่างออกไป บางทีอาจจะมีพวกกลุ่มตัวปัญหาที่มักคอยสร้างเรื่องอยู่ที่นี่ก็ได้”
เบทต้าหยุดคิดและเข้าใจว่ามันก็สมเหตุสมผลดี เมื่อที่ที่หนึ่งมีคนเยอะ เป็นธรรมดาที่จะมีคนแปลกๆปะปนอยู่เยอะเช่นเดียวกัน
พวกเขาเดินไปตามถนน ผู้คนที่สัญจรไปมาต่างหลีกเลี่ยงพวกเขา
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็เจอกับแอ่งน้ำเสียอยู่ด้านหน้า
แอ่งน้ำนั้นทั้งยาวและกว้างอยู่เต็มถนน โรแลนด์และเบทต้าไม่สามารถกระโดดข้ามไปได้
ผู้สัญจรโดยมากมักจะเดินเขย่างผ่านมันไป โดยไม่สนใจอึและฉี่ที่อยู่ในนั้น ในฐานะสามัญชนพวกเขาไม่ได้ใส่ใจนัก
ขุนนางต่างโดยสารด้วยรถม้าพวกเขาจึงไม่ต้องกังวลกับมัน
ในตอนนั้นเอง ชายหนุ่มที่อยู่บนชั้นสามของตึกจากทางด้านขวาของโรแลนด์และเบทต้าก็มองมายังพวกเขาด้วยความสนใจ
“ขุนนางหนุ่มและผู้ใช้เวทย์ที่ข้าไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน” ชายหนุ่มหลันกลับไปและพูดกับเพื่อนของเขาว่า “ดูเหมือนพวกเขาจะมีปัญหาเสียแล้ว เจ้าคิดว่าพวกนั้นจะทำยังไง?”
ขุนนางอีกสองสามคนมาใกล้หน้าต่างและมองลงไป
หนึ่งในพวกเขากล่าวว่า “ข้าคิดว่าพวกเขาจะอ้อมไป”
อีกคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้าข้าเป็นพวกนั้น ข้าจะโปรยเหรียญออกมาและให้พวกชั้นต่ำก้มลงบนพื้น เพื่อให้ข้าเหยียบตัวพวกมันไป”
“ไม่เลวเลย”
ขุนนางคนอื่นๆต่างเห็นด้วย ขุนนางที่เป็นเจ้าของความคิดนี้รู้สึกพึงพอใจ
ขุนนางอีกคนก็กล่าวว่า “ถ้าข้าเป็นพวกนั้น ข้าจะเดินกลับไปจ้างรถม้า พวกนั้นไม่ใช่คนในพื้นที่ พวกเขาอาจจะหลงได้หากเดินอ้อม และการใช้สามัญชนเพื่อเป็นที่เหยียบนั้นยุ่งยากและส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของพวกเขา”
“ฮ่ะๆๆๆๆ จอห์นเจ้ายัง ‘เมตตา’ เหมือนเคยเลยนะ”
ขุนนางหนุ่มที่ชื่อจอห์นยิ้มออกมา “มาพนันกันเถอะ”
“พนันอะไร?”
“ถ้าสองคนด้านล่างนั่นใช้ทั้งสามวิธีที่พวกเรากล่าวถึง ข้าจะจ่ายค่าเที่ยววันนี้เอง”
“แล้วถ้าพวกเขาใช้ทางอื่นล่ะ?”
“ถ้างั้นพวกเจ้าทุกคนต้องไปร่วมงานวันเกิดของพี่สาวข้าในวันมะรืน”
“ฮ่ะๆๆๆ ได้เลยไม่มีปัญหา”
ทุกคนต่างยินดีกับข้อเสนอนี้ ทั้งได้สนุกอยู่ที่นี่หรือไปร่วมงานปาร์ตี้ของพี่สาวจอห์นต่างก็ดีทั้งคู่ แม้ว่าผลจะออกมาเป็นยังไงก็ตามพวกเขาก็ไม่มีอะไรเสีย
ตรงถนน เบทต้ากำลังเซ็งอยู่ทางด้านหน้าของแอ่งน้ำ เขาพูดว่า “ทำไมเราไม่ลองอ้อมกันดูล่ะครับ?”
“ไม่จำเป็น”
โรแลนด์ชี้นิ้วและไอเย็นก็เริ่มควบแน่นและพุ่งออกมาและทอดยาวออกมาเป็นทางเดินน้ำแข็งอยู่บนแอ่งน้ำ
นี่เป็นเวทย์ที่พัฒนามาจากวงแหวนเยือกแข็งที่เขาพึ่งได้รับมาเมื่อเร็วๆนี้ มันไม่ได้ทรงพลังนัก ทว่าโรแลนด์กลับคิดว่ามันมีประโยชน์ในการแช่แข็งอย่างรวดเร็วในบางโอกาส อาทิเช่นในตอนนี้”
ในชั้นสาม ขุนนางหนุ่มทั้งหมดต่างตกอยู่ในความเงียบ ท้ายที่สุดจอห์นก็หัวเราะออกมา “เป็นผู้ใช้เวทย์ที่น่าสนใจมาก ข้าไม่เคยเห็นใครใช้พลังเวทย์สิ้นเปลืองแบบเขามาก่อน”
เบทต้าก็รู้สึกประหลาดใจเช่นเดียวกัน “เวทมนตร์นี่มีประโยชน์จริงๆ”
พวกสามัญชนโดยรอบนั้นต่างถูกทำให้ตกใจเพราะเวทมนตร์ ทว่าพวกเขาก็ใจเย็นลงเมื่อเห็นว่าโรแลนด์และเบทต้าไม่ได้ต้องการทำร้ายพวกเขา
หลังจากเดินบนสะพานน้ำแข็ง พวกเขาทั้งคู่ก็เริ่มเดินทางต่อ
พวกเขาได้ถามยามมาแล้วในตอนที่พวกเขาเข้าเมือง หอคอยสีขาวซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดภายในเมืองนั่นคือสาขาของสมาคมนักเวทย์
หอคอยเวทย์นั้นอยู่ในท้ายสุดของทางเดิน
เดลพอนนั้นเป็นเมืองที่ใหญ่ถึงแม้ว่าหอคอยจะดูเหมือนอยู่ใกล้แต่จริงๆแล้วมันอยู่ไกลออกไป
พวกเขาใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมงเพื่อมายังหอคอย
พวกเขาพบว่าพวกเขานั้นอยู่ในจัตุรัสที่สร้างมาจากอิฐสีขาวและสีน้ำเงิน มันสะอาดและไม่มีขยะกระจัดกระจายเหมือนภายในเมือง
หอคอยเวทย์นั้นทำมาจากหินสีขาวล้วนๆ ไม่มีรอยเชื่อมต่อกัน ราวกับว่าเป็นหินหนึ่งก้อนที่ถูกสร้างโดยธรรมชาติ
หอคอยนั้นค่อนข้างใหญ่ มันกว้างอย่างน้อยกว่า 7 เมตรในรัศมี
เมื่อเงยมองหน้าขึ้นไปยังหอคอย โรแลนด์สึกได้ถึงลวดลายคลื่นที่มองไม่เห็นกำลังออกไปด้านนอก
“นั่นมันสิ่งมีชีวิตเวทย์?” โรแลนด์พึมพำออกมาเบาๆ
ในตอนนั้นเอง เบทต้าก็พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน “พี่โรแลนด์ผมไม่ไปกับพี่นะ ยังไงซะผมก็ไม่ใช่นักเวทย์ ผมอยากไปดูรอบๆเมืองและลองหาเควสดู!”
โรแลนด์ขมวดคิ้วและถามว่า “แล้วพวกเราจะเจอกันยังไง?”
“ผมเห็นโรงแรมเล็กๆที่ชื่อแลมป์เกิร์ลระหว่างทางที่มาที่นี่ ผมจะอาศัยอยู่ที่นั่น พี่สามารถมาหาผมได้ตลอดที่โรงแรมนั่น”
“อ่าหะ” โรแลนด์พยักหน้าและกล่าวว่า “ที่นี่เป็นเมืองใหญ่ ก็ไม่เลวที่พวกเราจะลองแยกกันสำรวจดู”
เบทต้าโบกมือลาโรแลนด์ก่อนวิ่งออกไปด้วยความตื่นเต้น
เขามองไปยังประตูทางเข้าสมาคม โรแลนด์เดินเข้าไปใกล้
เมื่อเขามาถึงยังประตู หนึ่งในยามทั้งสองหยุดเขา “ต้องขอโทษด้วย ทว่าหอคอยเวทย์จะเปิดให้เพียงแค่สมาชิกเท่านั้น คุณมีใบรับรองการเป็นนักเวทย์หรือไม่?”
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง โรแลนด์ถามออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “แล้วผมต้องทำยังไงถึงได้ใบรับรองมา?”
ยามดูกระอักกระอ่วน “ต้องขอโทษด้วยแต่ข้าก็ไม่มั่นใจเช่นกัน