ในตอนแรกโรแลนด์ก็คิดว่ามันแพง แต่ว่าเขาก็รู้ว่าเขาคิดผิด
สองเหรียญสำหรับชีวิตถือว่าเป็นข้อตกลงที่ยุติธรรม เขามองว่ามันแพงเนื่องจากเขานำไปเทียบกับที่อื่น
ฟอลเคิลในเมืองเรดเมาน์เทนนั้นเป็นนักบวชของโบสถ์แห่งชีวิตเช่นเดียวกัน ทว่าเขาไม่เคยคิดค่ารักษาใดๆเลย
ฟอลเคิลนั้นบริการให้ฟรีและนักบวชคนนี้เรียกเก็บเงินสองเหรียญทอง ทำให้ดูเหมือนว่านักบวชคนนี้จะเป็นคนขี้โกง
แต่จริงๆแล้วนักบวชคนนี้ก็เสนอเพียงแค่ราคาทั่วไป มีผู้คนเพียงเล็กน้อยที่อาศัยอยู่ในเมืองเรดเมาน์เทนแต่กับเมืองเดลพอนนั้นมีประชากรนับล้านอาศัยอยู่ ถ้าเขารักษาฟรี นักบวชวัยกลางคนคนนี้คงตายเพราะโหมงานหนัก
บนแท่นบูชาบาดแผลของเด็กสาวก็เริ่มถูกรักษา เธอดูสุขภาพดีขึ้นเรื่อยๆ แม้กระทั่งลมหายใจของเธอยังสามารถได้ยินได้
เขาถอนหายใจออกมาจากนั้นเขาก็นำเหรียญทองสองเหรียญที่พึ่งได้รับมาและมอบมันให้กับนักบวช
เมื่อเห็นแบบนั้น ทหารก็กล่าวกับเบทต้าและโรแลนด์ดด้วยความนับถือว่า “คุณช่างใจดียิ่งนัก ข้าจะไปตามตาเฒ่าวินเซนต์มารับตัวลูกสาวของเขาไป”
หลังจากทหารออกไป โรแลนด์และเบทต้าก็นั่งลงบนเก้าอี้หินและหายใจอย่างหนัก พวกเขาล้ามากหลังจากวิ่งติดต่อกันเป็นเวลานานพวกเขาไม่อยากจะยืนขึ้นเสียด้วยซ้ำ
นักบวชวัยกลางคนนั้นมีผมสีน้ำตาลสั้นและไม่มีหนวดเครา เขาโยนเหรียญทองสองเหรียญไปมา เขาจ้องมองมาทางโรแลนด์และเบทต้าด้วยความสนใจและในท้ายที่สุดเขาก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มแปลกๆว่า “สองเหรียญทองเพื่อช่วยชีวิตจัณฑาลที่ไม่งดงามนัก คุณนี่ใจกว้างจริงๆ”
เบทต้าขมวดคิ้วเขาไม่พอใจที่ได้ยินแบบนั้น
ต่างจากเบทต้า โรแลนด์เคยทำงานมาเป็นปีและมีประสบการณ์ทางสังคมที่มากกว่า เขารู้ว่าคำพูดถากถางของนักบวชวัยกลางคนนั้นจริงๆแล้วเป็นคำชม
เขายิ้มไปที่นักบวชแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป
ทว่าเบทต้ากลับพูดออกมาด้วยความโกรธว่า “คุณสามารถช่วยชีวิตคนได้อีกมากมาย ทำไมคุณถึงเก็บค่ารักษาแพงขนาดนี้? คุณจะทอดทิ้งคนยากไร้ที่กำลังจะตายงั้นเหรอ? ทำไมโบสถ์แห่งชีวิตถึงต้องการเงินมากกว่าช่วยชีวิตคน?”
นักบวชมองไปยังเบทต้าด้วยรอยยิ้ม “ท่านโกรธข้าเหรอ นายน้อย”
เบทต้าต้องการจะพูดต่อ แต่โรแลนด์ก็ห้ามเขาไว้ “หยุดพูดได้แล้ว นายกำลังเข้าใจเขาผิดไป”
เบทต้านั้นเชื่อฟังโรแลนด์ ดังนั้นเขาจึงหยุดพูดแต่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เห็นด้วย
ชายวัยกลางคนมองเบทต้าด้วยรอยยิ้ม “ข้าคงจะไม่พูดอะไรหากท่านเพียงแค่ถามคำถามข้า ทว่าเมื่อท่านสงสัยในความศรัทธาของข้า ข้าคงต้องขออธิบายสักหน่อย”
เบทต้าก็ยังคงโกรธอยู่เหมือนเดิม
“ข้าสามารถบอกได้ว่าท่านก็รู้เวทมนตร์เช่นเดียวกัน ดังนั้นท่านน่าจะรู้ดีเกี่ยวกับเวลาของการร่ายเวทย์ สำหรับข้า ข้าสามารถร่ายการรักษาขั้นสูงได้ทั้งหมดหกครั้งเหมือนที่ข้าพึ่งร่ายไปก่อนหน้าในทุกๆสามชั่วโมง ดังนั้นสามารถบอกได้ว่าข้าสามารถทำแบบนั้นได้แปดครั้งต่อวันนั่นรวมถึงถ้าข้าไม่ได้หลับด้วยละนะ”
เบทต้าขมวดคิ้วและพูดว่า “แต่อย่างน้อยคุณก็สามารถช่วยคนแปดคนได้แทนที่จะปฏิเสธคนธรรมดาด้วยรักษาที่แพงหูฉี่
ได้อาศัยอยู่ในเมืองเรดเมาน์เทนมานานกว่าเดือน เบทต้าจึงรู้ว่าครอบครัวธรรมดาไม่สามารถแม้กระทั่งเก็บเงินได้หนึ่งเหรียญทองตลอดทั้งปี
นั่นหมายถึงสองเหรียญทองนั้นเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถจับต้องได้ ถ้าพวกเขาเกิดต้องการรักษาจริงๆ มันไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะสามารถจ่ายเงินค่ารักษาได้
“นั่นเป็นเหตุผลที่ท่านยังเป็นนายน้อยอยู่ไงล่ะ” นักบวชวัยกลางคนพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มแปลกๆ “ท่านอาจจะเป็นคนใจดี แต่ท่านซื่อตรงเกินไป”
เบทต้ายิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้น และสงสัยว่านักบวชคนนี้จะแก้ตัวยังไง
ในขณะที่โรแลนด์ก็ยังเดาไม่ออกเช่นกันว่าเขาจะพูดอะไรออกมา
“จริงอยู่ที่สามัญชนทั้งหลายจะขอบคุณข้าถ้าข้าช่วยพวกเขาแบบฟรีๆ แต่ผู้คนมากมายจะถูกฆ่าทางอ้อม” นักบวชพูดออกมาอย่างเรียบง่าย
เบทต้าจึงพูดสบประมาทเขาขึ้นมา “จะเป็นไปได้ยังไง?”
“โบสถ์แห่งชีวิตนั้นมีการแจกจ่ายอาหารให้ผู้ยากไร้อยู่ทุกวัน สามารถพูดได้เลยว่าถ้าไม่มีการช่วยเหลือจากพวกเราพวกเขาจะตาย” นักบวชพูดออกมาและวางตัวเป็นผู้มีพระคุณ “แล้วเงินค่าอาหารพวกนั้นมาจากไหนกันละ? จากขุนนางอย่างพวกท่านไง”
เบทต้ากำลังจะแย้งว่าตนเองไม่ใช่ขุนนาง แต่เมื่อเขานึกถึงตัวตนในฐานะขุนนางผู้สูงศักดิ์เขาก็ไม่ได้แย้งออกไปแต่พูดออกไปว่า “แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะสามารถรักษาสามัญชนในราคาที่ถูกลงได้”
โรแลนด์ถอนหายใจออกมา เมื่อเห็นว่าเบทต้าไม่เข้าในสิ่งที่นักบวชต้องการจะสื่อ
นักบวชชายก็หัวเราะออกมา “หากข้าใช้เวทย์ของข้าทั้งหมดไปกับสามัญชน แล้วเราจะหาเงินได้จากไหนละ? นอกจากนี้ขุนนางยังยึดในศักดิ์ศรีและระยะห่าง ถ้าข้ารักษาสามัญชนแบบฟรีๆ พวกเขาจะไม่มายังโบสถ์แห่งนี้ เพราะพวกเขาจะคิดว่าสามัญชนอยู่เหนือกว่าพวกเขา หากไม่มีขุนงานและเงินของพวกเขานั้น พวกเราจะไม่สามารถหาอาหารให้พวกเราเองได้ แล้วพวกเราจะช่วยคนยากไร้ได้อย่างไร?”
เบทต้าอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่างแต่เขาก็เงียบไป
เขาไม่รู้ว่าจะโต้แย้งอะไรได้อีก
นักบวชมองไปที่เบทต้าด้วยรอยยิ้มจางๆ “ข้าไม่ขอให้ท่านเข้าใจข้า ทว่าโปรดอย่าสงสัยความศรัทธาของข้า ความกรุณาของเทพธิดาแห่งชีวิตนั้นมีมอบให้แก่ทุกคน พักที่นี่เสียเถิด นานๆทีข้าถึงจะได้พบเห็นขุนนางที่จิตใจดีเช่นท่าน”
นักบวชจากไปเมื่อพูดจบ
เบทต้าตกอยู่ในห้วยงความคิด เขาพึ่งอายุสิบแปดปีและยังเป็นนักเรียนอยู่ จริงๆแล้วเขายังไม่เคยเจอสภาวะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกแบบนี้
โรแลนด์ไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาแค่นักพักอยู่เฉยๆเพียงเท่านั้น
มันน่าจะดีกว่าที่ให้เบทต้าได้รับบทเรียนจาก NPC ภายในเกม มากกว่ากับคนจริงในความเป็นจริง
ทันใดนั้นเอง ก็มีกลุ่มคนมายังโบสถ์ มีชายหลายคนอยู่ในเสื้อเก่าๆพุ่งเข้ามา พวกเขาดูดีใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นเด็กสาวบนแท่นบูชา
จากนั้นเวลาก็ถูกหยุดลงอีกครั้ง หมดเวลาสำหรับวันนี้แล้ว
เหมือนเช่นเคย โรแลนด์ไปอาบน้ำหลังออกจากแคปซูล เขาเปิดเว็บบอร์ดและอัปโหลดวีดีโอที่เขาได้บันทึกไว้ก่อนหน้า ด้วยหัวข้อกระทู้ว่า “ต้องการนิติวิทยาศาสตร์หรือตำรวจเพื่อค้นหาเบาะแส” วีดีโอดังกล่าวเกี่ยวกับศพในถ้ำ
แน่นอนว่าอวัยวะส่วนบุคคลของเหยื่อถูกเซ็นเซอร์เอาไว้
เขาช่วยเด็กสาวไว้ได้และจบภารกิจแล้ว แต่โรแลนด์กลับคิดว่ามันยังไม่จบ
เขาต้องการที่จะเปิดเผยเบื้องหลังของการฆาตรกรรม
ไม่ถึงสิบนาที กระทู้ก็ถูกปักหมุดไว้และการตอบกลับก็ทะยานขึ้นสูง
ข้อความตอบกลับเต็มไปด้วยความโกรธแค้น