เมื่อได้ยินสิ่งที่โรแลนด์พูดนักเวทย์ฝึกหัดก็มึนงงเล็กน้อยในตอนแรก แต่แล้วพวกเขาก็รอรับชมอย่างมีหวัง
อย่างไรก็ตามโรแลนด์เป็นนักเวทย์ที่แท้จริงและอีกก้าวเดียวเขาก็จะกลายเป็นนักเวทย์ระดับแนวหน้าแล้ว เขามีความสามารถทางภาษาซึ่งนั่นหมายความว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่พบเห็นได้ยาก
หากเป็นเวทย์คนอื่นบอกว่ามีเวทย์ระดับศูนย์ที่ควรค่าแก่การศึกษาละก็พวกเขาคงหัวเราะออกมาเป็นแน่ แต่หากเป็นนักเวทย์ที่แท้จริงพูดออกมามันก็คนละเรื่องกัน แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกขัดแย้งอยู่ก็ตาม
นอกจากนี้พวกเขาก็ไม่มีอาจารย์ ดังนั้นพวกเขาจึงรู้สึกไม่ชินนักเมื่อมีคนมาสอน
โรแลนด์เรียกแขนเวทย์ออกมา ขณะที่นักเวทย์ฝึกหัดกำลังมองดูอยู่
มันเป็นแขนเวทย์ขนาดปกติและดูเหมือนไม่มีอะไรพิเศษ นักเวทย์ฝึกหัดส่วนใหญ่ผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
ในทางกลับกันวิเวียนยังคงจ้องไปที่โรแลนด์อย่างมีหวัง
“ฉันรู้ว่าพวกนายผิดหวัง” โรแลนด์มองไปรอบๆแล้วยิ้มออกมา “แต่รอดูไปก่อน”
เขาดีดนิ้วของเขาเบาๆและแขนเวทย์สีฟ้าโปร่งใสก็เพิ่มขนาดกว่าเดิมเกือบสามเท่า
คราวนี้นักเวทย์ฝึกหัดในที่สุดก็รู้สึกทึ่งขึ้นมา
แต่พวกเขาก็ยังคงไม่สนใจมันนัก
ท้ายที่สุดแขนเวทย์ก็เป็นเพียงเวทย์ระดับศูนย์ซึ่งไม่สามารถสร้างความเสียหายได้ มันจะมีประโยชน์อะไรได้แม้ว่ามันจะใหญ่ขึ้นก็ตาม?
โรแลนด์พบกับหุ่นไม้ ซึ่งมักจะเป็นเป้าสำหรับฝึกเวทย์
แขนเวทย์ของเขาจับหุ่นไม้และทุ่มมันลงกับพื้นจนกลายเป็นเศษไม้อย่างง่ายดาย
เมื่อมองไปที่เศษชิ้นส่วนที่หล่นลงมาที่บนพื้นนักเวทย์ฝึกหัดทุกคนก็อ้าปากค้าง
ตอนนี้โรแลนด์เชี่ยวชาญแขนเวทย์เป็นอย่างมากหลังจากใช้เวลาไปกับมันกว่าเดือนครึ่ง แขนเวทย์ของเขานั้นสามารถรับน้ำหนักได้กว่าสามตันและสามารถจับของที่มีน้ำหนักได้กว่าหนึ่งตัน
หนึ่งตันหมายถึงอะไร?
หมายความว่าแขนเวทย์ของเขาสามารถบิดชิ้นส่วนเหล็กขนาดเท่าแขนได้อย่างง่ายดายแล้วนับประสาอะไรกับหุ่นไม้
“แขนเวทย์นั้นเป็นเวทย์ระดับศูนย์ก็จริง แต่มันสามารถใช้ในการต่อสู้ได้หากพวกนายเข้าใจมันมากพอ”
โรแลนด์ดีดนิ้วอีกครั้ง
แขนเวทย์ถูกเปลี่ยนรูปร่างเป็นหอกยาวอย่างรวดเร็ว โรแลนด์โยนมันออกไปหอกสีน้ำเงินก็แทงทะลุหุ่นอีกตัวครึ่งบนที่ถูกแทงของมันแหลกสลายไปในทันที
“เวทย์ง่ายๆควบคุมก็ง่ายกว่าและมีความเสี่ยงน้อยกว่า” โรแลนด์อธิบาย “โดยส่วนตัวแล้วฉันคิดว่าพวกนายควรมุ่งเน้นไปที่เวทย์ระดับศูนย์อย่าง แขนเวทย์ หรือ บอลแสง ก่อนมากกว่า เนื่องจากพวกนายยังไม่สามารถร่ายเวทย์ระดับสูงได้ ทำแบบนี้จะช่วยเพิ่มพลังจิตและการควบคุมองค์ประกอบเวทมนตร์ของพวกนาย มันจะช่วยวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับเส้นทางในอนาคตของพวกนายในฐานะนักเวทย์”
ขณะที่โรแลนด์พูดแขนเวทย์เปลี่ยนจากหอกเป็นดาบโล่และในที่สุดก็กลายเป็นถุงมือ
จากนั้นเขาก้าวไปข้างหน้าและต่อยไปที่หุ่นหิน กำปั้นสีน้ำเงินขนาดมหึมาของเขาเหวี่ยงหุ่นไปติดกำแพง
เมื่อหุ่นดีดกลับมามันก็แตกออกเป็นก้อนกรวดจำนวนนับไม่ถ้วนที่กระจัดกระจายไปยังนักเวทย์ฝึกหัด
ดวงตาของนักเวทย์ฝึกหัดแทบจะโผล่ออกมาจากเบ้า
“พวกนายจะแข็งแกร่งขึ้นแม้ว่าจะใช้เวทย์ระดับศูนย์ก็ตาม” โรแลนด์ให้กำลังใจพวกเขาว่า “อย่าตั้งเป้าไว้สูงเกินไป พวกนายจะเดินได้ไกลขึ้นก็ต่อเมื่อพวกนายก้าวเดินอย่างมั่นคง”
ในขณะนี้คลาอัสยกมือขึ้น
โรแลนด์อนุญาติให้เขาพูดได้
“แต่ถ้าพวกข้าไม่สามารถใช้เวทย์ระดับหนึ่งพวกข้าจะไม่สามารถกลายเป็นนักเวทย์แท้จริงได้”
โรแลนด์หัวเราะเบาๆ “ลองคิดดูสิ หากพวกนายสามารถเอาชนะผู้ที่ใช้เวทย์ระดับหนึ่งหรือระดับสองด้วยเวทย์ระดับศูนย์ได้ จะมีอะไรน่าดีใจไปมากกว่านี้อีกหรือ?”
คลาอัสเงียบไปครู่หนึ่ง และเขาก็เข้าใจในที่สุด
“ฉันจะวาดแบบจำลองของแขนเวทย์ให้พวกนาย” โรแลนด์พูดด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย “แต่ฉันเขียนภาษาของพวกนายไม่ได้ พวกนายคนใดคนหนึ่งต้องคอยเขียนแบบจำลองและจุดเวทย์ของแขนเวทย์จากคำอธิบายของฉัน”
“ข้าทำได้ค่ะ!” วิเวียนยืนขึ้นมา
โรแลนด์มองไปที่นักเวทย์ฝึกหัดคนอื่นๆ และพวกเขามองไปที่พื้นราวกับว่าพวกเขาไม่ต้องการจะแย่งหน้าที่กับเธอ
“ก็ได้งั้นเป็นวิเวียนนะ”
วิเวียนยิ้มบางๆและหน้าแดงออกมา
ประมาณสองชั่วโมงต่อมา รายละเอียดของแบบจำลองเวทย์ของแขนเวทย์ก็ถูกเขียนลงในกระดาษขนาดใหญ่เท่าโต๊ะ ลายมือของวิเวียนนั้นถือว่าค่อนข้างเป็นระเบียบมาก
เธอออกจากห้องวิจัยของโรแลนด์พร้อมกระดาษในมือ จากนั้นเธอก็ถูกล้อมโดยเหล่าเพื่อนๆ
“วิเวียนแขวนมันไว้บนผนังเลย จะได้ไม่มีใครสามารถผูกขาดมันได้!”
“เอาอย่างนั้นแหละ!”
“ข้าไม่เคยรู้เลยว่าแขนเวทย์จะทรงพลังมากขนาดนี้”
“ใช่ยิ่งไปกว่านั้นมันสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ด้วย ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีใครทำแบบนั้นได้ นี่น่าจะเป็นแบบจำลองเวทย์ส่วนตัวของรักษาการโรแลนด์แน่ๆ”
“ข้าคิดอย่างนั้นเหมือนกัน”
“อัจฉริยะชัดๆ เขาอาจจะแข็งแกร่งกว่าท่านประธานด้วยซ้ำ!”
“ข้าก็คิดว่าอย่างนั้นเช่นกัน”
วิเวียนแขวนกระดาษเข้ากับกระดานโดยเขย่งปลายเท้า มีทางเดินเวทย์และจุดเวทย์มากกว่าสิบแปดจุดในแบบจำลองนี้ มันซับซ้อนมาก แต่เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ พวกเขาก็พอจะทำความเข้าใจกับคำอธิบายที่อยู่ด้านล่างได้
“พวกเจ้าบอกว่าใครอัจฉริยะมากกว่าข้ากัน?”
มีใครสักคนยืนหัวเราะเบาๆอยู่หลังพวกเขา พวกนักเวทย์ฝึกหัดต่างค่อยๆหันกลับมามองพร้อมแข้งขาที่อ่อนแรง และเอ่ยทักทายผู้มาใหม่และต่างเดินหลีกออกไปโดยไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
อัลโด้อยู่ในชุดที่เป็นทางการ ดูเหมือนเขาจะเพิ่งกลับมาจากบ้านของขุนนางสักคน
วิเวียนก็รีบถอยห่างเช่นกัน
อัลโดไม่ได้โกรธอะไร ไม่มีอารมณ์เชิงลบใดๆ บนใบหน้าของเขามีแต่รอยยิ้ม จากนั้นเขาสังเกตเห็นกระดานและพูดว่า “หือมันคือแขนเวทย์…”
“เดี๋ยวนะ!” ดวงตาของอัลโดเบิกกว้าง เขารีบไปที่กระดานและลากนิ้วมือผ่านรอยขีดเขียน
“แบบจำลองเวทย์ที่เกี่ยวกับรูปแบบพัฒนาของแขนเวทย์”
อัลโดมีความรู้มากกว่าพวกนักเวทย์ฝึกหัด พวกนักเวทย์ฝึกหัดนั้นอาจจะประทับใจกับผลลัพธ์ของมัน แต่ว่ามีเพียงแค่อัลโด้เท่านั้นทีรู้ว่ามันมีคุณค่าขนาดไหน!
“ใครเป็นคนสร้างแบบจำลองเวทย์นี้” อัลโด้ตะโกนถามออกมา
นักเวทย์ฝึกหัดมองขึ้นไปด้านบน
โรแลนด์!
หลังจากไตร่ตรองสักพักอัลโด้ก็กล่าวว่า “เก็บแบบจำลองเวทย์อันนี้ซะ มันจะเป็นสมบัติของหอคอยเวทย์มนตร์และถ้าพวกเจ้าต้องการจะดูมันละก็จะต้องจ่ายสามสิบแต้มต่อครั้ง!”
อื้อหือ!
นักเวทย์ฝึกหัดต่างร้องโหยหวนด้วยความหงุดหงิด
การหาสามสิบแต้มนั้นไม่ใช่เรื่องยาก แต่พวกเขารู้สึกไม่พอใจนักที่จะต้องจ่ายให้กับของที่มันควรจะฟรี
อัลโด้ไม่สนใจพวกเขาและขึ้นชั้นบนไปหาโรแลนด์