“มีปัญหาขนาดนั้นเลย?” โรแลนด์ถามอย่างสงสัย
อัลโด้พยักหน้า “เป็นปัญหาอย่างมากเลยหละ”
เขาแสดงสีหน้าดูถูกออกมา “แตกต่างจากสาขาย่อยในที่ต่างๆ พวกที่มาจากสำนักงานใหญ่ทำตัวสูงส่งและมีอำนาจ ในสายตาของพวกเขานอกเหนือจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของเวทมนตร์แล้ว ไม่ว่าจะเวทมนตร์แบบไหน องค์กรแบบไหน หรือคนแบบไหน แม้แต่สาขาย่อยอย่างพวกเราก็ถูกมองว่าเป็นสถานที่ไร้เวทมนตร์และเป็นมีแต่พวกคนเถื่อน พวกเขาคิดว่าพวกเราไม่ควรค่าพอแก่ความสนใจของพวกเขา ดังนั้นการส่งแบบจำลองเวทย์ของแขนเวทย์ไปก็เท่ากับเป็นการตบหน้าพวกนั้น”
“พวกนั้นจะเป็นศัตรูกับฉัน?” โรแลนด์ถามอย่างสนใจ
อัลโดนั่งลงตรงข้ามเขาบิดร่างกายส่วนบนเล็กน้อยเพื่อปรับให้เข้ากับท่านั่งที่สบายขึ้น จากนั้นเขากล่าวว่า “พวกเขาไม่มีทางเชื่ออยู่แล้วว่าเวทย์ที่ยอดเยี่ยมแบบนี้จะถูกคิดขึ้นโดยคนที่อยู่ในสาขาที่ห่างไกลเช่นนี้ มันเป็นการเปลี่ยนเวทย์ระดับศูนย์เป็นเวทย์ระดับสองโดยแท้จริง นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในรอบหลายร้อยปีเท่านั้น นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม…พวกนั้นจะต้องทำให้เจ้าลำบากใจอย่างแน่นอนเพื่อพิสูจน์ว่าเจ้าไม่ได้สร้างมันขึ้นมา”
โรแลนด์มองไปที่อัลโดสักพัก “ดูเหมือนว่าคุณอยากให้มันเป็นแบบนั้นเลยนะ”
“แน่นอน!” อัลโด้พูดตรงๆว่า “ข้าเป็นคนขี้ขลาด – ข้าไม่กล้าท้าทายอำนาจของสำนักงานใหญ่หรอก แต่เจ้าทำได้! ข้าอยากเห็นพวกนั้นโดนขัดใจ จนต้องเอาหัวมาโขกจนแตกพร้อมทั้งหน้าแตกด้วยน้ำมือของเจ้า”
เจตนาร้ายที่ชัดเจนมาจากอัลโด้ ในตอนนี้เองใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวเล็กน้อยราวกับว่าเขาเห็นจุดจบของคนเหล่านั้นจากสำนักงานใหญ่แล้ว
โรแลนด์สังเกตเขาอยู่สองสามวินาทีแล้วถามว่า“ ถ้าสำนักงานใหญ่ต้องการจัดการกับฉันจริงๆพวกเขาไม่จำเป็นต้องมาพบฉันด้วยซ้ำ พวกเขาต้องการเพียงแค่ปกปิดรูปแบบเวทมนตร์ของฉัน นักเวทย์ที่ไม่รู้จักเมื่อเทียบกับองค์กรขนาดใหญ่ ใครๆก็ต่างเข้าข้างอย่างหลังอยู่แล้ว”
“ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริงๆเจ้าจะทำอย่างไร” อัลโด้ถามอย่างสงสัยและโน้มตัวไปข้างหน้า
ในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเขามีแสงที่แปลกประหลาดราวกับมีดคมที่จับต้องไม่ได้และแววตาที่ประสงค์ร้ายและเย็นชาปรากฎอยู่
“ก็แค่ปล่อยให้พวกนั้นทำตามที่ต้องการไปก่อน” โรแลนด์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อฉันแข็งแกร่งขึ้นฉันก็จะพาเพื่อนสนิทไปสักสองสามคนเพื่อทวงคืนความยุติธรรมจากพวกเขา”
คำพูดของเขาอ่อนโยนและนอบน้อมมาก ทว่ามันกลับซุกซ่อนความเกรี้ยวกราดมากมายเอาไว้
“เจ้ามั่นใจว่าจะสามารถจัดการกับสมาคมนักเวทย์ได้?” อัลโด้ถามออกมาพร้อมกลับไปนั่งตามเดิมและขมวดคิ้วด้วยความกังวล
“คุณก็รู้นี่ว่าฉันไม่มีทางตาย ฉันจะมีโอกาสอย่างไม่จำกัด”
อัลโดส่ายหัวอย่างอิจฉา “ใช่พวกเจ้าจะไม่ตายดังนั้นพวกเจ้ามักจะทำอะไรก็ได้ที่เจ้าต้องการ ข้าดีใจเป็นอย่างมากที่พวกเจ้าส่วนมากเป็นคนดีไม่อย่างนั้นโลกคงเกิดภัยพิบัติไปแล้ว สำหรับแบบจำลองเวทย์ไม่ต้องเป็นห่วงไป ยังไงพวกนั้นก็ไม่สามารถปกปิดได้”
โรแลนด์ไม่พูดและยังคงมองไปที่อัลโด
เมื่อเห็นว่าโรแลนด์จะไม่ถามเขาอย่างจริงจังว่าทำไมอัลโดก็รู้สึกผิดหวัง การกระทำดังกล่าวเหมือนยังไม่ร่วมมือและการแสดงออกเช่นนี้ทำให้เขาหงุดหงิดอย่างมาก “จริงๆแล้วมันค่อนข้างง่าย ก่อนที่จะส่งแบบจำลองเวทย์ให้กับสมาคมข้สได้เสนอแบบจำลองเวทย์ให้กับเทพธิดาแห่งเวทมนตร์ในนามของเจ้า และเทพธิดาก็ยอมรับมันเรียบร้อยแล้ว”
“เทพธิดาแห่งเวทมนตร์?” โรแลนด์ถามออกมาโดยสัญชาตญาณ
“ใช่ว่ากันว่าเธอสร้างเวทมนตร์ทั้งหมดในโลก” อัลโด้ยักไหล่ “อย่างไรก็ตามพวกเอลฟ์บอกว่าเทพธิดาแห่งเวทมนตร์ เป็นเพียงมนุษย์ในอดีต! นั่นเป็นเหตุผลที่เราไม่สามารถระบุได้ว่าเทพธิดาแห่งเวทมนตร์เป็นมนุษย์ในอดีตหรือเป็นเทพเจ้าตั้งแต่ต้น แต่เรื่องที่เธอเป็นผู้อยู่เหนือองค์ประกอบเวทย์ก็เป็นเรื่องจริง”
“เทพธิดาแห่งเวทมนตร์ยอมรับแบบจำลองเวทย์นี้แล้วเหรอ!?”
“ใช่แล้ว” อัลโดกล่าวขณะที่รอยยิ้มวิกลจริตก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง “สำหรับพวกผู้ตรวจสอบพวกนั้นหากพวกมันอยากปกปิดแบบจำลองเวทย์ของเจ้าจริงๆละก็ พวกนั้นจำเป็นต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าเจ้าไม่มีความสามารถเพียงพอในการสร้างเวทย์นั้นขึ้นมา พวกมันจะพยายามทดสอบเจ้าและพวกนั้นผิดพลาดละก็พวกมันอาจจะเลือกที่ทำร้ายเจ้าแทน”
“และถ้าเป็นอย่างนั้นฉันที่เป็นอมตะก็จะไปโจมตีพวกนั้น ในขณะที่คุณมองดูอยู่ข้างสนามอย่างสบายใจสินะ?” โรแลนด์ถอนหายใจ “คุณใช้ประโยชน์จากคนอื่นแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นยังพูดอย่างหยิ่งยโสต่อหน้าคนคนนั้นด้วย คุณไม่คิดบ้างเหรอว่าฉันจะไม่ยอมร่วมมือด้วยหนะ?”
“ตอนนี้สถานการณ์ได้ถูกกำหนดไว้แล้วเจ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้” อัลโดกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้ว่าเจ้าจะรู้สึกไม่ดี ทว่าข้าจะชดเชยให้เจ้าเอง ตราบเท่าที่ข้าทำได้เจ้าจะสามารถขออะไรก็ได้”
หลังจากไตร่ตรองแล้วโรแลนด์กล่าวว่า“ ฉันอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงต้องการเป็นศัตรูกับสำนักงานใหญ่”
“เจ้าต้องรู้?” อัลโด้เหล่ตาของเขา
บรรยากาศที่มืดมิดและอึดอัดลอยออกมาจากอัลโด
โรแลนด์ส่ายหัว “ฉันก็แค่อยากรู้เท่านั้นแหละ ถ้าหากคุณไม่ต้องการจะเล่าก็ลืมมันไปซะ ทว่าฉันไม่รับปากหรอกนะว่าจะไม่หนีไปก่อน”
รอยยิ้มบนใบหน้าของอัลโดหายไป อัลโดมองไปที่โรแลนด์และทันใดนั้นก็พูดว่า เจ้าคิดว่าวิเวียนน่ารักและมีน้ำใจไหม?”
“อะไร? เรื่องนี้กี่ยวข้องกับเธอยังไง” โรแลนด์ขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่อัลโดถึงพูดถึงคนอื่น
อัลโดไม่สนใจท่าทางของโรแลนด์จากนั้นเขาจมไปกับความคิดของตัวเอง “ตอนที่ฉันข้าเป็นเพียงนักเวทย์ฝึกหัด ข้ารู้จักนักเวทย์ฝึกหัดหญิงงคนหนึ่งอายุเท่าๆกับข้า เธอน่ารักและมีน้ำใจพอๆกับวิเวียน ข้าชอบเธอมาก เจ้าเดาได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น”
โรแลนด์ดูเหมือนจะเดาเหตุผลว่าทำไมอัลโดถึงเป็นศัตรูกับสำนักงานใหญ่ “เด็กผู้หญิงคนนั้นเป็นอัจฉริยะและเธอได้สร้างแบบจำลองเวทมนตร์หรือมีส่วนช่วยอย่างมากจากนั้นสำนักงานใหญ่ก็ปกปิดผลลัพธ์ไว้?
ตามแนวความคิดปกติ โรแลนด์คิดว่าเรื่องราวแบบนี้น่าจะสมเหตุสมผลที่สุด
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” อัลโด้ปล่อยเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
โรแลนด์รู้สึกว่าเขาน่าจะไปรื้อฟื้นความทรงจำอันน่าเศร้าของอัลโด้ เขาคิดด้วยซ้ำว่าเด็กสาวคนนั้นน่าจะตายไปแล้ว…
ในที่สุดอัลโดก็หัวเราะสักพักแล้วก็หยุดลง การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป180 องศา ด้วยท่าทางเยือกเย็นเขากล่าวว่า “ไม่เจ้าเดาผิด คนที่พบผลลัพธ์ในการวิจัยเวทย์คือข้า ในตอนนั้นข้ามีความสุขมาก ข้าเล่าทฤษฎีเวทย์ของตัวเองให้เด็กสาวคนนี้ฟังและยังให้ภาพแบบจำลองแก่เธอด้วย วันรุ่งขึ้นเธอหายไปจากหอคอยเวทมนตร์ หลังจากนั้นไม่นานนักเวทย์หญิงอัจฉริยะปรากฏตัวที่สำนักงานใหญ่”
เชี่ย!
“ข้าไปที่สำนักงานใหญ่เพื่อเผชิญหน้ากับเธอ ข้ารู้สึกอับอาย แต่ข้าก็ยังค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอ ปรากฎว่าเธอเป็นญาติห่างๆของประธานสำนักงานใหญ่ ข้าจะไม่มีวันลืมช่วงเวลานั้นเมื่อเธอโยนเหรียญทองยี่สิบเหรียญใส่ข้าอย่างหยิ่งผยองโดยบอกว่านี่เป็นเศษเงินที่มอบให้ข้า” อัลโดปิดหน้าและหัวเราะอย่างบ้าคลั่งอีกครั้งเสียงหัวเราะแหลมและเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “เจ้ารู้ไหม? ตอนนั้นยิ่งโกรธมากเท่าไหร่ตอนนี้ข้าก็รู้สึกขี้ขลาดมากขึ้นเท่านั้น! ข้าไม่กล้ามองหน้าเธอด้วยซ้ำ”
“คุณไม่กล้าต่อต้านงั้นเหรอ?”
“ข้าไม่กล้า!” อัลโด้มองโรแลนด์ผ่านรอยแยกบนนิ้วมือของเขา การแสดงออกในดวงตาของเขาเหมือนสัตว์ร้ายที่ถูกขังอยู่ในกรง “ข้ายังมีพ่อแม่เพื่อนและญาติๆ ข้าไม่กล้า! ข้าไม่สามารถทำร้ายพวกมันด้วยความโกรธของตัวข้าได้ แต่เจ้าต่างออกไป…เจ้าเป็นบุครทองคำที่ไม่กลัวความตายและใจดีเป็นอย่างมากมาก”
โรแลนด์หลับตาลงเบาๆ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็เปิดมันขึ้นมาและถามอย่างจริงจังว่า “งั้นคุณก็อยากใช้ฉันมาตลอดสินะ!”
“หลังจากที่ฉันเห็นความบ้าคลั่งของบุตรทองคำสองคนข้าก็คิดแผนนี้ขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ใช่นักเวทย์ ดังนั้นข้าจึงไม่มีวิธีที่ดีในการเชิญชวนพวกเขา ในตอนที่ข้ากำลังเผชิญกับความยากลำบากเจ้าก็เข้ามา” อัลโดลุกขึ้นยืนและพูดด้วยเศษเสี้ยวของความเสียใจว่า “ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ในเมืองตั้งแต่ตอนที่เจ้าเข้ามา แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้มาหาข้า ข้าก็จะไปหาเจ้าอยู่ดี ในฐานะของใครสักคนที่เป็นนักเวทย์ แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้สร้างแบบจำลองเวทย์ขึ้นมา ทว่าข้าก็จะหาทางให้เจ้าต้องปะทะกับสมาคมอยู่ดี”
“ข้าเพียงแค่ไม่คิดว่าโอกาสมันจะมาถึงเร็วขนาดนี้”