หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) – ตอนที่ 67

ขอทานจำนวนกว่ายี่สิบถึงสามสิบคนล้อมรอบฮอร์กและลิงค์เอาไว้ และคุกเข่าต่อหน้าพวกเขาทั้งสองคนและถึงแม้ว่าจะมีความหวาดกลัวในดวงตาของพวกเขา แต่พวกเขาก็ฝืนและอดทนต่อไป

 

ในตรอกนั้นทั้งเปลี่ยวและเงียบมาก ฮอร์กมองไปที่กลุ่มขอทานพร้อมทั้งขมวดคิ้ว “อะไรทำให้นายคิดว่าพวกฉันจะช่วยเหลือพวกนายกัน…อะไรทำให้นายคิดแบบนั้น?”

 

ขอทานวัยกลางคนยิ้มอย่างสงบและพูดว่า “พวกท่านทั้งสองเป็นขาใหญ่ของที่นี่มาสักพักแล้ว พวกเราไม่เคยเห็นพวกท่านอดยาก แถมดูเหมือนว่าพวกท่านจะมีเงินมากพอที่จะซื้อเฟอนิเจอร์ใหม่ๆอีกด้วย นี่เองเป็นสิ่งที่ทำให้พวกข้าคิดว่าท่านจะช่วยให้พวกเราอิ่มท้อง พวกเรานั้นไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากทำตามคำสั่ง ตราบใดที่ท่านเติมเต็มท้อที่ว่างเปล่าของพวกเรา พวกเราก็จะทำทุกอย่างที่ท่านสั่ง”

 

เสียงจากถนนหลักดังอย่างแผ่วเบาเข้ามาในซอยนี้ กลุ่มขอทานยังคงคุกเข่าต่อไปสีหน้าของพวกนั้นดูจริงจังเป็นอย่างมาก

 

ลิงค์ขยับตัวเล็กน้อย เขามองไปที่ฮอร์กและทำท่าราวกับต้องการพูดอะไรบางอย่าง

 

ทว่าทันใดนั้นเองฮอร์กก็ยิ้มอย่างเย้ยหยันออกมา เขาคว้าคอเสื้อขอทานวัยกลางคนจนตัวขอทานนั้นลอยขึ้นมา

 

จากนั้นฮอร์กก็เหวี่ยงขอทานไปชนกับกำแพงของซอย

 

ใบหน้าของขอทานวัยกลางคนคนนี้บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เขาจับมือของฮอว์กและพยายามแกะออกเพื่อให้ตัวเองได้เป็นอิสระจากการลอยอยู่กลางอากาศ

 

อย่างไรก็ตามเขาเป็นเพียงขอทานที่ไม่สามารถเติมเต็มท้องที่หิวโหยของตัวเองได้ตลอดทั้งปี ในขณะที่ฮอร์กนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญถึงจะยังเลเวลน้อยอยู่ แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่ขอทานจะสามารถต่อกรด้วยได้

 

ตั้งแต่วินาทีที่ฮอว์กยกขอทานขึ้นมาจนถึงช่วงที่ขอทานกระแทกกับกำแพงมันเกิดขึ้นเพียงแค่ไม่กี่วิ การเคลื่อนไหวทั้งสองนี้รวดเร็วเกินไป

 

เมื่อขอทานคนอื่นๆเห็นดังนั้นกว่าครึ่งก็วิ่งหนีไปทันที และบางส่วนก็ถอยหนีไปเพื่อให้ตัวเองปลอดภัย ลิงค์ทำเพียงแค่จ้องมองไปที่ฮอร์ก

 

เขาไม่เข้าใจว่าทำไมฮอว์คถึงเลือกที่จะทำร้ายขอทานเหล่านี้ แต่ด้วฐานะเพื่อนทำให้เขาเลือกที่จะเงียบ

 

เมื่อถูกยกขึ้นด้วยวิธีนี้ขอทานวัยกลางคนก็พบว่ามันหายใจได้ยากขึ้นเรื่อยๆ และในไม่ช้าใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ฮอร์กเหวี่ยงขอทานลงพื้นและพูดอย่างเย็นชา “คำพูดที่นายพูดก่อนหน้านี้ใครสั่งให้นายเป็นพูด ขอทานอย่างนายไม่มีทางพูดแบบนั้นได้แน่ หากนายมีทักษะการพูดแบบนั้นอย่างน้อยนายก็น่าจะมีวิธีเติมเต็มท้องที่ว่างเปล่าของนายได้ นายไม่จำเป็นต้องเป็นขอทานเลยแม้แต่น้อย”

 

ขอทานส่ายหัวอย่างแรง

 

“ดูเหมือนว่านายยังไม่อยากจะพูดสินะ” การแสดงออกของฮอว์กค่อนข้างน่ากลัวเขายกขอทานขึ้นแล้วกระแทกเขาเข้ากับกำแพงอีกครั้ง

 

หลังจากเสียงดังขึ้นใบหน้าของขอทานก็ซีดลงในทันทีจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้ง เขาเริ่มไออย่างหนักจากนั้นเขาก็ส่ายหัวเร็วขึ้นและแรงขึ้น มือของเขาดูเหมือนจะพยายามที่จะแกะมือของฮอร์ก

 

“ยังไม่อยากพูดงั้นเหรอ” ฮอร์กทำท่าทางราวกับว่าเขากำลังจะกระแทกขอทานเข้ากับกำแพงอีกครั้ง

 

เมื่อได้ยินคำเหล่านี้ขอทานวัยกลางคนก็ยิ่งดิ้นรนอย่างดุเดือด

 

ในตอนนี้แลนซ์กล่าวว่า “ฮอร์กหมอนั่นโดนคอเสื้อรัดคออยู่ หมอนั่นพูดไม่ได้หรอก”

 

“ฉันรู้น่า ฉันตั้งใจทำแบบนี้เองแหละ” ฮอร์กโยนขอทานลงพื้นจากนั้นเขาก็นั่งยองๆและพูดด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัวว่า “ขอทานอย่างนายไม่มีทางพูดแบบนั้นได้หรอก บอกมาว่าใครใช้ให้แกพูดแบบนั้น?”

 

ขอทานอ้าปากค้างขณะมองไปที่ฮอร์กด้วยความหวาดกลัว หลังจากที่ร่างกายของเขาไม่ได้ขาดออกซิเจนเขาก็ลุกขึ้นนั่งและดันเท้าของเขาทันทีเพื่อขยับร่างกายไปข้างหลัง แต่น่าเสียดายที่ฮอว์กเหยียบลงไปที่ข้อเท้าของขอทานทำให้มันดิ้นหนีไปไหนไม่ได้

 

“ไม่! ขาข้าได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ!” ขอทานส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าสังเวช

 

ฮอร์กยังคงไม่ขยับ เขาพูดเสียงเย็นว่า “สองเดือนที่ผ่านมา ฉันฆ่าคนไปเกือบสองร้อยคนแล้ว ถ้าเพิ่มแกไปอีกสักคนมันก็ไม่เป็นไรหรอก ถ้านายไม่ยอมบอกว่าใครสั่งให้นายมา ฉันก็ไม่คิดจะปล่อยให้นายรอดหรอกนะ”

 

ในขณะที่พูดฮอร์กก็ค่อๆลงน้ำหนักไปที่เท้าของเขาเรื่อยๆ

 

ขอทานส่งเสียงกรีดร้องอีกครั้ง คราวนี้มีกระทั่งเสียงกระดูกที่ร้าวและแตกหักดังออกมาอย่างชัดเจน

 

ขอทานวัยกลางคนนั้นไม่ใช่คนที่เข้มแข็งอยู่แล้ว เขารีบคร่ำครวญออกมาทันที “ข้าจะบอก! ข้าจะบอกท่าน! ได้โปรดปล่อยข้าไปเถอะ!”

 

ฮอร์กถอนเท้าของเขาออกมา เขามองต่ำลงไปที่ขอทานราวกับมองมดปลวกจากนั้นเขาก็พูดว่า “เล่ามาสิ”

 

“มันคือกัปตันลูเซียนผู้พิทักษ์ของเมืองนี้”

 

หลังจากขอทานวัยกลางคนพูดจบเขาก็ลุกขึ้นและวิ่งออกไปทันที เขามองย้อนกลับมาในขณะที่เขาวิ่งและเมื่อเห็นว่าฮอว์กไม่ได้ไล่ตามเขาเขาก็ยิ่งวิ่งเร็วขึ้น

 

การแสดงออกของฮอว์กดูมืดมนมากขึ้นเมื่อเขาเฝ้ามองขอทานวิ่งหนีไป

 

แม้ในวันที่อากาศร้อนจัด แต่บรรยากาศในซอยก็ค่อนข้างหยาวเหน็บ ลิงค์ถอนหายใจและลูบผมยาวบนหน้าผากของเขาแล้วพูดอย่างเฉยเมยว่า “เขาต้องการอะไรกันแน่ถึงให้ขอทานมาเข้าร่วมกับพวกเรา… ปัญหาเพิ่มมาอีกอย่างแล้วสินะ เราย้ายที่พัฒนากันเถอะ ฮอร์กตอนนี้เรายังพอเหลือเหรียญทองอยู่เล็กน้อย พวกเราสามารถจ้างเกวียนดีๆเพื่อเดินทางไปยังเมืองอื่นได้อยู่นะ”

 

เสียงของแลนซ์ค่อนข้างนุ่มนวลและเต็มไปด้วยความคาดหวังในตอนท้าย

 

ทว่าฮอร์กกลับส่ายหน้าออกมา “ฉันจะไม่ยอดทิ้งปัญหาเอาไว้ ถ้าเราหนีไปในตอนนี้พวกเราก็ไม่ต่างอะไรจากหมาจรจัด”

 

“แต่ดูเหมือนว่าพวกเราจะตกเป็นเป้าหมายของพวกขุนนาง” ลิงค์ดูค่อนข้างเบื่อหน่าย “ฉันแค่อยากเล่นเกมอย่างมีความสุขและผ่อนคลาย ฉันไม่อยากเล่นเกมนี้เหมือนมันเป็นเพียงการต่อสู้และการเข่นฆ่าที่ไม่รู้จบ”

 

“ลิงค์นายมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว” ฮอร์กส่ายหน้า “ถึงแม้ว่าพวกเราจะย้ายไปเมืองอื่นจริงๆ แต่พวกเราก็จะเจอสถานการณ์แบบนี้อยู่ดี”

 

ลิงค์กัดริมฝีปากของเขา ก่อนพูดออกมาอย่างไม่มั่นใจว่า “แต่ถ้าเราไปเมืองอื่น พวกเราก็จะสามารถหาวิธีผูกมิตรกับพวกขุนนางได้ – เหมือนกับโรแลนด์ไง”

 

ฮอร์กคิดไปครู่หนึ่งจากนั้นเขาก็ฝืนยิ้มออกมา

 

ทันใดนั้นเองโรแลนด์ก็เดินเข้ามาภายในซอยและพูดในขณะที่กำลังเดินอยู่ว่า “ก่อนอื่นฉันต้องขอบอกไว้ก่อนนะว่า ฉันไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับขุนนางหรอกนะ”

 

ฮอร์กและลิงค์ต่างประหลาดใจที่ได้เจอกับโรแลนด์

 

เมื่อเห็นการท่าทางของพวกเขาโรแลนด์กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันแค่มีเรื่องอยากจะขอให้พวกนายช่วยนิดหน่อยหนะ ไม่คิดเลยว่าจะได้มาดูละครแบบนี้”

 

ฮอร์กละทิ้งความคิดของเขาไปก่อนจะพูดว่า “อย่ายืนคุยกันตรงนี้เลย เข้าไปคุยด้านในกันเถอะ”

 

ทั้งสามคนเข้าไปในบ้านและนั่งลง ลิงค์ก็เริ่มเสิร์ฟน้ำให้โรแลนด์

 

แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในเกม แต่ลิงค์ก็นำนิสัยของเขาเข้ามาใช้ด้วย

 

หลังจากที่โรแลนด์จิบน้ำ จากนั้นเขาก็พูดว่า “ต่อจากก่อนหน้านี้ ฉันไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกับขุนนางหรอก”

 

ลิงค์นั่งลงไปด้านข้างเขาและพูดว่า “แต่นายก็ได้เข้าหอคอยเวทย์”

 

“นักเวทย์นั้นมีสิทธิพิเศษ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่ขุนนาง แต่ก็มีสถานะที่สูงส่ง” โรแลนด์อธิบายออกมา “และที่สำคัญขุนนางไม่ได้มุ่งเป้าไปที่พวกนายเท่านั้น ฉันอยู่ในขอบเขตของการโจมตีของพวกเขาด้วยเช่นกัน แค่ตอนนี้พวกเขายังไม่ได้ทำอะไรก็เท่านั้น”

 

เมื่อฮอร์กและลิงค์คิดถึงเรื่องบัตรเชิญงานเลี้ยง ทั้งคู่ก็ถอนหายใจออกมา

 

ฮอร์กนึกถึงชื่อที่ขอทานทิ้งไว้ให้ในตอนท้ายแล้วถามออกมาว่า “นายคิดว่ายังไงโรแลนด์กับชื่อที่ขอทานคนนั้นบอกไว้?”

 

“น่าจะเป็นกลยุทธ์ยิงปินนัดเดียวได้นกสองตัวมากกว่า ถ้านายรับขอทานนั่นมาเท่ากับว่าขุดหลุมฝังตัวเองไปแล้ว นายจำเป็นต้องดูแลพวกนั้นและฟังคำบ่นหรือคำถากถางอยู่ตลอดเวลา” โรแลนด์เงียบไปพักหนึ่งและพูดว่า “ถ้าหากนายเลือกจะไปสู้กับลูเซียนนั่นล่ะก็ นายก็เหมือนจะเต้นอยู่บนฝ่ามือขอผู้อู่เบื้องหลังเรื่องนี้”

 

ฮอร์กพยักหน้า “นั่นคือสิ่งที่ฉันคิดเช่นกัน… เชี่ยเอ้ยเรามีข้อมูลน้อยเกินไป ไมว่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับผู้มีอิทธิพล การแบ่งเขตอำนาจ องค์กรณ์ต่างๆ พวกเราไม่รู้อะไรเลย แม้งยากแม้กระทั่งจะพยายามหาข้อมูลพื้นฐานในตอนนี้ด้วยซ้ำ”

 

“จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น” โรแลนด์ยิ้ม “ทำไมไม่ใช้แผนการของพวกเขาให้เป็นประโยชน์ล่ะพวกนายจัดกลุ่มขอทานจริงขึ้นมาดูสิ แน่นอนว่าขอทานพวกเมื่อกี้นายรับเข้ามาไม่ได้ พวกนายทั้งคู่มีสโมสรเกมขนาดใหญ่คอยสนับสนุนพวกนายอยู่แล้วพวกนายควรมีความสามารถในการจัดองค์กรและการระดมพล ยิ่งไปกว่านั้นความสามารถในการรวบรวมข้อมูลของขอทานก็ไม่น่าจะเลวร้าย”

 

“นายกำลังบอกว่า…เราควรสร้างสมาคมขอทานสินะ?”

 

โรแลนด์พยักหน้า “ใช่แล้ว ในเมื่อ NPC สามารถสร้างองค์กรณ์ของตัวเองได้ พวกเราก็สมควรทำได้เช่นเดียวกัน ในเมื่อเกมนี้มันให้อิสระสูงอยู่แล้วนี่”

Mage are too Op หฤโหดโคตรนักเวทย์

Mage are too Op หฤโหดโคตรนักเวทย์

Mage are too Op หฤโหดโคตรนักเวทย์
Score 6.9
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง Mage are too Op หฤโหดโคตรนักเวทย์ในฐานะผู้เล่นกลุ่มแรกที่เข้าสู่โลกแห่งฟาลาน เกมเสมือนจริงเกมแรกของโลก โรแลนด์ได้เริ่มตัวตนใหม่ของเขาในฐานะนักเวทย์ ทว่าการเป็นนักเวทย์นั้นแสนยากลำบากไม่เหมือนที่เขาเคยจิตนการไว้ ครั้งแรกที่เขาลองร่ายเวทย์หัวของเขาก็ระเบิดออกมา ผู้เล่นนักเวทย์คนอื่นๆต่างถอดใจและพากันลบตัวละครทว่าโรแลนด์ก็ยังคงดื้อดึงต่อไป โรแลนด์เริ่มพัฒนาความสามารถของตัวเองจนเชี่ยวชาญและพบเข้ากับพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาของตัวเอง ซึ่งทำให้เขาสามารถเปลี่ยนความคิดของผู้เล่นที่มีต่อนักเวทย์และค้นหาความลับของเกมนี้ได้….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset