หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) – ตอนที่ 85

บอลแสงทั้งสี่จากเวทมนตร์ลอยขึ้นไปด้านหน้าสอดคล้องกับการเคลื่อนไหวของโรแลนด์ที่กำลังก้าวเดินไปด้านหน้า

มันลอยอยู่ห่างจากโรแลนด์ราว 20 เมตร ทว่ามันก็สามารถส่องแสงสว่างนำทางด้านหน้าได้อย่างสมบูรณ์

ไม่ว่าใครก็ไม่สมควรมองข้ามเกี่ยวกับเรื่องเล็กๆ หลายต่อหลายครั้งการใส่ใจก็อาจจะช่วยให้สามารถจัดการพวกกับดับหรืออันตรายต่างๆได้

ถ้ำนี้นั้นไม่ได้กว้างนัก ทว่ามันก็สามารถรองรับคนสามคนเดินในแนวระนาบเดียวกันได้ จะพูดว่ามันแคบก็ไม่ถูกนัก

กลิ่นอับชื้นของดินโคลนลอยคละคลุ้งเข้าจมูกของทุกๆคน ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจมันมากนัก พวกเขาเดินต่อไปอย่างช้าๆ และพยายามไม่สนใจเกี่ยวกับกลิ่นมากนัก และในเวลาเดียวกันก็สำรวจพื้นที่รอบตัวอย่างระมัดระวัง

เมื่อพิจารณาจากรูปทรงผนังของถ้ำนี่น่าจะเป็นของเทียมที่ถูกสร้างขึ้นมา ฮอร์กถือโล่ในมือแน่นขณะที่กำลังเดินหน้าต่อ ผ่านไปสักพักเขาก็หยุดเดินอย่างกระทันหัน

ทุกคนต่างสับสนไปชั่วครู่ และจากนั้นพวกเขาก็เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้

ฮอร์กไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวเขาเพียงแค่ส่ายหน้าออกมา จากนั้นเขาก็ใช้มือไปคว้าโคลนออกมาจากกำแพงก่อนจะเลียมันเข้าไป และชิมรสชาติของมันด้วยปลายลิ้น

พวกเขาทั้งสี่ที่มองอยู่รู้สึกอึดอัดแปลกๆกับการกระทำของเขา ราวกับว่าพวกเขานั้นเป็นคนกินโคลนเสียเอง

จากนั้นฮอว์กก็โยนโคลนออกไปจากมือภายใต้การจ้องมองอย่างมึนงงของอีกสี่คนที่เหลือและกระซิบว่า “ฉันว่ามันแปลกๆ กลิ่นของถ้ำนั้นมันดู ‘สด’ เกินไป ดังนั้นฉันเลยลองชิมโคลน ถ้ำนี้ดูเหมือนพึ่งจะขุดได้มาไม่เกินสามปีเท่านั้น”

เจ็ทเบิกตากว้าง “พระเจ้า นี่คุณเป็นกัปตันจินเสี่ยวเว่ย (1) ในชีวิตจริงรึเปล่าเนี่ย?”

“ก็เชี่ยแล้ว ฉันจบวิศวกรรมโยธามาโว้ย” ฮอว์กพูดอย่างขมขื่น

อย่างไรก็ตามเจ็ทพยักหน้า “มันก็เหมือนๆกันนั่นแหละ ขุดๆเหมือนกัน”

“ต่างกันเยอะ” ฮอร์กยืนขึ้นและพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “อีกหนึ่งสร้างขึ้นบน อีกหนึ่งขุดลงล่าง นายสับสนระหว่างพวกนี้ได้ยังไงกัน”

จากนั้น เจ็ทก็สังเกตุถึงอะไรแปลกๆ “แล้วพวกนักเรียนวิศวะจำเป็นต้องเรียนเกี่ยวกับการชิมดินเพื่อให้รู้ว่ามันสร้างมานานเท่าไหร่เพื่อ?”

 

“ไม่มันก็แค่วิชาพิเศษเท่านั้น” ฮอร์กอธิบายออกมา “มหาลัยทุกแห่งล้วนมีอาจารย์ผู้สอนในสาขาวิศวกรรมโยธา และแต่ละคนก็มีความชำนาญที่ต่างกันออกไป อาทิเช่นสำหรับผู้ที่จบการศึกษาจากมหาลัยในราชวงค์ฉิง (2) พวกคณะวิศวกรรมที่นั่นก็จะมีการสั่งการและออกคำสั่งที่น่ากลัวแถมเคร่งเรื่องเวลามาก พวกนั้นเก่งในด้านการสร้างสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ภายในระยะเวลาสั้นๆ โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์และกำลังคนจำนวนมาก พวกเขานั้นเป็นตัวแทนด้านกองกำลังในหมู่วิศวกรรมโยธา

“อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยของเรานั้นไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ ภูมิหลังของเขาเดิมอยู่ในวงการโบราณคดี นี่คือเหตุผลที่เขาค่อนข้างเชี่ยวชาญในการใช้เครื่องมือและวัสดุก่อสร้างเพื่อสร้างอาคารที่มีรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์และเนื่องจากครั้งหนึ่งเขาเคยเป็นนักโบราณคดีเขาจึงมีนิสัยชอบชิมวัสดุก่อสร้างด้วยปากของเขาเพื่อตรวจสอบว่าวัสดุก่อสร้างมีนั้นมีคุณสมบัติดีพอหรือไม่ ฉันได้เรียนรู้เรื่องพวกนี้จากเขามานิดหน่อย”
เจ็ทกล่าวอย่างโง่งมและกล่าวว่า “เชี่ยเอ้ย ฉันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเสียเวลาในชีวิตเพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับอะไรครึ่งๆกลางๆเพื่อให้สอบผ่านเท่านั้นเลย คนที่สอนในมหาลัยชั้นสองนั้นล้วนแต่ไม่ได้มีสกิลพิเศษอะไรเลย”

 

โรแลนด์คิดว่ามันเป็นเรื่องปกติ อาจารย์ในมหาลัยของเขานั้นค่อนข้างเก่งในเรื่องปัญญาประดิษฐ์ ทว่าเมื่อไม่นานมานี้เขานั้นหายตัวไป เขาก็ไม่ได้รู้เหตุผลว่าเป็นเพราะอะไรอย่างน้อยก็ในตอนนี้

ทั้งสองพูดคุยกันเบาๆ และเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ

ตามจริงแล้ว เมื่ออยู่ในสถานที่ที่ไม่รู้ว่าจะเป็นอันตรายหรือไม่นั้นพวกเขานั้นควรที่จะเงียบ

ทว่าถ้าหากเงียบเกินไปมันก็คงส่งผลเสียแทน

ขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปข้างหน้าขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเสียงลมธรรมชาติและเสียงนกร้องและเสียงแมลงก็เริ่มถูกตัดออกจากภายนอก ถ้าหากพวกเขาไม่ได้พูดคุยกัน ก็จะเหลือเพียงแค่เสียงหัวใจเต้น เสียงฝีเท้า และเสียงของข้อต่อกระดูกเขาเท่านั้นที่ดังก้องอยู่ภายในทางเดิน

หากปราศจากเสียงส่วนประสมของธรรมชาติเหล่านั้น ด้วยเสียงที่เงียบก็จะให้พวกผู้คนตกลงสู่ความเครียด บางทีมันอาจจะทำให้พวกเขาเป็นบ้าเลยก็ได้ ถ้าหากพวกเขามีความต้านทานจิตใจที่ต่ำ

นี่เป็นเหตุผลที่พวกเขาคอยพูดคุยกันอย่างเงียบๆอยู่ตลอดเวลา โรแลนนั้นก็ไม่ได้ขัดการสนทนาของพวกเขา

ก่อนที่พวกเขาจะเข้าดันเจี้ยน พวกเขานั้นสันนิษฐานกันไว้ว่าพวกเขาจะเจอกับศัตรูเมื่อเข้ามาได้สักครึ่งทาง อย่างพวกวิญญาณร้ายหรือมอนส์เตอร์

อย่างไรก็ตามพวกเขากับจบลงด้วยการเดินเข้ามาในอุโมงค์หินยักษ์ขนาดยาวโดยการไม่ได้พบเจอกับศัตรูใดๆ

ทางด้านหน้าของพวกเขานั้นเหมือนจะเป็นสนามหิน และมันอยู่เกินระยะที่แสงสว่างจะส่องถึง

โรแลนด์ควบคุมบอลแสงสองลูกและส่งมันไปข้างหน้า ดังนั้นพวกเขาทั้งห้าจึงเห็นพื้นที่ข้างหน้าได้อย่างชัดเจน

 

มันเป็นพื้นที่รูปแบบสี่เหลี่ยม บนพื้นนั้นถูกปูด้วยหินสีเทาประหลาด และมีโลงศพหินนับร้อยตั้งอยู่เรียงกันรูปครึ่งวงกลมและมีแท่นทางเดินขึ้นไป

 

ขั้นบันไดนั้นสูงประมาณหนึ่งเมตรและด้านบนมีโลงศพสีขาวขนาดใหญ่ซึ่งดูโดดเด่นเป็นพิเศษท่ามกลางโลงศพสีเทาทั้งหมด

ด้านหลังโลงศพสีขาวมีเสาหินสีขาวทรงสูง มีเส้นสีฟ้าอ่อนเรืองแสงคล้ายกับเส้นเลือดค่อยๆโผล่ออกมาและจางหายไปจากเสาหินซ้ำไปซ้ำมาเรื่อยๆ

สถานที่แห่งนี้เงียบมาก มันเงียบราวกับอยู่ในความว่างเปล่าอากาศโดยรอบนั้นหนาวเหน็บเป็นอย่างมาก

ฮอร์กปล่อยลมหายใจยาวเหยียด หมอกสีขาวออกมาจากปากของเขา “สถานการณ์ตอนนี้เริ่มให้ความรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมาหน่อย เมื่อพวกเราเดินไปบนนั้น เส้นเรืองแสงพวกนั้นก็จะเข้ามายังร่างกายของพวกเราอย่างนั้นใช่ไหม? และจากนั้นกูลก็ตื่นขึ้นจากโลงศพหินสีขาวพร้อมกับดาบน้ำแข็งในมือและตะโกนออกมาว่าพลังอันไร้ขีดจำกัดแบบนั้นใช่ไหม? (3)”

“นายเล่น Maiden Scrolls (4) มากเกินไปแล้ว” เจ็ทท์หัวเราะและหยอกล้อออกมา “และบางทีนายอาจจะติดตั้ง LapSlap ไว้ด้วยสินะ (5)”

โรแลนด์ , ฮอร์กและลิงค์ต่างก็เผยรอยยิ้มลึกลับในเวลาเดียวกัน

เบทต้าถามด้วยความอยากรู้ว่า “Maiden Scrolls คืออะไรเหรอครับ?”

โรแลนด์เงียบไปชั่วขณะก่อนจะส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ลองไปเสิร์จเน็ตหาดูเอาเองนะ พี่อธิบายให้ฟังไม่ได้”

อีกสามคนหัวเราะออกมา

ในขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันและหัวเราะอยู่นั่นเอง พวกเขาเดินไปตามทางอย่างระวังก่อนจะเดินเข้าไปยังพื้นที่ครึ่งวงกลม

บอลแสงลอยอยู่บนอากาศ มีหินย้อยแหลมคมลอยอยู่เหนือพวกเขาในตอนนี้ยังไม่มีอันตรายอะไร

ในตรงใจกลางของโลงศพนับร้อยนั้นมีทางเดินแยกฝั่งออกเป็นสองทาง

พวกเขาทั้งห้าเดินเข้าไปและพึ่งมาถึงยันสุดทางเดิน ทว่าพวกเขาก็หยุดชะงัก ระยะสายตาของพวกเขานั้นถูกบดบังด้วยโลงศพ แต่พวกเขาก็พบว่าในท้ายสุดของทางเดินมีศพสี่ศพนอนอยู่ที่มุมขั้นบันไดใต้โลงศพสีขาว

“ระวังศพพวกนั้นด้วยมันน่าจะมีอันตราย” ฮอว์กเอียงโล่ไปด้านหน้าลำตัวและเดินไปข้างหน้าช้าๆ

ในขณะนี้โรแลนด์มีสีหน้าแปลก ๆ เขามองไปทางซ้ายและขวาทันใดนั้นก็พูดว่า “ทุกคนรอเดี๋ยว ฉันว่ามันมีอะไรไม่ถูกต้อง มันให้ความรู้สึกแปลกๆ”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้อีกสี่คนที่เหลือก็ถอยกลับทันทีและล้อมรอบตัวโรแลนด์ไว้ตรงกลาง

ฮอร์กมองดูทางซ้ายและขวาอย่างขยันขันแข็ง เพื่อพยายามหาศัตรู

เจ็ทเริ่มร่ายเวทย์เพิ่มค่าสเตตัสอย่างพวกเพิ่มพลัง , เสริมความเร็ว , เสริมความคล่องแคล่ว และอื่นๆ

 

บรรยากาศตึงเครียดในทันที

โรแลนด์พูดอย่างเงียบ ๆ “ถอยกันทีละนิดนะ”

ทุกคนถอยออกตามที่เขาบอก

เมื่อถอยกลับไปใกล้ทางเดินอีกสี่คนที่เหลือก็คลายความกังวลเล็กน้อย

ภายใต้การจ้องมองอย่างมึนงงของพวกเขาโรแลนด์กล่าวว่า “ฉันเป็นนักเวทย์และฉันสามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนของพลังจิตของผู้อื่นในระยะได้ ในตอนที่เราเดินกันไปตามทางเดินฉันสังเกตุได้ว่าโลงศพโดยรอบนั้นมีการส่งคลื่นพลังจิตหากัน บางทีอาจจะเป็นโลงศพที่แยกพวกมันออกจากกันซึ่งฉันจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อเข้าไปใกล้กว่านี้”

ทุกคนรู้สึกสั่นสะท้านเมื่อมองไปที่โลงศพโดยสัญชาตญาณ

เจ็ทถามขึ้นมาว่า “มีทั้งหมดเท่าไหร่งั้นเหรอ?”

 

“เกือบจะพวกมันทั้งหมด”

ในตอนนั้นเอง พวกที่เหลือทั้งสี่ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก ไม่แปลกใจว่าทำไมโรแลนด์ถึงมีท่าทีที่แปลกมาก

 

ฮอร์กนั้นตกใจสักพักก่อนจะอ้าปากพูดออกมาว่า “ฉันรู้อยู่แล้วว่าภารกิจดันเจี้ยนคงไม่ง่ายขนาดนี้”

 

(1) 金校尉 = พระเอกหนังเรื่องเกี่ยวกับการขุดสุสาน

(2) มหาลัยในราชวงค์ฉิง = มหาวิทยาลัยชิงหวา  清华大学

(3) Elder scroll = เกมในเครือ Skyrim

(4) Maiden scroll = Mod 18+ ของ Skyrim

(5) LapSlap = เว็บโหลด Mod เกม 18+

Mage are too Op หฤโหดโคตรนักเวทย์

Mage are too Op หฤโหดโคตรนักเวทย์

Mage are too Op หฤโหดโคตรนักเวทย์
Score 6.9
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง Mage are too Op หฤโหดโคตรนักเวทย์ในฐานะผู้เล่นกลุ่มแรกที่เข้าสู่โลกแห่งฟาลาน เกมเสมือนจริงเกมแรกของโลก โรแลนด์ได้เริ่มตัวตนใหม่ของเขาในฐานะนักเวทย์ ทว่าการเป็นนักเวทย์นั้นแสนยากลำบากไม่เหมือนที่เขาเคยจิตนการไว้ ครั้งแรกที่เขาลองร่ายเวทย์หัวของเขาก็ระเบิดออกมา ผู้เล่นนักเวทย์คนอื่นๆต่างถอดใจและพากันลบตัวละครทว่าโรแลนด์ก็ยังคงดื้อดึงต่อไป โรแลนด์เริ่มพัฒนาความสามารถของตัวเองจนเชี่ยวชาญและพบเข้ากับพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาของตัวเอง ซึ่งทำให้เขาสามารถเปลี่ยนความคิดของผู้เล่นที่มีต่อนักเวทย์และค้นหาความลับของเกมนี้ได้….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset