หฤโหดโคตรนักเวทย์ (Mage are too Op) – ตอนที่ 86

สิ่งของที่อยู่ในโลงศพสามารถเคลื่อนไหวได้จริงงั้นหรือ?

แม้พวกเขาจะรู้ว่าตัวเองนั้นคืนชีพได้ทว่าพวกเขาก็ยังคงกลัวอยู่ดี

เกมนี้แตกต่างจากเกมปกติ มันเหมือนจริงมาก พวกเขาจะทำอย่างไรถ้าดันเจี้ยนปิดลงเมื่อพวกเขาล้มเหลว?

ความเป็นไปได้ดังกล่าวไม่สามารถละเลยได้

พวกเขาถอยกลับไปที่ทางเข้าก่อนถึงแยกทางเดินและเตรียมวางแผนโดยละเอียดก่อน

สิ่งที่ “มีชีวิต” กว่าร้อยชีวิตไม่ว่าจะอ่อนแอแค่ไหนก็ถือว่าเป็นปัญหาอยู่ดี หากหนึ่งในพวกมันถูกรบกวนแล้วพวกมันที่เหลือนับร้อยโผล่ออกมาจากโลงศพล่ะ

ยิ่งไปกว่านั้นจากประสบการณ์การเล่นเกมในอดีตของพวกเขา สิ่งที่นอนอยู่ในโลงศพสีขาวน่าจะเป็นบอสของดันเจี้ยนแห่งนี้ ถ้ามันถูกรบกวนด้วยล่ะก็ปาร์ตี้ของพวกเขาต้องล่มแน่ๆ

พวกเขาอยู่ตรงบริเวณแถวๆก่อนถึงทางเดิน และครุ่นคิดกันอยู่

“ดันเจี้ยนนี้ไม่มีเคล็ดลับอะไรบอกไว้เลย” เจ็ทเกาหัวของเขา “มันเป็นปัญหาชะมัด”

ฮอว์กพิงที่มุมกำแพงและพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “ลองมองดูรอบๆสิ มันไม่มีจุดไหนที่ง่ายต่อการป้องกันหรือยากต่อการโจมตีเลย พวกทางเดินที่อยู่ด้านหลังเรานี่นับด้วยไหม?”

เบทต้ายังคงมองไปทางซ้ายและขวาดูเหมือนจะพยายามหาเบาะแสบางอย่างเพื่อผ่านดันเจี้ยนนี้ให้ได้

เบาะแสงั้นเหรอ?…โรแลนด์มองไปยังเสาหินขนาดใหญ่

ลวดลายเส้นสีฟ้าราวกับเส้นเลือดนั้นยังคงค่อยๆสว่างขึ้นและค่อยๆมืดลงอย่างช้าๆ มันดูค่อนข้างประหลาด มันซิกแซกไปผ่านเสาหินไปในทิศทางต่างๆ และมีความคล้ายคลึงกับตัวอักษรเล็กน้อย

เขาร่ายความสามารถทางอักขระใส่ตัวเองโดยสัญชาตญาณ!

ในอีกด้านหนึ่งฮอร์กและเจ็ทกำลังคุยกันว่าจะมีผีดิบจำนวนมากกระโดดออกจากโลงศพสีดำหรือไม่เมื่อพวกเขาเข้าใกล้โลงศพสีขาว

“มันน่าจะเยอะมากๆแน่นอน” เจทท์กล่าวอย่างมั่นใจ “นี่คือดันเจี้ยนถ้าไม่ต้องการการเอาชีวิตรอดจากการต่อสู้อันดุเดือดมันจะเรียกว่าดันเจี้ยนได้ยังไงกัน? นอกจากนี้วันที่สดใสกลับกลายเป็นคืนที่มืดมิดมันเป็นการบังคับฉากโดยภารกิจอย่างชัดเจน และนอกจากนี้ยังมีศพอยู่สามถึงสี่ศพอยู่ที่นี่อีกด้วย ทั้งหมดนี้บ่งชี้ว่านี่คือดันเจี้ยนขนาดเล็กระดับพื้นฐานเพื่อเป็นด่านเริ่มต้นเพื่อให้พวกเราเรียนรู้ว่าความตายนั้นไม่สำคัญนัก อย่างไรก็ตามปัญหาคือเราควรพยายามหลีกเลี่ยงความตายให้ได้มากที่สุด เพราะถึงอย่างไรก็ตามในการตายแต่ละครั้งพวกเรานั้นต้องสูญเสียค่าประสบการณ์ 10% จากทั้งหมดและสำหรับคนที่อยู่เลเวล 4 ขึ้นไป การตายหนึ่งครั้งหมายถึงการถูกลดระดับ”

“แต่มันไม่มีคำใบ้อะไรเลย” ฮอว์กเกาหัวและพูดอย่างช่วยไม่ได้ว่า “หลังจากที่เราปลุกบอสแล้วพวกมอนสเตอร์เหล่านั้นจะถูกแบ่งออกเป็นกี่เฟซ (Phase)? หรือพวกมันจะปรากฏตัวทีเดียวทั้งหมดพร้อมกัน?”

เบทต้าแทรกพวกเขาและพูดไปว่า “พวกเราควรเปิดโลงศพด้วยตัวเองก่อนไหมแล้วไล่ฆ่าพวกลูกสมุนก่อน แบบนี้เป็นไงครับ?”

มันก็ไม่ใช่วิธีที่แย่อะไรพวกเขาทั้งสามพยักหน้าและรู้สึกว่าวิธีนี้พอใช้ได้ อย่างน้อยที่สุดมันก็ดีกว่าให้ไปสู้กับ  บอสตรงๆ

 

ในขณะที่พวกเขาทั้งสี่คนกำลังตัดสินใจว่าจะใช้วิธีนี้ทันใดนั้นโรแลนด์ก็หันกลับมามองพวกเขาและพูดด้วยเสียงที่ค่อนข้างงุนงงว่า “ฉันทำภารกิจดันเจี้ยนสำเร็จแล้ว”

ในตอนนั้นพวกเขาที่เหลือทั้งสี่คนต่างไม่เข้าใจว่าโรแลนด์พยายามจะสื่ออะไร ฮอร์กถึงกับพูดว่า “ถ้ามันเสร็จแล้วถ้างั้น…”

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้สติกลับมาและตะโกนใส่โรแลนด์ว่า “อะไรนะ นายทำภารกิจของดันเจี้ยนเสร็จแล้ว!?”

พวกเขาที่เหลือจ้องไปที่โรแลนด์ด้วยความตกตะลึง

“พวกนายลองดูที่การแจ้งเตือนในระบบของพวกนายสิ” โรแลนด์รู้สึกว่านี่มันค่อนข้างเหนือความคาดหมายพอสมควรเลย

ทั้งสี่คนเปิดอินเทอร์เฟซเกมทันทีและตรวจสอบการแจ้งเตือนของระบบ

ตามที่คาดไว้…มันเป็นการแจ้งเตือนทั้งระบบเซิร์ฟเวอร์:“ ผู้เล่นโรแลนด์เป็นคนแรกที่ทำภารกิจดันเจี้ยนหลักได้สำเร็จ และได้รับสร้อยคอสงบใจเป็นรางวัลพิเศษ”

“ห๊ะ…ห๊ะ…ห๊าๆๆ!” ฮอร์กถึงกับหมดคำพูดทันที ทำได้เพียงแค่พูดอย่างตะกุกตะกัก “นายคื่นอยู่ตรงนั้นเฉยๆนี่ ไม่ได้ทำอะไรเลย ไม่แม้แต่จะเริ่มโจมตีบอสหรือสังหารพวกลูกสมุนด้วยซ้ำ นายทำภารกิจสำเร็จได้ยังไงกัน?”

เจ็ทพูดเสริมไปว่า “เกมบัคงั้นเหรอ?”

โรแลนด์ชี้ไปที่เสาหินและพูดว่า “นั่นเป็นภาษาเอลฟ์น่ะ มันเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับการเกิดขึ้นและการถูกทำลายลงของสุสานแห่งนี้น่ะ! ทันใดที่นายเข้าใจมัน ภารกิจจะถูกตัดสินทันทีให้เสร็จสิ้นและรางวัลภารกิจจะส่งมาให้กับตัวโดยทันที”

โรแลนด์พลิกมือขวาของเขาก่อนที่จะมีสร้อยคอคริสตันปรากฎอยู่ในอุ้งมือของเขา สร้อยนั้นมีแสงสว่างส่องออกมา เห็นได้ชัดว่ามันเป็นอุปกรณ์เวทย์

“นายอ่านภาษาเอลฟ์ได้?” แววตาของฮอร์กมีประกายของความสับสน

โรแลนด์พูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันรู้ความสามารถทางอักขระน่ะ”

“ฉันเคยได้ยินแค่ความสามารถทางภาษาเท่านั้น” เจ็ทกล่าวออกมาด้วยท่าทางสับสน “และฉันเองก็สามารถร่ายมันได้เช่นกัน ทว่าเวทย์ที่ทำให้เข้าใจในภาษานั้นฉันไม่เคยได้ยินมันมาก่อนเลย”

“ความสามารถทางอักขระเป็นเวทย์ที่พัฒนาได้มาจากความสามารถทางภาษา” โรแลนด์อธิบายออกมา “ฉันโพสต์แบบจำลองเวทมนตร์ของเวทย์นี้ในฟอรั่มของพวกนักเวทย์เรียบร้อยแล้ว ถ้าพวกนายลองค้นมันดูก็น่าจะเจอได้ไม่ยาก”

 

“ฉันไม่ใช่นักเวทย์ ฉันไม่อ่านเนื้อหาพวกนั้นหรอก!” จากนั้นฮอร์กก็ถามด้วยรอยยิ้มว่า “นายร่ายความสามารถทางอักขระให้พวกเราได้ไหม?”

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ถาม โรแลนด์ก็จะร่ายมันอยู่ดี

ผ่านไปประมาณห้านาทีทุกคนก็ทำภารกิจดันเจี้ยนสำเร็จ

จากนั้นการแจ้งเตือนของระบบก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาทุกคน:“พวกคุณทุกคนได้สำเร็จภารกิจประเภทดันเจี้ยนเรียบร้อยแล้ว เตรียมการออกจากดันเจี้ยน เริ่มนับเวลาถอยหลัง!”

10, 9, 8 …

ผ่านไปหลายวินาทีทิวทัศน์โดยรอบก็บิดเบี้ยวอีกครั้งและจากนั้นในการมองเห็นของพวกเขาก็พบเข้ากับฉากที่เปลี่ยนไปตรงหน้าอย่างสิ้นเชิง

เมื่อเทียบกับสุสานที่ดูค่อนข้างสมบูรณ์ก่อนหน้า สุสานในตอนนี้นั้นเต็มไปด้วยความวุ่นวาย

โลงศพทั้งหมดถูกเปิดออกแล้วและซากโครงกระดูกสีเหลืองจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่รอบๆโลงศพ

นอกจากนี้ยังมีอาวุธขึ้นสนิมหลายชนิดกระจายอยู่ทั่วพื้น

โลงศพสีขาวก็เปิดออกเช่นกันและเสาหินด้านหลังโลงศพไม่มีลวดลายเส้นสีน้ำเงินอีกต่อไป ภาษาเอลฟ์ได้หายไปแล้วเช่นกัน

สุสานแห่งนี้ถูกปล้นไปจนหมด

โรแลนด์และคนอื่น ๆ เดินขึ้นไปบนโลงศพสีขาวและมองดูภายในที่ว่างเปล่า พวกเขาทั้งหมดถอนหายใจออกมา

“ค้นหาความตายผู้บุกรุกสุสานแห่งนี้” โรแลนด์ถอนหายใจเบา ๆ

ในขณะนี้ภารกิจของพวกเขาเปลี่ยนไป จาก “ปลดล็อกสุสานลับของเมืองเดลพอน” ไปจนถึง “ไล่ล่าแวมไพร์และผนึกเขากลับเข้าไปในโลงศพสีขาว”

ในคำอธิบายสั้นๆ ของภารกิจต่อเนื่องนั้นล้วนแล้วแต่มีรายละเอียดอธิบายไว้อยู่

สุสานของแวมไพร์ที่ถูกปิดผนึกนี้ถูกปล้น

พวกโจรปล้นสุสานใช้กลยุทธ์ในการสังหาร “ผู้พิทักษ์” ในโลงศพสีดำเป็นอย่างแรกและหลังจากกำจัดอุปสรรคเหล่านี้แล้วพวกเขาก็เปิดโลงศพสีขาว

แวมไพร์ที่ถูกปิดผนึกมานานกว่าร้อยปีออกมาและดูดเลือดของผู้บุกรุกสุสานทั้งห้าทันทีจากนั้นก็หนีออกจากพื้นที่ปิดผนึกนี้ทันที

ซากศพใกล้โลงศพสีขาวที่โรแลนด์และคนอื่น ๆ เห็นในดันเจี้ยนนั้นเป็นกลุ่มโจรปล้นสุสานอีกกลุ่มหนึ่ง พวกนั้นไม่ได้เลือกที่จะจัดการพวกผู้พิทักษ์ก่อนและตรงเข้าไปเปิดโลงศพสีขาวทันทีทำให้พวกเขาถูกดูดเลือดจนแห้ง

อย่างไรก็ตามโลงศพสีขาวมีเวทมนตร์ในการยับยั้ง เมื่อโลงศพสีขาวเปิดออกแล้วผู้พิทักษ์จะถูกปลุกขึ้นมาเช่นกัน

แวมไพร์ถูกปิดผนึกโดยผู้พิทักษ์นับร้อยไม่นานและผู้พิทักษ์ที่ทำภารกิจนี้เสร็จก็เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

อย่างไรก็ตามสามปีต่อมาโดยไม่คาดคิดพวโจรรปล้นสุสานอีกกลุ่มหนึ่งบุกเข้ามา

โรแลนด์และคนอื่น ๆ จะได้รับประสบการณ์ให้เล่นเป็นบทโจรปล้นสุสานอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องตายภายในดันเจี้ยน

พวกเขานั้นถูกลิขิตให้ตาย แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะรอดชีวิตเพราะแวมไพร์นั้นเกือบจะเป็นระดับปรมาจารย์ จากนั้นหลังจากพวกเขาออกจากดันเจี้ยนไป พวกเขาก็จะได้รับภารกิจหลักอันใหม่นั่นก็คือคัดลอกข้อความภาษาเอลฟ์โบราณและหาใครสักคนแปลความหมายมันออกมา

มีน้อยคนที่เข้าใจการอักษรเอลฟ์โบราณในโลกมนุษย์ นี่เป็นภารกิจหลักที่ยาวนานมากและยังเป็นเพียงแค่ภารกิจเริ่มต้นอีกด้วย

จากนั้นผู้เล่นจะได้รับคำแนะนำทีละขั้นตอนเพื่อตามล่าตัวแวมไพร์

อย่างไรก็ตามโดยไม่คาดคิด โรแลนด์นั้นได้เรียนรู้ความสามารถทางอักขระ

ไม่เพียงแต่พวกเขาไม่จำเป็นต้องตายครั้งหนึ่ง พวกเขายังผ่านพวกภารกิจเริ่มต้นไปในทันที

Mage are too Op หฤโหดโคตรนักเวทย์

Mage are too Op หฤโหดโคตรนักเวทย์

Mage are too Op หฤโหดโคตรนักเวทย์
Score 6.9
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง Mage are too Op หฤโหดโคตรนักเวทย์ในฐานะผู้เล่นกลุ่มแรกที่เข้าสู่โลกแห่งฟาลาน เกมเสมือนจริงเกมแรกของโลก โรแลนด์ได้เริ่มตัวตนใหม่ของเขาในฐานะนักเวทย์ ทว่าการเป็นนักเวทย์นั้นแสนยากลำบากไม่เหมือนที่เขาเคยจิตนการไว้ ครั้งแรกที่เขาลองร่ายเวทย์หัวของเขาก็ระเบิดออกมา ผู้เล่นนักเวทย์คนอื่นๆต่างถอดใจและพากันลบตัวละครทว่าโรแลนด์ก็ยังคงดื้อดึงต่อไป โรแลนด์เริ่มพัฒนาความสามารถของตัวเองจนเชี่ยวชาญและพบเข้ากับพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดาของตัวเอง ซึ่งทำให้เขาสามารถเปลี่ยนความคิดของผู้เล่นที่มีต่อนักเวทย์และค้นหาความลับของเกมนี้ได้….

Comment

Options

not work with dark mode
Reset