เมื่อโรแลนด์มาถึงบ้านของเบทต้าเขาก็พบเข้ากับประตูถูกเปิดไว้ครึ่งหนึ่ เขาผลักปะตูจนสุดและเดินเข้าไปโดยไม่ลังเล
เมื่อเขาเข้าไปในห้องนั่งเล่นเขาเห็นผู้หญิงสองคนสวมกอดกันร้องไห้ บรรยากาศโศกเศร้าแผ่ซ่านไปทั่ว
ทั้งสองนั่นก็คือสาวใช้ของเบทต้าและสาวหน้ากระที่เป็นพี่สาวของเธอ
เบทต้ายืนดูพวกเขาอย่างอึดอัด ทันทีที่เขาเห็นโรแลนด์ เขารีบเข้ามาทักและพูดว่า “พี่โรแลนด์ครับ มีบางสิ่งผิดปกติที่นี่”
โรแลนด์มองไปที่ผู้หญิงสองคนที่กำลังร้องไห้และกอดกัน เขาพอจะเดาได้อยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าเขาก็ยังคงถามออกไปอยู่ดี “เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ครอบครัวของลิซ่าถูกทำร้ายร่างกาย พี่ชายคนโตและพี่สะใภ้ของเธอถูกฆ่าตายทันที พ่อแม่ของเธอหายตัวไปและศพของพี่ชายคนที่สองและสามและพี่ชายคนสุดท้องของเธอก็ถูกโยนทิ้งไปรอบๆบ้าน” เบทต้าถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อเขาพูดจบ
จริงๆแล้วมันก็เป็นแบบที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิด ในเมื่อลิซ่านั้นไม่ตาย ฆาตกรที่ดูน่าจะฉลาดแหละหยิ่งทระนงก็น่าจะวกกลับมาเพื่อจัดการ
ด้วยเหตุนี้โรแลนด์และเบ็ตตาจึงแนะนำให้ครอบครัวของลิซ่าออกจากเมืองนี้ ลิซ่ากลายเป็นสาวใช้ของเบทต้าดังนั้นเธอจึงค่อนข้างปลอดภัยและเนื่องจากพี่สาวของเธอมักจะอยู่ที่โรงเตี๊ยมในฐานะโสเภณี – สถานที่เช่นนั้นมักจะได้รับการคุ้มครองจากบุคคลสำคัญบางคน – เธอเองก็ค่อนข้างปลอดภัยด้วยเช่นกัน
นี่คือสาเหตุที่ผู้ที่พบกับหายนะคือสมาชิกในครอบครัวที่ดื้อดึงอยู่ในเมืองและย้ายออกไป
ในความเป็นจริงพ่อและแม่ของลิซ่าพนันกันว่าเบทต้านั้นจะปกป้องพวกเขาตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม เบทต้ารู้สึกว่าสิ่งที่โรแลนด์พูดครั้งก่อนนั้นสมเหตุสมผล เขาไม่สามารถปกป้องใครไปตลอดได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขานั้นตั้งใจจะช่วยพาครอบครัวนี้ย้ายไปอยู่เมืองอื่น
ทว่าพวกเขานั้นไม่ยินยอมและยังคงอยู่ต่อไปและท้ายที่สุดก็ตายอยู่ในเมืองนี้! สิ่งที่เขาทำนั้นถือว่าใจดีมากๆแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกผิดใดๆ ทว่าเขารู้สึกอึดอัดแปลกๆเมื่อได้เห็นผู้หญิงสองคนร้องไห้อยู่ตรงหน้า
ผู้หญิงสองคนนี้มีเหตุผลพอสมควร พวกเธอรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่สามารถโทษโรแลนด์และเบทต้าได้ ดังนั้นมันเป็นธรรมดาที่พวกเธอจะไม่ตะโกนอะไรไร้สาระอย่าง “ทำไมท่านไม่ปกป้องพวกเรา” ออกมา
แต่เรื่องเหตุผลก็เรื่องหนึ่ง ทว่าพวกเธอก็ยังรู้สึกเสียใจและเจ็บปวดอยู่ดีที่พ่อและแม่ของพวกเธอพบเจอกับความตายเพราะการกระทำของตัวเอง
“นายอยู่ที่นี่และคอยปกป้องสองคนนี้ไว้ บางทีศัตรูอาจมาที่นี่” โรแลนด์มองดูสภาพอากาศภายนอกและพูดต่อว่า “ฉันจะไปหาฮอว์กและคนอื่น ๆ เพื่ออธิบายสถานการณ์ให้พวกเขาฟัง”
เบทต้าพยักหน้า แม้ว่าโรแลนด์จะไม่ได้พูดอะไรเขาก็ตั้งใจอยูแล้วว่าจะทำเช่นนั้น
หลังออกจากบ้านของเบทต้าไปแล้ว โรแลนด์ก็ไม่ได้รีบเร่งออกจากเมืองไปในทันที สิ่งแรกที่เขาทำคือไปยังโบสถ์แห่งชีวิต
ภายในโถงกลางสำหรับสวดภาวนา โรแลนด์เห็นเจ็ทกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น พร้อมหันหน้าไปทางรูปปั้นของเทพธิดาแห่งชีวิต ดวงตาทั้งคู่ของเขาปิดลงด้วยท่าทางที่พยายามอุทิศตนเป็นอย่างมาก
ไม่มีใครอื่นนอกจากเจ็ทในโบสถ์แห่งชีวิต
โรแลนด์เดินเข้าไปข้างหลังเจ็ทแล้วถามว่า “นายสนใจที่จะทำภารกิจที่ไม่ได้รางวัลกับฉันไหม”
“ได้เลย” เจ็ทลืมตาและยืนขึ้น
“ฉันไม่ได้ขัดจังหวะการตั้งจิตอธิษฐานของนายใช่ไหม?”
“มันไม่ถือเป็นการขัดจังหวะหรอกหากเทพธิดายังอยู่ในใจฉัน”
โรแลนด์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “นายฟังดูเหมือนกำลังสวดมนต์ไหว้พระอยู่เลย”
“จริงๆแล้วมันค่อนข้างเหมือนกันพอสมควร” เจ็ทกล่าวอย่างชัดเจน “พระพุทธเจ้าเป็นเทพเจ้า เทพธิดาแห่งชีวิตก็เป็นเทพเจ้าเช่นกันเพียงแค่เปลี่ยนชื่อในคำอธิษฐานก็เท่านั้น”
การเชื่อในลัทธิปฏิบัตินิยม … โดยแท้จริงแล้วนี่น่าจะบอกได้ว่าเป็นผู้ที่เชื่อแบบผิดๆ
แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับโรแลนด์ เขาโบกมือให้เจ็ทแล้วพาเขาออกจากเมือง
โรแลนด์พบฮอว์กในไซต์ก่อสร้างที่อยู่ริมแม่น้ำ
เมื่อเห็นเขาฮอว์กรีบพาพวกเขาเข้าไปในบ้านหลังหนึ่งซึ่งสร้างขึ้นใหม่ แต่ยังไม่มีเฟอร์นิเจอร์อยู่ภายในบ้าน
ภายในห้องมีกลิ่นโคลนสดสำหรับบางคนกลิ่นนี้ค่อนข้างน่าพอใจ แต่บางคนก็ไม่ชอบมัน ซึ่งเจ็ทนั้นไม่ชอบมันเขาพยายามพ่นอากาศออกจากทางจมูกบ่อยครั้ง
“นายขอให้ฉันพาพวกขอทานให้คอยสอดส่องครอบครัวริทเตอร์ที่อยู่ในสลัม เมื่อไม่นานมานี้พวกขอทานมารายงานฉันว่าเกิดบางสิ่งขึ้น ฉันคิดไว้อยู่แล้วว่าเดี๋ยวนายก็ต้องมาหาฉัน” ฮอร์กดูอารมณ์ฉุนเฉียว “ฉันไม่รู้อะไรมากนักเพราะขอทานนั้นไม่ใช่นักสอดแนมชั้นเลิศ ทว่าคนร้ายน่าจะเป็นพวกอันธพาลจากทางเหนืออย่างแน่นอน พวกเขานั้นฆ่าลูกชายของครอบครัวริทเตอร์ในตอนกลางคืนจากนั้นก็ลักพาตัวคู่สามีภรรยา พวกนั้นมันหยิ่งผยองมาก และทำกับคนราวกับเป็นเพียงแค่แมลง”
โรแลนด์มองดูการแสดงออกของฮอว์กแล้วถอนหายใจ “ไม่จำเป็นต้องโกรธมากมายขนาดนั้นหรอก ไม่ใช่ว่าพวกเรารู้กันแล้วเหรอว่าในโลกนี้นั้นมนุษย์นั้นกินเนื้อมนุษย์ด้วยกันเอง? ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์อันน่าสะเทือนใจที่นายเคยเจอหรือแบบกรณีที่เบทต้าและฉันพบเด็กที่หายตัวไป พวกขุนนางเหล่านั้นไม่เคยปฎิบัติกับสามัญชนว่าอีกฝ่ายเป็นมนุษย์ มันก็เท่านั้นหละ”
เจ็ทรู้ว่าโรแลนด์นั้นเกี่ยวข้องกับคดีที่เด็กสาวหายตัวไปแต่เขานั้นไม่รู้เรื่องราวของการควักหัวใจที่ฮอร์กพบเจอมา ด้วยเหตุนี้ทำให้ตอนนี้เขาค่อนข้างงงเป็นอย่างมาก
“สิ่งที่ทำให้ฉันโกรธมากที่สุดคือพวกสามัญชนที่นี่ไม่มีความคิดที่จะต่อต้านเลยแม้แต่น้อย พวกเขาแค่ดีใจที่มันไม่ได้เกิดขึ้นกับพวกเขาราวกับว่าพวกเขานั้นยอมรับในชะตากรรม” ใบหน้าของฮอร์กนั้นเต็มไปด้วยความผิดหวังและความไม่พอใจ “นี่แม้งทำให้ฉันอยากเขียนมันเป็นนิยายลงในสมุดเล็กๆสีแดงเลยทีเดียว (1)”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เจ็ทก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “นั่นฟังดูน่าสนใจเลยทีเดียว ฉันว่ามันอาจจะทำได้ก็ได้”
เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนที่ชอบเข้าร่วมเรื่องสนุกๆและชอบสร้างปัญหามากมาย
อย่างไรก็ตามโรแลนด์ก็ส่ายหน้าออกมา “เป็นไปไม่ได้หรอก ทั้งความสามารถในการผลิต ความแข็งแกร่งในทางทหารในโลกนี้นั้นล้วนแล้วแต่อยู่ในมือของพวกผู้เชี่ยวชาญและเหล่าขุนนาง เนื่องจากพวกเขาสามารถใช้เวทย์เพื่อปรับปรุงพืชผลได้ ดังนั้นพวกเขาจึงได้ครอบครองที่ดิน และผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับอาชีพทางกายภาพที่มีอาวุธครบมือนั้นไม่จำเป็นต้องถึงระดับแนวหน้าด้วยซ้ำ เขานั้นก็สามารถจัดการชาวบ้านนับสิบได้สบายๆ ต่อให้ชาวบ้านพวกนั้นมีอาวุธด้วยก็ตาม ไม่ต้องพูดถึงหากเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับปรมาจารย์หรือระดับตำนาน ดังนั้นความแตกต่างในเรื่องความสามารถในการต่อสู้นั้นมากเกินไป โดยส่วนตัวแล้วฉันก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีการที่จะต่อสู้โดยตรง นอกเสียจากว่าพวกเราจะมีการเพิ่มระดับมากเพียงพอและมีองค์กรและมีอิทธิพลเป็นของตัวเอง ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือมันน่าจะดีกว่าที่ไม่ไปเป็นคนเริ่มอะไรอย่างเช่นการปฎิวัติ”
พวกเขาทั้งสามล้วนแล้วแต่เคยท่องจำเกี่ยวกับหนังสือกลไลและกลยุทธ์ทางการเมืองกันมาก่อนไม่งั้นพวกเขาก็คงไม่สามารถจบมหาลัยได้
ความจริงมันชัดเจนและเรียบง่ายมาก คือแค่ต้องมีพลังที่เพียงพอที่จะยึดอำนาจทางการเมืองได้ พวกเขาทั้งสองรู้สึกท้อแท้เมื่อได้ยินเช่นนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าโรแลนด์นั้นพูดถูก
เมื่อโรแลนด์เห็นว่าพวกเขาละทิ้งความคิดก่อนหน้าไปแล้วเขาก็พูดต่อว่า “ถึงแม้ว่าตอนนี้พวกเราจะไม่สามารถทำอะไรที่รุนแรงได้ แต่พวกเราก็ยังสามารถทำเรื่องเล็กๆบางอย่างได่อยู่ พวกเราลองไปเดินเล่นแถวๆชานเมืองในทิศตะวันออกกันไหม”
เจ็ทกล่าวด้วยสีหน้าร่าเริงว่า “ไม่มีปัญหา”
ฮอร์กพยักหน้า “รอแปปนะ เดี๋ยวฉันไปบอกลิงค์ก่อน”
ผ่านไปประมาณยี่สิบนาทีโรแลนด์และอีกสองคนก็มาถึงสลัมของชานเมืองในทางทิศตะวันออก
สิ่งต่างๆจำพวกกลุ่มอันธพาลล้วนแล้วเติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมที่ทุรกันดาล ในขณะที่รอบบ้านของขุนนางนั้นล้วนแล้วแต่มีทหารส่วนตัวและยาม พวกเขานั้นจะทำได้เพียงแค่ถูกทำร้ายอย่างรุนแรงเท่านั้น ดังนั้นพวกเขาจึงทำได้เพียงแค่รังแกคนธรรมดาทั่วไปและกัดกินผู้ที่อ่อนแอกว่าเพื่อเอาตัวรอดและขยายอาณาเขต
ในตรอกซอกซอยของสลัมนั้นเงียบมาก ไม่มีใครเดินไปมา
โรแลนด์มองไปรอบๆ บางครั้งเขาเห็นดวงตาของคนยากไร้แอบมองลอดผ่านรอยแตกทางหน้าต่างมา ทว่าเมื่อพวกเขาเห็นว่าโรแลนด์จ้องกลับไป พวกเขานั้นก็หายไปกับความมืดมิดและปิดหน้าต่างอย่างแน่นหนาทันที
ดวงตาของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความตื่นตัวและความหวาดกลัว
ในตรอกต่างๆนั้นมีกลิ่นเลือดโชยไปมาอยู่
***
APP Xiaohongshu เป็นแอพเกี่ยวกับโพสวีดีโอ ไลฟ์สด บทความ ขายของ ประมาณนั้น