เหมือนอย่างที่บาร์ดนั้นกล่าวอ้างไว้ การตรวจสอบของพวกเขาในตอนนี้นั้นค่อนข้างมีประสิทธิภาพดีมากเลยทีเดียว
โรแลนด์แสดงให้พวกเขาเห็นถึงเวทย์ที่พัฒนารูปแบบมาจากแขนเวทย์ และแสดงความสา มารถบางอย่างของมันออกมาพร้อมอธิบายหลักการสําคัญต่างๆ และเขาก็ผ่านการทดสอบเสียที
มันใช้เวลาน้อยกว่าชั่วโมงในตั้งแต่ต้นจนจบ
บาร์ดนั้นเรียกให้โรแลนด์มาคุยกับเขาเพียงลําพัง
ในห้องวิจัยของเขา บาร์ดที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกับโรแลนด์นั้นนั่งตัวตรงและท่าทางดูจริงจังมาก
ในตอนนี้เองโรแลนด์ก็สังเกตได้ว่าบาร์ดนั้นดูท่าทางไม่ดีเล็กน้อยและรอบดวงตาของเขานั้นมีรอยคล้ำอยู่
สามารถบอกได้เลยว่าเมื่อคืนเขาคงไม่ได้นอนอย่างแน่ชัด
“โลกใบนี้เปลี่ยนไปมากนั่นทําให้พวกเราต้องรู้สึกตกใจ” บาร์ตมมองเข้าไปในดวงตาของโรแลนด์และพูดอย่างเชื่องช้าว่า “ไม่มีข่าวเกี่ยวกับบุตรทองคําในเมืองหลวงเลยแม้แต่น้อยทว่าข้า สามารถบอกได้ว่าตอนนี้เรื่องราวที่คล้ายๆกันนี้คงไปถึงหูของพวกตระกูลขุนนางเรียบร้อยแล้ว”
โรแลนด์เปิดเปลือกตาของเขาขึ้นมาเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าทําไมจู่ๆบาร์ตถึงพูดเรื่องพวกนี้ออกมา
“ถ้าข้าต้องการเสนอให้เจ้ากลายมาเป็นนักเวทย์ประจําตระกูลของข้า เจ้าจะตอบรับข้อเสนอ นี้ไหม?”
โรแลนด์สะดุ้งไปครู่หนึ่ง “นายพูดมากระทันหันเกินไป ฉันอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าทําไมนายถึงตั้งใจจะเสนอเรื่องนี้กับฉันกันแน่ เมื่อไม่นานมานี้ความสัมพันธ์ของพวกเราทั้งคู่นั้นค่อนข้างเลว
บาร์ดพยักหน้า “ก็ใช่มันกระทันหันมากเกินไปหน่อย ข้าอยากจะให้เจ้าตอบคําถามข้าสักข้อ
“ได้ แต่ว่าขึ้นอยู่กับคําถามของนายด้วย!”
“มีบุตรทองคําอยู่ทั้งหมดเท่าไหร่กันแน่?”
“ห้าแสนคน”
โรแลนด์ตอบอย่างตรงไปตรงมา มันไม่ใช่ข้อมูลที่สําคัญอะไรนัก และถึงแม้ว่าโรแลนด์ไม่ได้พูดมันออกไปสุดท้ายพวกเขาก็จะรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ดี
ทว่าเมื่อบาร์ตได้ยินตัวเลขนั้น เขาก็อ้าปากค้างตัวยความตกตะลึงพร้อมอาการที่ตกใจกลัว
ใบหน้าของเขาขาวซีดจากความตื่นตกใจ
โรแลนด์นั้นแปลกใจว่าจํานวนห้าแสนคนนี้น่ากลัวงั้นเหรอ? นี่ไม่ใช่คนที่มีจํานวนมากขนาดนั้น มีคนเกือบล้านคนในเดลขอนและว่ากันว่าในเมืองหลวงของฮอลเลวิลนั้นมีคนเกือบสองล้านคน บาร์ดนั้นไม่ควรกลัวกับคนจํานวนเท่านี้
จากนั้นโรแลนด์ก็เห็นแก้วไวน์ผลไม้ในมือของบาร์ดนั้นสั่น ไวน์บางส่วนก็ทะลักออกมา
ตอนนี้บาร์ดดูเหมือนผู้ป่วยโรคพาร์กินสัน
จากนั้นบาร์ดก็ดื่มไวน์ทั้งหมดอย่างช้าๆ เมื่อเขาทําอย่างนั้นเขาก็เริ่มใจเย็นลงและค่อยๆกลับมาเป็นปกติในที่สุด
เขาวางแก้วไวน์ผลไม้ลงและแสร้งทําเป็นเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นและกล่าวว่า “ฉันยังคงอยากจะชวนนายอย่างจริงใจ พวกเราตระกูลบาร์ดนั้นยอดเยี่ยมมากกว่าหอคอยเวทย์มากๆ ไม่ว่าจะในเรื่องจํานวนหนังสือเวทย์ที่พวกเราสะสมไว้และทรัพยากรของพวกเรา ถ้าหากนายยอมรับที่จะเข้ามาเป็นนักเวทย์ภายในตระกูลของพวกเราแล้ว เจ้าจะได้ทรัพยากรอย่าง เดียวกันกับผู้สืบทอดของตระกูล และเจ้าไม่จําเป็นต้องแบกรับความรับผิดชอบหรือภาระหน้าที่ใดๆ”
ท่าทางของบาร์ดนั้นดูจริงจังเป็นอย่างมาก และโรแลนด์เองก็สัมผัสได้ว่าบาร์ดนั้นจริงจัง
ทว่านั่นยิ่งทําให้โรแลนด์รู้สึกงุนงงมากยิ่งขึ้น “ทําไมจู่ๆนายถึงมอบข้อเสนอดีๆแบบนี้ให้กับฉันกัน?”
“เจ้าแข็งแกร่ง แข็งแกร่งมาก” บาร์ดนั้นเริ่มพูดภาษิตฉบับดั้งเดิมของฮอลเลวิลออกมา “ พวก เราขุนนางนั้นจะยอมคุกเข่าข้างหนึ่งหรือกระทั่งยอมรับใช้ผู้ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความแข็งแกร่งและ พลังอํานาจ
เมื่อได้ยินโรแลนด์ก็แอบยิ้มอยู่ในใจ
มันอาจจะฟังดูดีก็จริง แต่แท้จริงแล้วมันคือการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ตนเอง
“ฉันขอเวลาคิดสักหน่อยละกัน!” โรแลนด์ตอบกลับบาร์ตไปด้วยชั้นเชิงหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ ตระกูลบาร์ดจะต้อนรับนายเสมอ” บาร์ดลุกขึ้นและพูดว่า “เอาละ ข้าจะขอกลับไปยังเมือง หลวงก่อน หากเจ้านั้นได้ไปยังเมืองหลวงหรือผ่านไปทางนั้น อย่าลืมมาเยี่ยมชมตระกูลข้าล่ะ”
มีคํากล่าวไว้ว่าอย่าโต้เถียงกับคนที่พยายามแก้ไขตัวเอง แม้ว่าโรแลนด์นั้นจะไม่ขอบบาร์ตมากนัก แต่ในเมื่ออีกฝ่ายยอมแพ้และไม่มีท่าทางเป็นปฏิปักษ์อีกต่อไปแล้ว ดังนั้นเป็นธรรมดาที่โรแลนด์จะไม่ทําตัวไม่มีมารยาท
ระหว่างเขาและบาร์ดนั้น มันก็แค่การที่ต่างฝ่ายต่างรู้สึกไม่ชอบใจอีกฝ่ายเสียมากกว่า พวกเขาไม่ได้มีความขัดแย้งกันทางผลประโยชน์หรือมีเรื่องบาดหมางกันถึงขั้นต้องเป็นชี้ตายกัน
“ถ้าวันนั้นมาถึง ฉันจะไปที่บ้านนายและไปพูดคุยกับนาย” โรแลนด์เองก็ยืนขึ้นเช่นกัน
บาร์ดยิ้มให้กับโรแลนด์และทันใดนั้นเขาก็พูดว่า “ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่กลายเป็นผู้สังหารหมู่พวกข้านะ!”
โรแลนด์นั้นครุ่นคิดกับคําพูดนี้ทันที
เมื่อพูดจบบาร์ดนั้นก็ออกจากหอคอยเวทย์ไปพร้อมพาเพื่อนและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาไปด้วย
วิเวียนนั้นผลักประตูก่อนจะเดินเข้ามา เธอวางขนมอบและผลไม้แห้งไว้บนโต๊ะจากนั้นก็เดิน เข้ามาหาโรแลนด์ซึ่งกําลังมองบาร์ตกําลังจากไปในระยะไกล
หลังจากผ่านไปสักพักเธอก็พูดขึ้นว่า “ท่านรองประธานเหตุผลท่านให้พวกข้าออกไปจากเมืองเพื่อหลีกเลี่ยงชายคนนั้นใช่ไหมคะ เขาเป็นคนอันตรายมากอย่างนั้นเหรอคะ?”
“เธอเห็นความตั้งใจของฉันได้ด้วยเหรอเนี่ย!” โรแลนด์ยิ้มออกมา
“พวกเรานั้นไม่ได้โง่เขลาค่ะ พวกเราทั้งหมดคาดเดาไว้อยู่แล้วว่าน่าจะเป็นเช่นนี้” วิเวียนพูดพร้อมกับถอนหายใจเล็กน้อย “ถึงขนาดที่ท่านประธานยังต้องหลีกเลี่ยงเขา เขานั้นน่าจะเป็น ขายที่เป็นปัญหาเป็นอย่างมาก ท่านทิ้งพวกเราไว้ที่นอกเมืองและขอร้องให้เพื่อนของท่านคอยปกป้องพวกเราไว้ ทว่ามันต้องเป็นอันตรายกับท่านมากแน่ๆ ที่ต้องเผชิญหน้ากับพวกเขาด้วยตัวคนเดียว พวกเราทั้งหมดรู้สึกอยากที่จะขอโทษและรู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก”
“จริงๆแล้วมันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเธอเลยแม้แต่น้อย ควรที่จะพูดว่าประธานและฉันเกือบทําให้พวกเธอทุกคนมีปัญหาเสียมากกว่า”
“ท่านคิดว่าพวกเราเชื่ออย่างนั้นจริงๆงั้นเหรอ?” ขอบตาวิเวียนแดงเล็กน้อย “ท่านรองประธานโปรดจําไว้ว่าพวกข้านั้นก็เป็นสมาชิกของหอคอยเวทย์เช่นกัน หากมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีกในอนาคตโปรดอย่ากีดกันพวกข้าออกไปเลย”
ไม่…มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเธอเลยจริงๆ
อย่างไรก็ตามวิเวียนนั้นเดินออกไปจากห้องวิจัยเสียก่อนที่โรแลนด์จะได้อธิบายออกไป
ในช่วงเวลาต่อมาโรแลนด์ก็พบว่าพวกนักเวทย์ฝึกหัดนั้นต่างมีความตั้งใจที่สูงมากจนผิดปกติพวกเขาออกไปนอกเมืองในตอนกลางวันเพื่อช่วยสร้างบ้านและเมื่อกลับมายังหอคอยเวทย์ ในตอนกลางคืนพวกเขานั้นก็ฝึกฝนเวทมนตร์ต่อจนถึงเที่ยงคืน
แต่เดิมนั้นพวกเขาก็ขยันมากอยู่แล้วและในตอนนี้นั้นพวกเขาก็ยิ่งขยันมากขึ้นไปอีกจนแทบจะตาย
ความขยันนั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี โรแลนด์คิดได้ดังนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้บอกความจริงแก่พวกเขาไป
เนื่องจากความสามารถทางภาษานั้นอยู่ในภาวะคอขวดและติดขัด โรแลนด์จึงไม่ได้ ศึกษาเวทย์ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมานี้
ในห้องสมุดของหอคอยเวทมนตร์เขาก็พบเข้ากับเวทย์อีกบนหนึ่งซึ่งน่าสนใจเลยที่เดียว
เวทย์หุ่นเชิด
มันเป็นหนึ่งในเวทย์ระดับศูนย์เช่นเดียวกันกับแขนเวทย์เรียกว่าเป็นเวทย์ที่ไม่ค่อยมีค่านัก
ทว่าโรแลนด์กลับคิดว่ามันน่าสนใจเลยทีเดียว
เวทย์ระกับศูนย์นั้นง่ายต่อการเรียนรู้ โรแลนด์มองไปที่แบบจําลองเวทย์และภายในเวลาไม่ถึงสิบนาที เขาก็เรียกหุ่นเชิดตัวสีฟ้าออกมาได้สําเร็จ
หุ่นตัวนี้นั้นสูงประมาณโรแลนด์ ทว่ามันกลับไร้ซึ่งตา จมูก และใบหน้ามันไม่มีอะไรเลย มันเป็นเพียงเวทย์ที่สิ่งที่มีรูปร่างที่เกิดจากพลังเวทย์
และยิ่งไปกว่านั้นสิ่งนี้นั้นไม่มีทั้งจิตวิญญาณและความนึกคิด ทว่ามันก็ได้รับความรู้และสัญชาตญาณบางอย่างของผู้อัญเชิญมา มันสามารถแยกได้ระหว่างมิตรหรือศัตรูและสามารถเข้าใจ ภาษาขั้นพื้นฐานได้เกือบจะทั้งหมด ความแข็งแกร่งของมันนั้นไม่ถือว่าเยี่ยม ดังนั้นมันจึงทําได้แค่ ช่วยนักเวทย์ในการทดลองหรืองานฝีมือบางอย่าง
สําหรับแขนเวทย์นั้นมันใช้สําหรับการยกของหนักดังนั้นมันจึงไม่สามารถทานที่ละเอียดอ่อน
ในทางตรงกันข้ามหุ่นเวทย์นั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์นั้น แต่นักเวทย์หลายคนกลับบอกว่ามันค่อนข้างไร้ประโยชน์
สิ่งนี้นั้นมันเป็นความรู้ซึ่งได้รับมาจากพวกนักอัญเชิญ ดังนั้นมันจึงเกิดข้อผิดพลาดในการทดลองอยู่บ่อยครั้ง ทั้งพวกวัสดุเวทย์ต่างๆก็ที่มีราคาแพงมาก และถ้าหากมันผิดพลาดอยู่หลายครั้งนักเวทย์ก็จะกลายเป็นคนยากไร้
ท้ายที่สุดแล้วจุดประสงค์ของสิ่งนี้นั้นมันก็แค่ใช้ทําความสะอาดและแจ้งเตือนยามที่มีศัตรู
ทว่ามันก็มีวิธีที่ง่ายกว่านั้นก็คือแค่สมัครนักเวทย์ฝึกหัดสองสามคนก็พอ
ยิ่งไปกว่านั้นการรักษาสภาพหุ่นเวทย์พวกนี้นั้นจําเป็นต้องใช้มานาอย่างต่อเนื่อง
หลังจากผ่านไปชั่วโมงหนึ่งจากการศึกษาแบบจําลองเวทย์ของเวทย์หุ่นเชิด ความคิดที่กล้าหาญและท้าทายที่เกิดขึ้นมาภายในความคิดของโรแลนด์