ไม่ใช่เรื่องยากที่จะปรับปรุงในเรื่องการรับรู้ของหุ่นเชิดเพียงอย่างเดียว
แต่นอกจากการปรับปรุงในด้านพื้นฐานแล้ว เขานั้นจําเป็นต้องพัฒนาทั้งความต้านทานของหุ่นเชิด , ความเร็ว , ความแข็งแกร่งและความสามารถในการแยกมิตรหรือศัตรู และอื่นๆ อีกมาก…มันน่าจะเป็นปัญหาอย่างมาก
หลังจากทดลองไปได้หลายครั้ง โรแลนด์พบว่าเขาสามารถทําได้สําเร็จอย่างมากก็แค่สองอย่างกับอีกครึ่งหนึ่งเท่านั้น โดยขึ้นอยู่กับจุดเวทย์และความสามารถของเวทย์ที่ใช้ในตอนนั้น
พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ เขานั้นสามารถเพิ่มความเข้าใจหุ่นเวทย์ , ความต้านทา และความเร็วบางส่วนซึ่งสังเกตุเห็นได้ยากได้
หุ่นเวทย์แบบนี้นั้นจะไม่มีความสามารถในการต่อสู้มากนัก
ถ้าหากความเร็วในการเคลื่อนไหวของมันไม่รวดเร็วพอมันก็จะกลายเป็นเพียงเป้าที่มีชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นความสามารถในการต้านทานของมันก็ไม่ได้แกร่งนัก ดังนั้นมันจึงไม่สามารถนำมาใช้เป็นป้อมเพื่อป้องกันได้
“ถ้าเพียงแค่รูปแบบเวทย์นี้มีจุดเวทย์และพื้นที่มากกว่านี้ละก็ฉันจะสามารถใส่พลังจิตเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม”
ทว่าโรแลนด์ก็ไม่สามารถหาวิธีที่จะขยายแบบจําลองเวทย์ได้
ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับเวทมนตร์ของเขานั้นยังคงขาดแคลนอยู่มาก
โรแลนด์ถอนหายใจออกมาและเดินไปรอบๆห้องสมุดอยู่พักหนึ่ง แต่เขาก็ไม่พบหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
มันก็ไม่น่าใช่เรื่องแปลก นักเวทย์ฝึกหัดนั้นไม่สามารถแม้กระทั่งจะเรียนเวทย์ระดับศูนย์ได้อย่างชํานาญ และนอกจากนี้ ที่นี่ไม่ได้เป็นศูนย์หลักของนักเวทย์ เป็นธรรมดาอยู่แล้วที่จะไม่มีหนังสือที่มีค่าถูกเก็บไว้อยู่ภายในหอคอยเวทย์แห่งนี้
การทดลองนั้นทําให้เขาเสียเวลาและพลังจิตเป็นจํานวนมาก หลอดมานาของเขานั้นเดือดแห้งและมานาที่เก็บไว้ในสร้อยคอก็ถูกนํามาใช้จนหมดเรียบร้อยแล้ว โรแลนด์นั่งลงในห้องวิจัยของตัวเองเพื่อพักและฟื้นฟูมานาจํานวนมากที่เขาเสียไประหว่างการทําการทดลอง
ทันใดนั้นเอง เบทต้าก็ใช้ระบบกิลด์ทักหาเขา
“ พี่โรแลนต์ รีบมาที่ป่านอกเมืองเร็ว ที่ที่พวกเราเคยไปค้นหาคนในรอบที่แล้ว ฮอร์กและคนของเขาจับคนที่น่าจะเป็นฆาตรกรได้แล้ว”
พวกเขาจับจอห์นงั้นเหรอ? โรแลนด์นั้นประหลาดใจ
จากนั้นเขาก็รีบไปยังป่าด้านนอกเมือง
มันมีผู้คนมากมายต่างรออยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้วในตอนนี้
ขุนนางหนุ่มหน้าตาดีจับเด็กสาวสามัญชนไว้เป็นตัวประกัน เขายืนพิงต้นไม้พร้อมท่า ทางที่ตื่นตระหนก
ห่างออกไปราวๆ 20 เมตร ทั้งทางซ้ายและขวา ฮอร์กและลิงค์ต่างขวางทางหนีของเขา ขณะที่เบทต้านั้นยืนอยู่ที่ด้านหน้าของเขา
พวกเขาทั้งสามนั้นมีสีหน้าไม่เป็นมิตร , ไม่พอใจและมีความตั้งใจที่จะสังหาร
ไกลออกไปเล็กน้อยมีฝนขนจํานวนมากยืนอยู่ใกล้ๆเพื่อสังเกตุเหตุการณ์
มันมีทั้งสามัญชน , ขอทานและแน่นอนขุนนางก็เช่นกัน
ขุนนางนั้นกับสนุกกันอยู่เมื่อเห็นเรื่องร้ายๆเกิดขึ้น พวกสามัญชนนั้นเองก็ดูเหมือนว่ากําลังสนุกกับมันอยู่เช่นกัน และเหล่าขอทานนั้นพวกเขานั้นมึนงงกับเรื่องที่เกิดขึ้น
ทั้งสามกลุ่มนั้นต่างแยกกันอย่างชัดเจน มีช่องว่างระหว่างพวกเขาทั้งหมด
เมื่อโรแลนด์เห็นขุนนางหนุ่มคนนี้ เขาก็ประหลาดใจที่มันไม่ใช่จอห์น
เขาเริ่มสํารวจขุนนางหนุ่มคนนี้ซึ่งมีเหงื่อท่วมและกําลังถือมีดสั้นจ่อไปที่คอของเด็กสาว
ใบหน้าของเด็กสาวซีดเซียวไร้ร่องรอยของเลือด ตัวของขุนนางหนุ่มเองนั้นก็ดูหวาดกลัวเช่นเดียวกัน
โรแลนต์เดินไปหาเบทตาและถามว่า “เขายอมรับแล้วงั้นเหรอ?”
เบทต้าพยักหน้า “เขายอมรับแล้วครับ ตอนนี้เขาจับตัวประกันไว้ เขาขอให้พวกเราออกไป ไม่งั้นเขาจะฆ่าตัวประกันทิ้งซะ”
โรแลนต์รู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ฆาตกรนั้นเริ่มก่อเหตุอย่างน้อยก็สองสามปีแล้ว และฆ่าเด็กสาวไปกว่าสามสิบคนและ จากฉากฆาตกรรมใครก็สามารถบอกได้ว่าฆาตกรคนนี้นั้นต้องโรคจิตเป็นอย่างมากและต้องเป็นใครสักคนที่ฉลาดเป็นอย่างมาก ไม่มีทางที่เขาจะดูกลัวจนหมดปัญญาแบบนี้ และยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่ที่เขาจะถูกจับในที่แบบนี้ มันดูโง่เง่าเกินไป
มันเหมือนกับว่าเขาถูกบังคับให้ทํามัน
โรแลนต์หัวเราะออกมาเบาๆ
ขุนนางหนุ่มมองเหยี่ยวและลิงค์อย่างประหม่าและหลังจากนั้นไม่นานเขาก็สังเกตเห็นโรแลนด์
จากนั้นม่านตาของเขาก็หดตัวและร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว “นักเวทย์! บอกให้ นักเวทย์ออกไปซะ เร็วสิรีบออกไปสิ หรือจะให้ข้าฆ่าเด็กสาวทิ้งสักคน”
เขาดูตกใจเป็นอย่างมากร่างกายของเขาก็เริ่มสั่น มีตในมือของเขาสั่นและบาดไปที่คอของตัวประกันสาวโดยไม่ตั้งใจ เลือดเริ่มไหลออกจากคอของเธอ
เด็กสาวนั้นรู้สึกเจ็บปวด เธอร้องไห้ออกมาอย่างหนัก ทว่าก็ไม่กล้าขยับตัว เธอเพียงแค่กัดปากของตัวเองอย่างแรงจนเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีเลือดไหลออกมาจากริมฝีปากของเธอ
โรแลนด์ถอยหลังกลับไปปอย่างช้าๆ
“ถอยไปอีก” ขุนนางหนุ่มตะโกนออกมาและเขาก็รีบเหลือบมองไปที่รอบด้านอย่างรวดเร็วเพื่อดูว่าฮอร์กและคนอื่นๆเข้ามาใกล้เขาหรือไม่ เขาดูระวังตัวเป็นอย่างมาก
โรแลนด์ถอยหลังออกไปอีกสิบก้าว
จากนั้นท่าทีที่บ้าคลั่งของขุนนางหนุ่มก็สงบลงเล็กน้อย ผู้ใช้เวทย์นั้นมีพลังที่น่ามหัศจรรย์ ไม่มีใครกล้ากล่าวอ้างว่าพวกเขาไม่รู้สึกกลัวเมื่อเจอกับนักเวทย์
“ปล่อยข้าไปเถอะ ข้าจะปล่อยผู้หญิงคนนี้เช่นกัน” ขุนนางหนุ่มตะโกนอย่างสุดเสียง
ทว่าโรแลนด์และคนอื่นๆไม่สนใจเขาและยืนนิ่ง
ในขณะที่อีกฝั่ง มีเสียงหัวเราะของเหล่าขุนนางดังขึ้นมาแต่ไกล
เมื่อเห็นเบทต้าและคนอื่นๆไม่ขยับ ขุนนางหนุ่มก็ตะโกนออกมาด้วยความสิ้นหวังว่า “ข้านั้น เป็นขุนนาง ดังนั้นจะเป็นอะไรไปถ้าข้าเล่นกับผู้หญิงแค่ไม่กี่คน! เพื่อผู้หญิงเหล่านั้นเจ้าถึงต้องการให้ข้ารายงั้นเหรอ มันไม่สมเหตุสมผล มันไม่สมเหตุสมผลเลยแม้แต่น้อย!”
โรแลนด์สัมผัสได้ถึงความเสียใจในน้ำเสียงของเขา
“ข้าจะพูดอีกครั้งข้าเป็นขุนนาง!” ชายหนุ่มคํารามด้วยน้ำเสียงวิงวอน “ปล่อยข้าให้เป็นอิสระ แล้วข้าจะให้เงินพวกเจ้าในจํานวนที่มากเพียงพอที่จะซื้อผู้หญิงพวกนี้ได้นับโหล”
ฮอร์ก ลิ้งค์ และเบทต้าต่างหัวเราะเยาะเขา
พวกเขานั้นมองไปที่ขุนนางหนุ่มคนนี้ราวกับคนโง่
ในตอนนั้นโรแลนด์ก็พูดขึ้นมาว่า “ฉันจะปล่อยนายไปก็ได้ แต่นายต้องบอกว่าใครคือผู้สมรู้ร่วมคิดอีกคน”
ชายหนุ่มตัวแข็งไปครู่หนึ่งแล้วร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ข้าไม่มีคู่หู ไม่มีข้าเป็นคนทําเองทั้งหมด!”
จากนั้นเขาก็มองเข้าไปภายในเมือง ทว่าวิสัยทัศน์ของเขาก็ถูกขวางกั้นไว้ด้วยกําแพง จากนั้น เขาก็มองไปที่โรแลนด์พร้อมยิ้มออกมาอย่างน่าอนาถ “ข้าได้ทําทุกอย่างแล้ว แต่ถ้าพวกเจ้าอยากให้ข้าตาย ข้าก็จะตาย”
ในตอนนั้นเอง รอยยิ้มของขุนนางหนุ่มที่ดูสิ้นหวังนั้นก็มีล่องรอยของความโล่งอกแฝงอยู่เล็กน้อย
โรแลนต์ตะโกนออกมา “หยุดเขาชะ เขากําลังจะฆ่าตัวตาย”
วูชชช เบทตาพุ่งตรงเข้าไปหาเขาอย่างรวดเร็วจนเหลือเพียงแค่เงาติดตาที่ทิ้งเอาไว้
ทว่ามันก็สายเกินไป ถึงแม้ว่าเบทต้านั้นจะสามารถจับตัวชายหนุ่มได้สําเร็จ ทว่าชายหนุ่มก็ได้แทงเข้าไปที่หัวใจของตัวเองเรียบร้อยแล้ว
พิกเซลจํานวนมากโผล่ออกมาจากบริเวณหน้าอกและด้านหลังของเขา
สําหรับการบาดเจ็บเช่นนั้นไม่มีทางที่จะรักษาได้อีกต่อไป ถึงแม้ว่าจะใช้เวทย์รักษาระดับสูงก็ตาม
ชายหนุ่มร่วงลงกับพื้น แววตาที่ไร้วิญญาณของเขามองตรงขึ้นไปยังท้องฟ้า หลังจากแขนและขาของเขากระตุกอยู่สองสามครั้ง สัญญาณของการเคลื่อนไหวทั้งหมดก็หายไป
เด็กสาวกรีดร้องรีบนํามือกุมคอของเธอเอาไว้และวิ่งเข้าไปในเมือง เธอกลัวจนแทบจะตายอยู่แล้ว
โรแลนด์เดินเข้าไปยังร่างของขุนนางหนุ่มและถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเขามองไปที่ศพ ศพก็เริ่มสูญเสียความอุ่นไปช้าๆ
กลุ่มขุนนางยังคงมองมาที่พวกเขา ในขณะที่พวกสามัญชนและขอทานนั้นต่างค่อยๆทยอยแยกย้ายกันออกไป
ไม่กี่นาทีต่อมาขุนนางสองคนที่อายุก็เดินเข้ามาใบหน้าของพวกเขาดูตกตะลึงเป็นอย่างมาก พวกเขากอดศพของชายหนุ่มและร้องออกมาว่า “พี่!” น้ำตาของพวกเขาไหลพรากออกมา
นึ่งในพวกเขานั้นร้องไห้และแอบเหลือบมองมาทางโรแลนด์และเบทต้าเป็นระยะๆ
ตวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
เบทต้านั้นรู้สึกได้ถึงการจ้องมองของชายหนุ่ม เขาจึงเดินไปข้างๆโรแลนด์และพูดว่า “พวกเราควรถามรายละเอียดจากพวกเขาดีไหม? เรื่องนี้มันดูแปลกอย่างเห็นได้ชัดเขาดูเหมือนว่าจะเป็นแพะรับบาปเสียมากกว่า”
“ พี่เห็นด้วย” โรแลนด์พูดด้วยเสียงเบา “พวกเราลองแกล้งทําเป็นว่าเรื่องนี้จบแล้วดีไหม หลังจากนี้ที่จะให้ฮอร์กถอนคนที่คอยติดตามจอห์นออก”
“พยายามล่อให้เขาออกมาใช้ใหมครับ?”
โรแลนด์พยักหน้าเบาๆ