ตอนที่ 99 พ่ายแพ้
ยอร์ก โรแลนด์ และเบทต้านั้นเดินออกไป
ฝูงคนขอทานและสามัญชนแยกย้ายกันไปเหลือเพียงขุนนางที่คอยดูแลอยู่ห่างๆ บุคคลขั้นสูงที่แต่งตัวดีเหล่านี้ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเป็นระยะๆ
ดูเหมือนว่าการตายของขุนนางหนุ่มทําให้พวกเขามีความสุขเป็นอย่างมาก
โรแลนด์มองไปที่ขุนนางกลุ่มเล็กๆอยู่ครู่หนึ่งก่อนถอนหายใจเล็กน้อย แล้วเดินไปที่ด้านหน้าของขุนนางหนุ่มทั้งสอง
เมื่อเห็นคนหนุ่มทั้งสองร้องไห้ออกมาอย่างขมขึ้นขณะโอบกอดร่างกายของพี่ชายคนโตไว้ภายในอ้อมแขน โรแลนด์ก็รอจนกระทั่งพวกเขาไม่มีแรงที่จะหลั่งน้ําอีกต่อไปแล้วพูดอย่างช้าๆว่า “พวกนายมาจากตระกูลอะไรกัน? แล้วพ่อแม่ของพวกนายสะ?”
ขุนนางหนุ่มคนนี้ตายไปเป็นเวลานานพอสมควรแล้วและพวกน้องชายของเขาก็วิ่งมาหาเขาแล้ว ไม่มีเหตุผลที่พ่อแม่ของพวกเขาจะยังไม่ทราบข่าว
เมื่อได้ยินคําพูดของโรแลนด์เด็กชายก็เงยหน้าขึ้นมองเขา
เด็กชายที่โตกว่ามีความโกรธในดวงตาของเขา แต่ไม่ได้มีความเกลียดชังมากนัก
แต่กลับเด็กขายอีกคนจ้องมองโรแลนด์อยู่ครู่หนึ่งควงขาของเขาแดงจากการร้องไห้ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังและความโกรธ
ทันใดนั้น เขาก็ยืนขึ้นและพุ่งตัวเข้าไปหาโรแลนด์พร้อมตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “ข้าจะฆ่าเจ้า ไอฆาตกร!”
โรแลนด์เหยียดขาออกและเตะเด็กขายจนล้มกลิ้งไปมา
ขุนนางหนุ่มคนนี้นั้นเป็นเพียงแค่คนธรรมดา ถึงแม้ว่าโรแลนด์จะเป็นนักเวทย์ แต่ในตอนนี้เขาก็เลเวลสี่แล้วและถึงแม้ว่าการเติบโตของค่าสถานะร่างกายของเขาจะต่ํากว่านักรบ เขาก็ยังคงแกร่งกว่าคนธรรมดา
ปฏิกิริยาของเขาเร็วกว่าคนทั่วไปมาก
หลังจากที่เด็กขายถูกเตะไปที่หลัง เขาก็นอนคว่ําพร้อมจ้องมองพื้นไปด้วยสายตาที่ว่างเปล่าอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเขาก็ร้องโหยหวนออกมาด้วยความเจ็บปวดจากนั้นเขาก็ใช้หมัดทุบพื้นอย่างแรงจนมือของเราเริ่มฉีกขาด
เด็กชายอีกคนหันไปมองน้องชายของตัวเอง ก่อนหันกลับมาเผชิญหน้ากับโรแลนด์ “ได้โปรด โปรดให้พวกข้าได้เก็บศพของพี่ชายพวกเราด้วยเถิด และถ้าหากคุณมีเวลาโปรดมาหาข้าเงียบๆที่บ้านของพวกเราในคืนนี้ ข้ามีบางสิ่งที่ต้องการจะบอกคุณ”
เมื่อพูดจบ เด็กหนุ่มที่เงียบลง และริมฝีปากของเขาก็ไม่ได้ขยับขึ้นมาอีก
ทว่าโรแลนด์ก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน
เรื่องราวชักน่าสนใจขึ้นมาแล้วสิ…โรแลนด์ทําราวกับว่าตัวเขานั้นไม่ได้ยินอะไรจากนั้นก็หันหลังและจากไป
พวกขุนนางยังคงหัวเราะกันอย่างมีความสุขอยู่ด้านข้าง เมื่อโรแลนด์เดินผ่านพวกเขา พวกขุนนางก็เบาเสียงของพวกเขาสงทว่ารอยยิ้มเยาะเย้ยก็ยังไม่ได้จางหายไป
โรแลนด์ไม่อยากรับมือกับคนพวกนี้ เพราะถึงอย่างไรพวกเขานั้นก็ไม่ใช่คนในโลกเดียวกัน ทั้งทางจิตใจและทางกายภาพ
ทว่าเมื่อโรแลนด์กําลังเดินไปพันกลุ่มนี้ เขาก็ได้ยิน แม้ว่ามันจะเบาทว่าเขาก็ยังคงใต้ นมันเล็กน้อย ดูเหมือนว่าพวกนั้นจะตั้งใจทํา
“เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นทูตแห่งความยุติธรรมอย่างนั้นเหรอ? ชีวิตของพวกไร้ค่าพวกนั้นมีค่าไม่ถึงเหรียญเงินตัวยซ้ํา เจ้าพวกนั้นมีค่าเพียงพอที่เจ้าต้องเรียกร้องและต่อสู้อย่างนั้นหรือ?”
โรแลนด์หยุดและหันกลับมามองขุนนางที่เป็นคนพูด
เขานั้นเป็นชายหนุ่มที่ดูท่าทางอวดดี
โรแลนด์ชี้นิ้วไปทางเขา “ออกมา!”
“ข้าจะไม่ออกไปหรอก เจ้ากล้าทําร้ายข้าต่อหน้าคนจํานวนมากอย่างนั้นเหรอ?” ขุนนางหนุ่มพูดออกมาด้วยคําพูดที่ขี้ขลาดที่สุดภายใต้ท่าทางที่ดูหยิ่งยโสที่สุด
โรแลนด์นั้นเข้าใจถึงความหมายของคําพูดของขุนนางหนุ่มได้ดี นอกจากขุนนาง คนอื่นๆนั้นก็ไม่ใช่มนุษย์
ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนเขาจะคิดว่าโรแลนด์จะไม่กล้าทําท่าทีที่รุนแรงต่อหน้าพวกขุนนางทั้งหลาย
เมื่อทําจนเกินเหตุจะถือว่าเป็นการไม่ไว้หน้าขุนนางคนอื่นๆ
ถ้าทําตัวหยาบคายก็เท่ากับว่าเป็นการเหยียบย่ําศักดิ์ศรีของขุนนางคนอื่น
โรแลนด์หัวเราะออกมาเบาๆ
ในตอนที่เขายังเป็นนักเรียนมัธยมปลายอยู่นั้น เขากล้าจัดการพวก “นักเลง” ต่อหน้าอาจารย์ด้วยซ้ํา เขา ชัค และอีกสี่คนที่เหลือนั้นย่างเป็นเพื่อนสมัยเด็กที่ต่อยตีกับพวกนักเลงรุ่นพี่อยู่บ่อยครั้ง
ในสังคมที่สงบสุขแม้ว่าจะมีมาตราการควบคุมที่มากมาย เขาก็กล้าที่จะพุ่งตรงออกไปด้วยความโกรธ
ในโลกที่ไร้ซึ่งกฎหมาย และยิ่งเป็นในโลกแห่งเกม ทําไมเขาต้องทําตัวขี้ขลาดและอดทนมากยิ่งกว่าตอนที่เขาอยู่ในโลกจริงด้วยล่ะ?
หลังจากเขาหัวเราะ เขาก็ยกแขนของเขาขึ้นมา
บอลเพลิงขนาดเล็กพุ่งตรงไปแผดเผาใบหน้าของขุนนางหนุ่มผู้หยิ่งยโสในทันที และหลังจากเกิดเสียงระเบิดขึ้น ขุนนางหนุ่มก็กลิ้งไปกับพื้น พร้อมกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
โรแลนด์นั้นลดพลังเวทย์ของบอสเพลิง และทําให้มันมีพลังทําลายที่ลดลงอีกด้วย ความรุนแรงของมันก็แค่ราวๆประทัดเท่านั้น
ทว่าถึงอย่างนั้นมันก็ทําให้ขุนนางหนุ่มตกใจจนเลือดตาแทบกระเด็น ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ได้รับความเจ็บปวดเป็นจํานวนมากบนใบหน้าซึ่งผิวที่ค่อนข้างบอบบาง
“ข้ามองไม่เห็น!”
“หน้าของข้าเจ็บไปหมดเลย!”
“เจ้านี้จะฆ่าข้า ช่วยข้าที!”
ขุนนางหนุ่มกรีดร้องออกมาอย่างขี้ขลาด และดูน่าอับอาย
“เจ้ากล้าดี…”
หนึ่งในขุนนางที่ดูท่าทางสุขุมทําทีท่าว่าต้องการจะต่อว่าโรแลนด์ ทว่าดวงตาที่ยิ้มแย้มอย่างจอมปลอมของโรแลนด์นั้นมองไปทางเขา ชายหนุ่มก็เงียบปากของตัวเองไปอย่างรวดเร็ว
สายตาของโรแลนด์นั้นกวาดมองไปทั่วไม่มีขุนนางคนไหนกล้าสบตาเขา ดูเหมือนว่าการยับยั้งด้วยพลังจิตจะได้ใช้ออกมาแล้ว
โรแลนด์ ดูท่าทางขบขันเขาเดินเข้าไปหาขุนนางหนุ่นที่ยังคงดิ้นและครวญครางอยู่บนพื้นพร้อมปิดหน้าของตัวเองอยู่ เขามองดูและพูดว่า “ชีวิตของคนไร้ค่าที่นายบอกว่าไม่มีค่าแม้แต่เหรียญ เงินในสายตาของนาย เหมือนกันเลยสําหรับในสายตาของฉันชีวิตนายก็ไม่มีค่าแม้แต่เหรียญทองแดงสองสามเหรียญเลยด้วยซ้ํา วันนี้ฉันอารมณ์ไม่ดี ถ้านายยังกล้าที่จะพูดนินทาอยู่เบื้องหลังฉัน อย่าได้ต่อว่าฉันล่ะ หากฉันจะจัดการนายทิ้งซะ”
ขุนนางหนุ่มที่อยู่บนพื้นสั่นขึ้นมาทันที เขาปิดหน้าของตัวเองและไม่กล้าที่จะกรีดร้องอีกต่อไป
เมื่อพูดจบเขาก็มองไปยังขุนนางโดยรอบ และยังคงไม่มีใครกล้ามองตาของเขาเหมือนเดิม
โรแลนด์หันหลังพร้อมจากไป
หลังจากที่เขาเดินจากไปแล้วขุนนางขายที่มีผมสีเทาก็สั่นเท่าไปด้วยความโกรธ “โอหังเกินไปแล้ว เจ้านั่นเหยียบเราลงไปกับโคลน พวกเราจะปล่อยให้พวกบุตรทองคําพวกนี้เหยียบย่ําพวกเราอีกต่อไปหรือ? ก่อนหน้านี้พวกมันก็เคยฆ่าล้างทั้งเตระกูลมาก่อน ตอนนี้มันยิ่งมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ สักวันหนึ่งมันก็จะถึงตาของพวกเรา”
“แล้วพวกเราทําอะไรได้สะ?” ขุนนางคนหนึ่งยิ้มออกมาและถามว่า “ทําไมท่านไม่นําพวกเรา ไปสู้กับพวกเขาสะท่าน?”
เมื่อได้ยินดังนั้นขุนนางผมเท่าก็หุบปากสงในทันทีและหยุตพูด
มีเพียงแค่คนบ้าเท่านั้นที่จะยอมยืนอยู่ด้านหน้า
โรแลนด์เป็นไปตามถนน ผู้คนยังคงหลีกทางเมื่อเห็นเขา
ก่อนหน้านี้ที่โรแลนด์ยังไม่คุ้นชินกับมัน เขาจะรู้สึกตื่นตัวแปลกๆตลอดเวลา ทว่าหลังจากผ่านไปสองเดือน เขาก็ไม่พบว่ามันแปลกอีกต่อไปและเขาก็ค่อนข้างชอบมันด้วยซ้ํา
ตอนนี้โรแลนด์เริ่มอารมณ์ดีขึ้นแล้ว เมื่อคนเรากําลังเครียดก็ควรออกแรงสักหน่อยเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น
หลังจากกลับมายังหอคอยเวทย์ โรแลนด์ก็เรียกรวมตัวนักเวทย์ฝึกหัดทั้งหมด
นอกจากวิเวียน นักกเวทย์ฝึกหัดทั้งหมดต่างมีรอยคล้ําและขอบตาตาอยู่ใต้ยาพวกเขา ไม่ว่าใครก็พอจะจินตนาการได้ว่าพวกเขานั้นฝึกหนักขนาดไหน
โรแลนด์กระแอมเล็กน้อยและพูดว่า “พวกนายทั้งหมดได้เรียนรู้แบนเวทย์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกนายสามารถศึกษาเวทย์ที่พัฒนาอันอื่นได้แล้ว สิ่งนี้นั้นน่าจะยากสําหรับพวกนายสักหน่อย อย่างไรก็ตาม ฉันจะสอนเวทย์ระดับศูนย์อีกอย่างให้กับพวกนาย นั่นก็คือเวทย์หุ่นเชิด”
ถ้าหากเป็นหอคอยเวทย์อื่นกล่าวว่าพวกเขาจะสอนเพียงแค่เวทย์ระดับศูนย์ละก็ พวกนักเวทย์ฝึกหัดถึงแม้ว่าจะไม่บ่นออกมา แต่แน่นอนว่าพวกเขาจะแอบต่อต้านอยู่ในใจลึกๆ”
อย่างไรก็ตามที่นี่พวกนักเวทย์ฝึกหัดต่างรู้ดีว่าโรแลนด์นั้นยอดเยี่ยมขนาดไหนในการ “สร้าง”เวทย์ มันมีรูปแบบที่พัฒนาแล้วของแขนเวทย์ถึงหกรูปแบบและแต่ละรูปแบบนั้นต่างสามารถใช้ได้จริง
ดังนั้นหากรองประธานโรแลนด์ต้องการสอนพวกเขาในการใช้หุ่นเชิดเวทย์นั้น หมายความว่า มันน่าจะมีรูปแบบเวทย์ที่พัฒนาอยู่หลากหลายรูปแบบแล้ว
พวกเขานั้นจะต้องเรียนรู้มันอย่างไม่ต้องสงสัย
ทุกคนหยิบสมุดบันทึกที่แสนล้ําค่าของตัวเองออกมา