ตอนที่ 207 อย่าลืมข้า
“จิ่วเอ๋อร์ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นซูหลิ่วหรือซูจิ่วซือ ในสายตาของข้า เจ้าก็คือเจ้า อย่าให้ข้าเรียกเจ้าเป็นป้าเลย แม้เจ้าจะเคยช่วยข้าตอนเด็ก เคยเป็นผู้อาวุโสของข้า แต่ข้าไม่มีวันถือเจ้าเป็นผู้อาวุโส นั่นเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว
เจ้าเองก็อย่าวางตัวเป็นผู้อาวุโสต่อหน้าข้า ท่านพ่อคิดถึงเจ้ามาตลอดหลายปีมานี้ แต่ข้าหวังว่าเจ้าจะปล่อยวางความรู้สึกนี้เสีย ถ้ายังนึกถึงตลอดไปไม่ลืมเลือน เจ้าจะอยู่ไม่มีความสุข ข้าอยากให้เจ้าอยู่อย่างมีความสุขทุกวัน”
กู้เฉินหรงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง สั่งเสียซูจิ่วซืออย่างละเอียด พอได้ยินกู้เฉินหรงสั่งเสียอย่างนี้ ในใจของซูจิ่วซือก็พูดไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไร หัวใจปวดร้าวขึ้นมา
นางเกือบจะบอกกู้เฉินหรงว่าข้าจะไปกับเจ้า แต่สติก็ช่วยยับยั้งไว้ นางกับกู้เฉินหรงเดิมทีก็ไม่ควรจะคบกัน ความบังเอิญนี้ควรจะยุติได้แล้ว
“เฉินหรง อย่ายุ่งเรื่องของผู้อาวุโส”
กู้เฉินหรงพูดอย่างไม่พอใจ “เมื่อครู่เพิ่งเตือนเจ้าว่าอย่าถือตัวเป็นผู้อาวุโส ลืมเร็วจริงๆ เมื่อยี่สิบปีก่อนเจ้าเพิ่งอายุยี่สิบสาม เท่ากับข้าตอนนี้ ไม่ถึอว่าเป็นผู้อาวุโสของข้า เราสองคนเพียงแต่ไม่ใช่รุ่นเดียวกัน ถึงอย่างไรข้าก็อายุมากกว่าเจ้า”
“เรื่องนี้สำคัญหรือ”
“สำคัญแน่นอน ข้าไม่ยอมเสียเปรียบแน่”
พอกู้เฉินหรงล้อเล่นอย่างนี้ซูจิ่วซือก็หัวเราะ “ใช่ คุณชายกู้ไม่เคยยอมเสียเปรียบใคร แต่ก็ทำอะไรโง่ๆ ตั้งหลายอย่าง”
“อะไรที่ทำเพื่อเจ้าไม่ใช่เรื่องโง่ๆ เดิมทีเจ้าก็มีบุญคุณช่วยชีวิตข้า ถือว่าเป็นลิขิตฟ้า”
“เป็นลิขิตฟ้าจริงๆ”
ซูจิ่วซือแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ยามนี้ฟ้ามืดมัวเหมือนจะมีฝน ตรงกับความรู้สึกของนางในยามนี้พอดี
“ฝนจะตกแล้ว รีบเดินเร็วเข้า”
จู่ๆ กู้เฉินหรงก็ยื่นมือมาจับแขนซูจิ่วซือ ซูจิ่วซือไม่ขัดขืน ปล่อยให้กู้เฉินหรงดึงนางเดินไปข้างหน้า นี่คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
ตลอดทางทั้งสองไม่มีใครพูดจา พอขึ้นไปบนรถม้า กู้เฉินหรงก็พูดกับซูจิ่วซือเหมือนปกติ ตลอดทางพูดถึงเรื่องสนุกๆ เกี่ยวกับกู้หลียวนและกู้ชิงเฉิง อยากให้ซูจิ่วซือสบายใจ
ซูจิ่วซือฟังอย่างตั้งใจ บางครั้งก็หัวเราะขึ้นมา นางสนใจเรื่องที่กู้เฉินหรงเล่าเป็นพิเศษ
ไม่ทันรู้ตัว รถม้าก็มาถึงหน้าประตูจวนอันผิงโหว ซูจิ่วซือเปิดม่านรถม้าออก ลงจากรถ เงยหน้าขึ้นมองกู้เฉินหรงพลางยิ้ม “เอาล่ะ ลาก่อนนะเฉินหรง”
“อืม รีบเข้าไปเถอะ อย่าลืมทำแผลนะ”
“ได้ ข้าไปก่อนละ”
ซูจิ่วซือปล่อยม่านรถม้าลง หันหลังเดิน พอเดินไปไม่กี่ก้าว ก็มีเสียงกู้เฉินหรงดังขึ้นที่ด้านหลัง “จิ่วเอ๋อร์ อย่าลืมข้านะ”
ซูจิ่วซือชะงักเท้า แต่ไม่หันไป “ข้าความจำดีมาก”
พอพูดอย่างนี้แล้ว ซูจิ่วซือก็รีบเข้าไปในจวนอันผิงโหว กู้เฉินหรงกลับไม่ปล่อยม่านในมือลง รู้ว่าประตูจวนอันผิงโหวปิดอยู่
ซูจิ่วซือก้มหน้าเดินอย่างรีบเร่งตลอดทาง จนจื่อหลานกับจื่อซูตามไม่ทัน
ครู่หนึ่งซูจิ่วซือก็เดินมาที่ห้อง นางเข้าไปในห้องตามลำพัง ปิดประตู พิงตัวกับบานประตู ถอนหายใจยาว กลั้นน้ำตาที่ไหลออกจากเบ้ากลับคืนเข้าไป ฝืนยิ้มออกมา นี่เป็นเรื่องดีสำหรับกู้เฉินหรง แคว้นเจียงเป็นสถานที่ที่เขาจะแสดงความสามารถได้อย่างเต็มที่
กู้เฉินหรงได้ประทับอยู่ในส่วนลึกของหัวใจนางโดยไม่รู้ตัว ถ้าไม่ใช่เพราะการอำลาครั้งนี้ นางคงไม่รู้สึกอย่างนี้
เฉินหรง หวังว่าต่อไปเจ้าจะอยู่สุขสบาย