ตอนที่ 336 ทำไมจึงช่วยจิ่วซือ
วังหย่งโซ่วกง
เสิ่นไทเฮาประทับนั่งบนพระเก้าอี้ หวังเฉิงนั่งต่ำลงมา ห้องโถงนี้มีแต่พระนางกับเขา สาวใช้ออกไปหมดแล้ว
พอทอดพระเนตรเห็นหวังเฉิงผมหงอกทั้งศีรษะ เสิ่นไทเฮาก็ทอดถอนพระทัย ทุกครั้งที่ทอดพระเนตรเห็นหวังเฉิงพระนางทรงรู้สึกใจหาย ชั่วพริบตา เวลาก็ผ่านไปหลายปีแล้ว
พระนางชรา หวังเฉิงก็ชรา
“ไทเฮา แม่หนูจิ่วซือกับคุณชายรองสกุลกู้รักกันจริงๆ ข้าเห็นกับตา อยากให้เด็กทั้งสองได้สมหวัง
เวลานี้กู้ชิงเฉิงกลายเป็นฟู่เฉินหรง เป็นรัชทายาท ถ้าอย่างนั้นก็ให้จิ่วซือเป็นอิสระเถอะ! นางกับคุณชายเล็กสกุลกู้เป็นไปไม่ได้แล้ว กลัวว่าจะกลายเป็นความแค้นต่อกัน”
หวังเฉิงเข้าวังมาคราวนี้ก็เพื่อซูจิ่วซือ ซูจิ่วซือจะออกจากเมืองหลวง ย่อมไม่อาจไปโดยไม่บอกกล่าว ซูเหิงยังอยู่ในเมืองหลวง ถ้าไทเฮาทรงกริ้ว ก็จะทำให้ซูเหิงพลอยเดือดร้อนไปด้วย
นางจะไปแคว้นเจียง แต่ซูเหิงไม่ต้องการเช่นนั้น ยืนยันจะอยู่ที่จวนอันผิงโหว นางไม่อาจบังคับซูเหิงได้ จวนอันผิงโหวเป็นบ้านของซูเหิงไปแล้ว
ซูจิ่วซือจึงไปหาหวังเฉิง ให้เขาช่วยทูล เขาเป็นมีฐานะพิเศษสำหรับเสิ่นไทเฮา คำพูดของเขามีความหมายมากกว่าใคร
เรื่องนี้ เสิ่นไทเฮาทอดพระเนตรเห็นอยู่แล้ว และทรงรู้ดีว่าซูจิ่วซือไม่ใช่เด็กธรรมดา
ต่อหน้าพระนางซูจิ่วซือนอบน้อมเป็นพิเศษ รู้จักรุกรู้จักถอย พระนางจึงไม่ถือสาซูจิ่วซือ ได้แต่ลืมพระเนตรข้างหนึ่งหลับพระเนตรอีกข้างหนึ่ง ถึงกับทรงพยายามปกป้องซูจิ่วซือ
พระนางทรงชอบซูจิ่วซือจริงๆ
“หวังเฉิง ทำไมจึงช่วยจิ่วซือ”
เสิ่นไทเฮาทรงมองออกว่าหวังเฉิงรักซูจิ่วซือเป็นพิเศษ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาพูดแทนซูจิ่วซือ แม้ซูจิ่วซือเป็นศิษย์ของเขา แต่พระนางก็ไม่เข้าพระทัยนักว่าทำไมหวังเฉิงจึงเลือกซูจิ่วซือ
จู่ๆ หวังเฉิงก็มองเสิ่นไทเฮา ยิ้มให้พระนาง น้ำเสียงนั้นอาวรณ์ “เด็กคนนี้ลำบากมามาก รู้สึกว่านางเหมือนไทเฮาในวัยสาว
เวลานั้นไทเฮาก็ไร้ที่พึ่งเช่นเดียวกับนาง อาศัยความสามารถของตัวเองจนตั้งหลักได้ในวังใน และก้าวมาจนถึงทุกวันนี้ ข้ารู้ว่าเส้นทางนี้ลำบาก จิ่วซือก็เหมือนไทเฮาเมื่อก่อน ระหว่างเราไม่อาจสมหวังได้ ข้าอยากให้เด็กคนนี้สมหวังจริงๆ
คำพูดของหวังเฉิงกระทบพระทัยของเสิ่นไทเฮาทันที แม้พระทัยจะสั่นไหว แต่ก็ไม่อาจเผยออกมามากเกินไป จึงทรงพยายามปกปิดพระอารมณ์อย่างเต็มที่
พระนางไม่มีตระกูลใหญ่เข้มแข็งที่สามารถพึ่งพาได้ ไม่ได้เป็นคนเมืองหลวง เมื่อเป็นเช่นนี้การตั้งหลักอย่างมั่นคงในวังในจึงเป็นเรื่องลำบากจริงๆ เส้นทางที่ผ่านมา แต่ละก้าวเต็มไปด้วยอุปสรรค อันตรายถึงชีวิต ในที่สุดก็สามารถผลักดันพระโอรสขึ้นครองบัลลังก์ได้สำเร็จ
เส้นทางนี้ลำบากเพียงไร พระนางทรงรู้ดี
ซูจิ่วซือเหมือนพระนางมาก คงเป็นเช่นนี้เอง พระนางจึงทรงรักซูจิ่วซือเป็นพิเศษ
“เจ้าพูดมีเหตุผล ข้าเองก็ไม่อาจทนเห็นคู่รักต้องแยกทางกัน จิ่วซือเป็นศิษย์คนเดียวของเจ้า ข้าก็ไม่ได้ห้ามจิ่วซือ นางอยากไปก็ไปได้! ไม่ต้องห่วงซูเหิง ข้าจะช่วยดูแลซูเหิง”
เสิ่นไทเฮาตรัส ราวกับว่าทรงให้เกียรติหวังเฉิงจึงช่วยซูจิ่วซือ ความจริงแล้วกลับเป็นความคิดของพระนางเอง ความคิดนี้พระนางไม่ปรารถนาจะบอกหวังเฉิง เขาเป็นคนวงการนักเลง ไม่มีวันเข้าใจเรื่องนี้ พระนางก็ไม่คาดหวังว่าเขาจะเข้าใจ
เวลานี้ฟู่เฉินหรงเป็นรัชทายาทแคว้นเจียง วันข้างหน้ามีความเป็นไปได้มากว่าจะสืบทอดบัลลังก์ฮ่องเต้แคว้นเจียง อนาคตสถานการณ์ของแคว้นเจียงกับแคว้นเว่ยจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ ไม่มีใครบอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าซูจิ่วซืออยู่เคียงข้างฟู่เฉินหรง ในพระหัตถ์ของพระนางยังมีซูเหิง หากเกิดอะไรขึ้นระหว่างแคว้นเจียงกับแคว้นเว่ย พระนางยังสามารถอาศัยซูเหิงมาควบคุมซูจิ่วซือได้
——
ตอนที่ 337 บ่มเพาะจื่อหลาน
พระนางจะทรงดูแลซูเหิง ให้ซูเหิงสำนึกในพระกรุณาของพระนาง พอได้เวลาจึงค่อยอาศัยซูเหิงมาควบคุมซูจิ่วซืออีกที
หวังเฉิงยังนึกว่าเสิ่นไทเฮาซาบซึ้งในคำพูดของตน ไม่รู้ว่าเสิ่นไทเฮาทรงคิดเช่นนี้ สีหน้าของเขาแช่มชื่น “ขอบพระทัยไทเฮา ถ้าจิ่วซือรู้ คงจะดีใจมาก กระหม่อมขอขอบพระทัยไทเฮาแทนนาง”
เสิ่นไทเฮาแย้มพระสรวลอย่างเจื่อนๆ ไม่ได้ตรัสอีก หวังเฉิงยังคงเป็นหวังเฉิงคนเดิม แต่พระนางไม่ได้เป็นคนเดิมอีกต่อไป เวลานี้พระนางทรงคิดซับซ้อนกว่าอดีตมาก
พระนางทรงสนทนากับหวังเฉิงในเรื่องทั่วไปที่ไม่สลักสำคัญ หวังเฉิงได้แต่ฟัง รู้สึกเหมือนย้อนกลับไปเมื่อหลายปีก่อน
เวลานั้นเสิ่นไทเฮาชอบไปคุยกับเขา แต่ที่ต่างออกไปคือ เสิ่นไทเฮาเวลานั้นแววตาเป็นประกาย แต่เวลานี้พระเนตรของพระนางไม่มีประกายอีกต่อไป
เวลานี้สายพระเนตรของเสิ่นไทเฮาล้ำลึกสุดหยั่ง เขาดูไม่เข้าใจ และไม่รู้ว่าพระทัยของเสิ่นไทเฮาคิดอะไร
แม้เขาจะกลับมาแล้ว แต่ระยะห่างระหว่างเขากับพระนางช่างไกลเหลือเกิน
ในใจของหวังเฉิงยังคงมีเสิ่นไทเฮา แต่เขาเข้าใจดี เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะทูลเสิ่นไทเฮาอย่างนั้นอีก เวลานี้พระนางเป็นเจ้า เขาเป็นบ่าว สิ่งที่เขาทำได้คือจงรักภักดีต่อพระนาง อยู่ใกล้ชิดกับพระนางในฐานะคนคุ้นเคยกัน
ทางด้านซูจิ่วซือกำลังเก็บข้าวของอยู่ที่จวนอันผิงโหว นางเตรียมว่าอีกไม่กี่วันก็จะออกไปจากเมืองหลวง ซูเหิงโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ดูแลจวนอันผิงโหวได้ไม่มีปัญหา เวลานี้จวนอันผิงโหวขาดอย่างเดียวก็คือนายหญิงที่จะดูแลงานบ้านงานเรือน
เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับซูเหิงเอง นางหวังว่าซูเหิงจะพบผู้หญิงที่หัวใจตรงกัน เดิมทีนางควรจะอยู่จัดการงานในจวนต่อ จนกว่าซูเหิงแต่งงาน แต่เวลานี้ฟู่เฉินหรงกำลังลำบาก นางอยากไปอยู่เคียงข้างฟู่เฉินหรง
เมื่อก่อนตอนที่นางฟันฝ่าอันตราย ฟู่เฉินหรงก็อยู่เคียงข้างนางมาตลอด เวลานี้นางควรไปอยู่กับเขา
พอคิดอย่างนี้ ซูจิ่วซือก็อยากให้จื่อหลานอยู่รับใช้ใกล้ชิดซูเหิง จื่อหลานเป็นคนทำงานรอบคอบ อยู่กับซูจิ่วซือมานานแล้ว จัดการงานต่างๆ คล่องแคล่ว ให้นางช่วยซูเหิงดูแลงานบ้านงานเรือนในจวนอันผิงโหวชั่วคราว ซูจิ่วซือรู้สึกว่าจื่อหลานทำได้
พอรู้ว่าซูจิ่วซือตัดสินใจอย่างนี้ จื่อหลานก็ตะลึง แล้วทัดทาน “คุณหนู บ่าวไปแคว้นเจียงกับคุณหนู บ่าวเป็นคนของคุณหนู ชาตินี้ขออยู่รับใช้คุณหนูเท่านั้น”
“ใครก็รับใช้ข้าได้ทั้งนั้น แต่ไม่ใช่ว่าใครก็ดูแลงานบ้านงานเรือนในจวนอันผิงโหวได้
จื่อหลาน เจ้าอยากเป็นบ่าวไปตลอดชีวิตหรือ เจ้าเป็นคนเก่ง ชอบเรียนรู้ ข้าอยากสนับสนุนเจ้า หวังว่าเจ้าคงไม่ทำให้ข้าผิดหวัง หลายเดือนมานี้เจ้าติดตามข้าก็ได้เรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่าง
จื่อหลาน เวลานี้ข้าไม่มีใครที่พอจะฝากฝังได้ มีแต่ฝากฝังไว้กับเจ้า เจ้ายินดีช่วยข้าหรือไม่”
ซูจิ่วซือถามอย่างจริงจัง
จื่อหลานรู้ว่าซูจิ่วซือไม่ได้พูดเล่น นางรีบคุกเข่าลงกับพื้น รับปากอย่างหนักแน่น “บ่าวยินดีเจ้าค่ะ จะไม่ทำให้คุณหนูผิดหวัง คุณหนูไปแคว้นเจียง ดูแลตัวเองให้ดีนะเจ้าคะ”
พอได้ยินจื่อหลานรับปาก ซูจิ่วซือก็วางใจ เข้าไปประคองจื่อหลาน “ไม่ต้องห่วงข้า ข้ามีคนดูแลใกล้ชิดอยู่แล้ว จื่อหลาน เจ้าไม่รู้หนังสือ บัญชีต้องให้ซูเหิงดู
เจ้ารับผิดชอบดูแลงานประจำวันในจวนโหว เป็นเรื่องที่เจ้าถนัดอยู่แล้ว”
หลายเดือนมานี้จื่อหลานติดตามซูจิ่วซือใกล้ชิดได้เรียนรู้อะไรมากมาย ความกล้าหาญและฉลาดของซูจิ่วซือส่งผลต่อนาง ในเมื่อซูจิ่วซือฝากฝัง นางก็ตัดสินใจแล้วว่าจะทำให้ดี นางพยักหน้าอย่างหนักแน่น “บ่าวเข้าใจ”