ตอนที่ 372 ประจันหน้า
พอเห็นจงมั่วเจียงเข้ามาก็เหมือนเห็นเทวดามาโปรด รีบวิ่งเข้าไปหาจงมั่วเจียง พูดเบาๆ “เจ้าสำนัก ในที่สุดท่านก็มา ข้ารับมือไม่ไหวแล้ว ใต้เท้าหลี่พาคนมาไม่ต่ำกว่าหกร้อย คนในคฤหาสถ์ตระกูลจงรวมทั้งหมดร้อยกว่า ส่วนใหญ่เป็นสาวใช้กับคนงาน รับมือไม่ไหวจริงๆ”
คฤหาสถ์ตระกูลจงเป็นที่พำนักส่วนตัวของจงมั่วเจียง ไม่ใช่กองบัญชาการสำนักวิหคเขียว จึงมีมือสังหารไม่มาก รวมแล้วแค่ยี่สิบกว่าคน ให้คนยี่สิบกว่ารับมือกับทหารกล้าหกร้อยคน คงเป็นไปไม่ได้
แม้นหากเขามีวรยุทธสูงกว่านี้ ก็ยังหมดหนทางรับมือกับคนตั้งมากมาย ถ้าจะระดมมือสังหารจากที่อื่นมา ก็ต้องใช้เวลา คงไม่ทันการแน่
แม้ไม่มีโอกาสชนะ จงมั่วเจียงก็ไม่เผยออกมาทางสีหน้า เขาเอามือไพล่หลัง เดินหน้าเครียดเข้าไปหาหลี่ฉางกุ้ย “ไม่ทราบว่าใต้เท้ามีจุดหมายอะไร”
“เจ้าสำนักจง ข้าไม่ได้มีเจตนาร้าย ขอแต่ให้เจ้าสำนักจงมอบตัวซูจิ่วซือ ข้าก็จะถอยทหารกลับทันที ไม่ให้เจ้าสำนักจงลำบากใจ และเจ้าสำนักจงก็อย่าทำให้ข้าลำบากใจเช่นกัน”
จงมั่วเจียงมีความรู้สึกผิดต่อซูจิ่วซืออยู่แล้ว ย่อมไม่อาจมอบซูจิ่วซือให้หลี่ฉางกุ้ย เขาสีหน้าเครียด แสร้งถาม “ซูจิ่วซืออะไรหรือ ข้าไม่เคยได้ยินชื่อนี้ ไม่รู้ว่าพูดถึงใคร ใต้เท้าหลี่จะมาผิดที่แล้ว”
“รู้อยู่แก่ใจอย่าทำไขสือ เจ้าสำนักจงทำไมต้องให้ข้าลำบากใจเล่า ถ้าเจ้าสำนักจงดึงดันไม่มอบคน ข้าก็จะให้คนไปค้น หวังว่าเจ้าสำนักจงคงไม่ทำลายน้ำใจระหว่างเรา”
จงมั่วเจียงยิ้มหยัน “ใต้เท้าหลี่ ท่านเป็นคนมาหาเรื่องข้า แต่กลับต่อว่าข้า คฤหาสถ์ตระกูลจงไม่ใช่ว่าใครจะค้นก็ค้นได้ ข้าบอกว่าไม่มีก็ไม่มี ถ้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับสำนักวิหคเขียว คงไม่เป็นผลดีต่อใต้เท้าหลี่แน่”
“เป็นศัตรูกับราชสำนัก ก็ไม่เป็นผลดีต่อเจ้าสำนักจงเหมือนกัน เจ้าสำนักจงโปรดไตร่ตรองให้ดี”
จงมั่วเจียงไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว “ใต้เท้าหลี่จะค้นคฤหาสถ์ตระกูลจงมีคำสั่งค้นจากต้นสังกัดหรือไม่ ถ้ามีคำสั่งข้าจะยอมให้ค้น ถ้าไม่มีก็รีบไสหัวออกไป ไม่งั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
หลี่ฉางกุ้ยสีหน้าเครียดทันที เขาไม่มีคำสั่งค้นแน่ เรื่องนี้เป็นความเห็นของเฟิงชิงสุ่ย ซึ่งเท่ากับว่าเขาทำโดยพลการ
“พูดอย่างนี้หมายความว่า เจ้าสำนักจงดึงดันขัดขืนกับข้า”
หลี่ฉางกุ้ยปรายตามองจงมั่วเจียงอย่างเย็นชา เขานำกำลังคนมาหกร้อย แม้จงมั่วเจียงจะมีวรยุทธสูงส่งเพียงไร เขาก็ไม่กลัวจงมั่วเจียง
ถึงอย่างไรเขาก็เป็นขุนนางในราชสำนัก สำนักวิหคเขียวเป็นเพียงองค์กรในวงการนักเลง กล้าดีอย่างไรก็ไม่ถึงขั้นเป็นศัตรูกับราชสำนักอย่างเปิดเผย
จงมั่วเจียงจ้องตาหลี่ฉางกุ้ย ดวงตาแผ่ไอสังหารรุนแรง ชั่วพริบตาบรรยากาศก็หนักอึ้ง ทุกคนในนั้นไม่กล้าส่งเสียง เขารับมือกับคนหกร้อยคนไม่ได้แน่ แต่สามารถจับตัวหลี่ฉางกุ้ยได้
หลี่ฉางกุ้ยเคยเป็นทหารในกองทัพตระกูลเฟิง มีวรยุทธยอดเยี่ยม แต่ไม่อาจเทียบกับคนในวงการนักเลง จึงไม่ใช่คู่ต่อกรของเขา
ขณะที่จงมั่วเจียงกำลังคิดจะจับตัวหลี่ฉางกุ้ย จู่ๆ ก็มีเสียงผู้หญิงดังกังวานขึ้น “ข้านี่แหละซูจิ่วซือ ไม่ทราบว่าใต้เท้าหลี่ต้องการพบข้าเรื่องอะไร”
คนพูดคือเผยปิงปิง ในเมื่อหลี่ฉางกุ้ยไม่เคยเห็นหน้าซูจิ่วซือมาก่อน หากนางไปกับหลี่ฉางกุ้ย อาศัยวรยุทธของนางพอจะหาทางหลบหนีได้ เผยปิงปิงจึงวางแผนจะไปกับหลี่ฉางกุ้ยแทนซูจิ่วซือ ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดการต่อสู้อย่างดุเดือด มีการนองเลือด
ซูจิ่วซือนึกไม่ถึงว่าเผยปิงปิงจะคิดอย่างนี้ แน่นอนว่านางไม่อยากให้เผยปิงปิงไปแทน แม้เผยปิงปิงจะมีวรยุทธสูงส่ง แต่หากถูกจับไปจริงๆ อาจจะหนีไม่พ้น
ตอนที่ 373 เฉินหรง สำรวมหน่อย
เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเผยปิงปิง คราวก่อนเผยปิงปิงก็บาดเจ็บหนัก คราวนี้นางไม่มีวันให้เผยปิงปิงพลอยเดือดร้อนไปด้วย
“ใต้เท้าหลี่ ข้าต่างหากคือซูจิ่วซือ อย่าทำร้ายคนคฤหาสถ์ตระกูลจง ข้าไปกับใต้เท้าหลี่”
ซูจิ่วซือเดินเข้ามา ท่าทางสงบผ่อนคลาย
“จิ่วซือ รีบกลับเข้าไป”
พอเห็นซูจิ่วซือออกมา จงมั่วเจียงก็ร้อนใจ พูดเสียงดุ ถ้าปล่อยให้หลี่ฉางกุ้ยจับคนในมือของเขาไป เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ถึงอย่างไร ผู้หญิงคนหนึ่งเขาต้องปกป้องให้ได้
หลี่ฉางกุ้ยถามซูจิ่วซือ “ใช่เจ้าจริงๆ เหมือนรูปวาด คุณหนูซู ไปกับข้าดีๆ เถอะ! แล้วข้าจะไม่ทำร้ายใครเลย”
โห เคยเห็นรูปวาด เฟิงชิงสุ่ยรอบคอบจริงๆ
เผยปิงปิงนึกด่าในใจ
“หลี่ฉางกุ้ย หากข้ายังมีชีวิตอยู่ อย่าคิดว่าจะเอาใครไปจากมือข้าได้”
จงมั่วเจียงเข้าไปขวางหน้าซูจิ่วซือไว้ เขาไม่ปล่อยให้หลี่ฉางกุ้ยพาซูจิ่วซือไปแน่ หลี่ฉางกุ้ยแสดงออกชัดเจนว่าต้องการชีวิตของซูจิ่วซือ พอไปแล้ว ชีวิตก็ไม่เหลือ
หลังจากจงมั่วเจียงวางยานาง ซูจิ่วซือก็รู้สึกรังเกียจงมั่วเจียง เวลานี้พอเห็นจงมั่วเจียงพยายามปกป้องนาง นางก็ไม่นึกถึงเรื่องนั้นอีก
เวลานี้นางกำลังลำบาก ซูจิ่วซือไม่อยากให้มีคนบาดเจ็บล้มตายเพราะนางคนเดียว โดยเฉพาะในนี้มีคนที่นางใส่ใจมากที่สุด เฟิงชิงสุ่ยต้องการนางคนเดียว นางจึงต้องไปกับหลี่ฉางกุ้ยก่อน พอถึงตอนนั้นค่อยหาทางยื้อเวลาออกไป
หากมีการลงมือจริงๆ คนที่เสียเปรียบก็คือพวกนาง กำลังของสองฝ่ายต่างกันมาก พวกนางไม่มีโอกาสชนะแม้แต่น้อย และไม่จำเป็นต้องดิ้นรน
“มืดค่ำอย่างนี้ ใต้เท้ายังปฏิบัติหน้าที่อยู่หรือ”
เสียงผู้ชายที่คุ้นเคยดังขึ้น ทุกคนหันไปมอง หัวใจของซูจิ่วซือเต้นระทึก นางไม่ได้บอกให้ฟู่เฉินหรงรู้ ทำไมเขาจึงตามมาหาที่นี่ได้ สมองของซูจิ่วซือมีคำถามมากมาย แต่ก็ตื่นเต้นดีใจ
จากนั้น ฟู่เฉินหรงก็เห็นหน้าผากของซูจิ่วซือมีผ้าพันไว้ สีหน้าที่ผ่อนคลายแสดงความห่วงใยทันที รีบเข้าไปหาซูจิ่วซือ
ฟู่เฉินหรงดึงมือซูจิ่วซือ ยิงคำถามรัว “เกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่ระวังให้ดี เจ็บที่ไหน ยังเจ็บอยู่ไหม”
ยามนี้ฟู่เฉินหรงลืมคนอื่นที่อยู่ข้างๆ หมดสิ้น เขาจับมือซูจิ่วซือพร้อมกับถามไถ่ท่ามกลางสายตาของผู้คน
จงมั่วเจียงสีหน้าไม่ดีทันที แต่เขารู้ว่าเวลานี้มีแต่ฟู่เฉินหรงเท่านั้นที่ช่วยซูจิ่วซือได้ จึงไม่พูดอะไร ได้แต่เบนสายตาออกไป ภาพที่เห็นบาดตาจริงๆ
กู้หลียวนนึกอยากหัวเราะ เมื่อกี้ตอนที่เขาเดินออกมา ยังรู้สึกว่าฟู่เฉินหรงท่าทางสง่าน่าเกรงขาม แต่พอเห็นซูจิ่วซือได้รับบาดเจ็บก็เผยโฉมหน้าที่แท้จริง
“ข้าไม่เป็นไร เผลอไปกระแทกโดน เกือบหายแล้ว เฉินหรง เจ้ามาทำไม”
ฟู่เฉินหรงโอบไหล่ซูจิ่วซือ กระซิบข้างหู “คิดถึงจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ จึงมาตามหาเจ้า”
“อย่าพูดเหลวไหล คนตั้งมากมายมองอยู่”
ซูจิ่วซือรู้สึกขัดเขิน นางรู้สึกว่าบางครั้งกู้เฉินหรงช่างหน้าด้านจริงๆ นางยอมแพ้
“อย่าไปใส่ใจคนอื่น”
ฟู่เฉินหรงไม่ใส่ใจ หลายวันมานี้เขาคิดถึงซูจิ่วซือตลอดเวลาจริงๆ นับวันรอคอย อยากเห็นหน้านางเร็วหน่อย ในที่สุดก็เจอแล้ว เขาคิดแต่จะกอดซูจิ่วซือให้เต็มที่ ไม่อยากปล่อยมือ แม้ท่ามกลางสายตาของผู้คน เขาก็จะทำอย่างนี้
“ฟู่เฉินหรง สำรวมหน่อย”
ซูจิ่วซือสีหน้าเครียดเตือนฟู่เฉินหรง