ตอนที่ 374 ถ้าท่านไม่ต้องการนาง ข้าต้องการ
ฟู่เฉินหรงยิ้มอย่างสบายใจ พอถึงตอนนี้จึงหันไปมองหลี่ฉางกุ้ย เห็นหลี่ฉางกุ้ยขมวดคิ้ว “ใต้เท้าหลี่ไม่รู้จักข้าหรือ”
“ผู้น้อยไม่บังอาจ องค์รัชทายาทมาชินโจวกระทันหัน ผู้น้อยปลาบปลื้มยินดี” หลี่ฉางกุ้ยเคยเห็นฟู่เฉินหรงที่เมืองหลวงตูเฉิง เขารู้ว่าเฟิงชิงสุ่ยเป็นว่าที่พระชายารัชทายาท จึงนอบน้อมต่อฟู่เฉินหรงเป็นพิเศษ
แต่เนื่องจากฟู่เฉินหรงมาปรากฏตัวกะทันหัน เขาไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อน ไม่มีข่าวล่วงหน้าเลย
“ไม่ต้องปลาบปลื้มยินดี ข้ามาชินโจวไม่ได้มีธุระอะไร เพียงแต่มารับคนคนหนึ่ง ไม่รู้ว่าทำไมใต้เท้าหลี่จึงยกกำลังมามากมาย
ข้าได้ยินใต้เท้าหลี่พูดเมื่อกี้ว่าจะเอาตัวจิ่วซือไป ใต้เท้าหลี่คงไม่รู้ว่านางเป็นน้องสาวของข้า ข้าเชิญนางมาตูเฉิง ไม่รู้ว่ารบกวนไต้เท้าหลี่หรืออย่างไร ใต้เท้าหลี่จึงส่งคนมามากขนาดนี้”
ฟู่เฉินหรงมองหน้าหลี่ฉางกุ้ย สีหน้าแสดงความไม่พอใจอย่างชัดเจน ซูจิ่วซือไม่ได้ทำอะไรผิด เขาไม่เชื่อว่าหลี่ฉางกุ้ยจะกล้าเอาตัวซูจิ่วซือไปต่อหน้าต่อตาเขา
หลี่ฉางกุ้ยไม่ปะทะกับฟู่เฉินหรงแน่ ไม่ต้องพูดถึงว่าฟู่เฉินหรงเป็นรัชทายาท แต่ปฏิบัติการวันนี้เป็นการกระทำโดยพลการ ถ้ามีรายงานไปถึงซุ่นตี้ การเคลื่อนทัพโดยพลการอาจมีโทษ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการมาจับซูจิ่วซือซึ่งไม่ได้กระทำผิดอย่างเป็นรูปธรรม คิดจะใช้คนจำนวนมากพาซูจิ่วซือไป
พอถึงตอนนั้นก็สามารถกำจัดซูจิ่วซืออย่างเงียบๆ โดยไม่มีใครรู้
พอฟู่เฉินหรงมา เรื่องนี้ไม่อาจทำต่อไปได้ หลี่ฉางกุ้ยพูดด้วยสีหน้าสำนึกผิด “เป็นเรื่องเข้าใจผิด ผู้น้อยมาจับนักโทษหนีคดี นักโทษคนนั้นหน้าตาคล้ายคุณหนูซูมาก เรื่องนี้ผู้น้อยเลอะเลือน ดูคนผิด หวังว่าองค์รัชทายาทจะให้อภัย”
“ใต้เท้าหลี่ลำบากเกินไปแล้ว จับนักโทษหนีคดีต้องลงมือด้วยตัวเอง ข้าต้องยกย่องใต้เท้าหลี่ต่อเบื้องพระพักตร์พระอัยกา เมื่อเข้าใจผิด ใต้เท้าหลี่ก็กลับไปพักผ่อนเถอะ! ที่นี่มากคนมากสายตา เกรงว่าจะทำให้น้องสาวข้าตกใจ พอถึงตอนนั้นใต้เท้าหลี่อาจจะรับผิดชอบไม่ไหว”
“ผู้น้อยขอลา”
คราวนี้คงกลับไปมือเปล่า หลี่ฉางกุ้ยคารวะ แล้วออกคำสั่งถอย
พอถึงตอนนั้นค่อยเขียนจดหมายขอโทษเฟิงชิงสุ่ย เขายินดีช่วยเฟิงชิงสุ่ย แต่ก็ต้องมีขีดจำกัด ไม่กล้าทำอะไรต่อหน้าฟู่เฉินหรง เพราะไม่เป็นผลดีต่อเขาเอง
ฟู่เฉินหรงพยักหน้า หลี่ฉางกุ้ยพาทหารถอยไปแล้ว แม้ฟู่เฉินหรงอยากสั่งสอนหลี่ฉางกุ้ยให้เต็มที่ แต่ที่นี่เป็นเมืองชินโจว เขาพาคนมาไม่มาก ไม่ควรปะทะกับหลี่ฉางกุ้ย
หลังจากคนของหลี่ฉางกุ้ยออกไปแล้ว สายตาที่จงมั่วเจียงมองฟู่เฉินหรงก็เย็นชาอย่างเห็นได้ชั ด “ท่านมาช้ากว่าที่ข้าคิด ฟู่เฉินหรง ความรักที่ซูจิ่วซือมีให้ท่านนั้นล้ำลึก อย่าทำให้นางเสียใจ ถ้าท่านไม่ต้องการนาง ข้าต้องการ”
“จิ่วซือไม่ใช่สิ่งของ เจ้ามีคุณสมบัติอะไรมาต้องการนาง” ฟู่เฉินหรงไม่พอใจ เขาขมวดคิ้ว มือยังคงโอบไหล่ซูจิ่วซือ “แผลที่หน้าผากนางคงไม่ใช่เจ้าทำใช่ไหม!”
ขณะพูด ฟู่เฉินหรงสายตาเย็นชาลงอีก จงมั่วเจียงเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อ หน้าตาเขาแข็งกร้าวอยู่แล้ว และเป็นมือสังหาร มีไอสังหารรุนแรงแผ่คลุมร่างอย่างหนาแน่น
ฟู่เฉินหรงเป็นคนน่าใกล้ชิด ปกติมักจะยิ้มแย้มแจ่มใส แต่เวลาดุดันก็มีพลังข่มขวัญ ทั้งสองประสานสายตากัน ไม่มีใครยอมใคร บรรยากาศรอบข้างดูเหมือนจะเยือกเย็นขึ้นมาทันที
“เฉินหรง ไปกันเถอะ!”
ตอนที่ 375 ข้าเสี่ยงมาหาเจ้า
ซูจิ่วซือไม่อยากให้ฟู่เฉินหรงกับจงมั่วเจียงปะทะกัน เหตุการณ์ที่ผ่านมานางไม่ถือสาจงมั่วเจียงอีก แต่ก็ไม่อยากให้พัวพันกับจงมั่วเจียง จึงเตือนให้ฟู่เฉินหรงออกไป
เผยปิงปิงรีบเข้ามาพูดไกล่เกลี่ย “เจ้าสองคนจะทำอะไรกันนี่ สู้กันเองไม่ใช่เรื่องสนุกนะ”
“ไปกันเถอะ!”
เมื่อกี้ที่จงมั่วเจียงปกป้องซูจิ่วซือ ฟู่เฉินหรงมองเห็นอยู่ เขาจึงไม่คิดจะทำอะไรจงมั่วเจียงจริงจัง เพียงแต่เขารู้สึกไม่สบายใจเมื่อเห็นแววตาของจงมั่วเจียงที่มองซูจิ่วซือ เขาเป็นผู้ชาย ย่อมรู้ดีว่าแววตานี้หมายความว่าอย่างไร
เมื่อเขามาแล้ว จึงไม่ยอมให้ซูจิ่วซืออยู่ที่นี่ต่อ
“เจ้าสำนักจง ขอบใจที่ดูแลช่วงที่อยู่ที่นี่ ขอลาก่อน”
ซูจิ่วซือพูดกับจงมั่วเจียงอย่างสุภาพ
พอได้ยินน้ำเสียงของซูจิ่วซือห่างเหินอย่างนี้ จงมั่วเจียงก็รู้สึกปวดร้าว เขารู้ว่าในใจของซูจิ่วซือยังคงโทษเขา “แม่หนู เราจะได้พบกันอีกไหม”
“ทางที่ดีอย่าพบกันเลย ไม่จำเป็น” ซูจิ่วซือตอบอย่างเย็นชา
“เจ้าสำนักจง วันหลังข้าจะดูแลจิ่วซือเอง ช่วงนี้เจ้าลำบากไม่น้อย จิ่วซือพูดถูก วันหลังเจ้าไม่จำเป็นต้องพบจิ่วซืออีก”
ฟู่เฉินหรงพูดจบก็โอบไหล่พาซูจิ่วซือออกไป กู้หลียวนรีบตามไปด้วย แย่จริงๆ เขาเป็นพี่ชายของสองคนนี้ ทำไมกลายเป็นผู้ติดตามไปแล้ว
เผยปิงปิงพอเห็นจงมั่วเจียงสีหน้าผิดหวัง ก็พูดปลอบ “เจ้ากับจิ่วซือไม่มีวาสนาต่อกัน เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าจะบังคับกันได้ ข้าไปก่อนละ”
“ปิงปิง เจ้าคงไม่ชอบเจ้าหนุ่มนั่นนะ!”
“เจ้าไม่มีโอกาส แต่ข้ายังมี ข้าจะช่วยกู้หน้าแทนเจ้า” เผยปิงปิงหัวเราะร่า “น้องชาย ไม่ต้องไปส่ง ลาก่อน”
เผยปิงปิงพูดทิ้งท้าย แล้วหายไปท่ามกลางความมืดยามค่ำคืน
จงมั่วเจียงยังคงยืนอยู่ที่เดิม ถึงตอนนี้เขาเสียใจจริงๆ ที่ทำอย่างนั้นกับซูจิ่วซือ ถ้าไม่เกิดเรื่องขึ้น อย่างน้อยซูจิ่วซือก็ไม่เกลียดเขา เวลานี้แม้แต่หน้าเขานางก็ไม่อยากมอง
นี่คือความรู้สึกที่ชอบใครคนหนึ่ง เริ่มจากชื่นชมประทับใจ จากนั้นก็คิดถึงตลอดเวลา และยังเป็นห่วงเป็นใย ความรู้สึกต่างๆ นานาคละเคล้ากันไป ไม่อาจบรรยายได้
ทั้งสี่นั่งบนรถม้าคันเดียวกัน กู้หลียวนประหลาดใจที่สุด เขาซักถาม “เฉินหรง เจ้ามาเมืองชินโจวได้อย่างไร ปิงปิง เจ้าเป็นคนแจ้งให้เฉินหรงรู้ใช่หรือไม่
“ข้าไม่ได้แจ้ง” เผยปิงปิงรีบปฏิเสธ “เป็นถึงรัชทายาท ไม่โง่อย่างนั้นหรอก”
ซูจิ่วซืออารมณ์ดีเป็นพิเศษ เอามือปิดปากยิ้ม ฟู่เฉินหรงมุมปากกระตุก “ข้ารู้ว่าจิ่วซือมุ่งหน้ามาที่ตูเฉิง จึงส่งคนไปติดตามการเคลื่อนไหวของพวกเจ้า เจอสำนักวิหคเขียว รู้ว่าจงมั่วเจียงมีคฤหาสน์ส่วนตัวในเมืองชินโจว จึงเสี่ยงมาหาเจ้า นึกไม่ถึงว่าจะเจอจริงๆ”
ฟู่เฉินหรงไม่รู้ว่าซูจิ่วซืออยู่ที่ไหนแน่ แต่ก็เสี่ยงมาที่เมืองชินโจว
เวลานั้นปิงอวิ๋นห้ามไว้ เขาไม่รู้ว่าทำไมรู้สึกสังหรณ์ใจมาก จึงดึงดันที่จะมาด้วยตัวเอง เขาดีใจที่ตัวเองมา ไม่เช่นนั้นซูจิ่วซือคงจะตกอยู่ในอันตราย ถ้าให้ปิงอวิ๋นมา คงไม่สามารถช่วยซูจิ่วซือได้
“เฉินหรง เจ้าเจอสำนักวิหคเขียวได้อย่างไร”
การสืบหาไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสำนักวิหคเขียวเป็นองค์กรวงการนักเลง