ตอนที่ 462 ยังขายหน้าไม่พอหรือ
นางมาอยู่ที่จวนตระกูลมูด้วยจุดหมายบางอย่าง คาดไม่ถึงว่าจะได้รับความรักความเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด
พอได้ยินฮูหยินมู่พูดว่าตนสมองฟั่นเฟือน จูอวี้ซิ่วก็โกรธจัด อารมณ์ยิ่งพลุ่งพล่าน “เรื่องที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงตระกูลมู่ครั้งนั้นซูจิ่วซือวางยาข้า
ฮูหยินมู่กลับดำเป็นขาวอย่างนี้ ท่านแม่ ต้องช่วยข้าจัดการ”
“ข้าทำผิดอะไร ชายาจึงกล่าวโทษข้าอย่างนี้ เป็นเพราะตอนที่อยู่ร้านเหล้าเทียนหยาครั้งนั้นข้าเผลอพูดกระทบชายาใช่หรือไม่? ข้าขอโทษชายาไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าชายาจะผูกใจเจ็บมาตลอด ข้าไม่รู้จะทำอย่างไรดี”
ซูจิ่วซือพูดด้วยน้ำเสียงน้อยใจ ราวกับถูกจูอวี้ซิ่วรังแก อีกทั้งเวลานี้จูอวี้ซิ่วอารมณ์พลุ่งพล่าน แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจน ดูอย่างไรก็รู้สึกว่าจูอวี้ซิ่วจงใจใส่ร้ายนาง
พระชายาซิ่นอ๋องเห็นจูอวี้ซิ่วเอะอะโวยวาย เหมือนคนบ้า และอยู่ต่อหน้าคนภายนอก ยิ่งรู้สึกว่าทำให้จวนซิ่นอ๋องขายหน้า นางซึ่งอ่อนโยนมาตลอดก็ขมวดคิ้ว พูดตำหนิ “อวี้ซิ่ว เงียบเถอะ โวยวายอย่างนี้ไม่มีมารยาท กลับไปจวนแล้ว เจ้าควรจะให้หมอตรวจอย่างละเอียด”
“ท่านแม่ ข้า…”
จูอวี้ซิ่วทั้งโกรธทั้งน้อยใจ พอประสานสายตาที่ไม่พอใจของพระชายาซิ่นอ๋อง นางจึงต้องกล้ำกลืนคำพูดลงไป
“ฮูหยินมู่ คุณหนูมู่ ขออภัยจริงๆ อวี้ซิ่วบาดเจ็บที่หน้า ย่อมโกรธเป็นธรรมดา หวังว่าฮูหยินมู่กับคุณหนูมู่คงไม่ถือสาอวี้ซิ่ว”
พระชายาซิ่นอ๋องพยักหน้าให้ฮูหยินมู่อย่างเกรงใจ
“พระชายาพูดเกินไป ข้าหรือจะกล้าโทษชายา เพียงแต่ไม่อยากเห็นลูกสาวลำบากใจ”
ทั้งสองถามไถ่ทุกข์สุขต่อไม่กี่คำ ฮูหยินมู่ก็พาซูจิ่วซือออกไป พระชายาซิ่นอ๋องพูดดุด้วยสีหน้าไม่พอใจ “เมื่อกี้เจ้าเอะอะโวยวายไร้มารยาท ทำตัวไม่เหมือนชายา เหมือนผู้หญิงชาวบ้าน”
“ท่านแม่ ลูกพูดความจริง มู่ซือซือทำร้ายลูกจริงๆ ”
“แล้วอย่างไร? ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องมีหลักฐาน เจ้าไม่มีหลักฐานก็หุบปาก อย่างนี้จึงจะรักษาหน้าตาไว้ เจ้ายังรู้สึกว่าขายหน้าไม่พอหรือ?”
จูอวี้ซิ่วไม่ได้โต้แย้ง นางรู้ว่าพระชายาซิ่นอ๋องไม่มีวันยืนข้างนางแน่
คนพวกนี้พูดถึงแต่หน้าตาจวนซิ่นอ๋อง เรื่องนี้สำคัญกว่าตัวนาง แม้แต่สามีของนางก็เป็นอย่างนี้ ไม่คำนึงถึงว่านางถูกทำร้ายอย่างไร ได้แต่โทษนางที่ทำให้จวนซิ่นอ๋องขายหน้า
นางมั่นใจว่าเป็นซูจิ่วซือ แต่ท่าทีของทุกคนในจวนซิ่นอ๋องทำให้นางสลดใจ ใบหน้านางถูกกรีดอย่างนี้ แม่สามีกลับไม่ช่วยนางเรียกร้องความยุติธรรม ยังโทษนางที่ทำให้จวนซิ่นอ๋องขายหน้า
นางไม่รู้ว่ากลับไปแล้ว ฟู่อี้หานจะทำอย่างไรกับนาง ในใจยังมีความหวังอยู่บ้าง เพราะถึงอย่างไรนางกับเขาก็เป็นสามีภรรยากัน
ซูจิ่วซือตามฮูหยินมู่กลับไปที่วิหารข้าง ขณะที่พูดคุยกันอยู่ ข้างนอกก็มีเสียงป้าจางดังขึ้น “ฮูหยิน คนขององค์รัชทายาทมารายงาน แจ้งว่ารถม้าขององค์รัชทายาทรอคุณหนูอยู่นอกวัดเหยียนหัว จะส่งคุณหนูกลับจวน”
ฮูหยินมู่รู้ว่าซูจิ่วซือชอบฟู่เฉินหรง แต่วัดเหยียนหัวมีผู้คนไปมา ถ้ามีคนเห็นคงไม่เป็นผลดีต่อซูจิ่วซือ อาจจะซุบซิบนินทาซูจิ่วซือ
“ซือซือ องค์รัชทายาททำไมมาหาเจ้าที่นี่ แม้เจ้าจะชอบองค์รัชทายาทก็อย่าแสดงออกอย่างเปิดเผย เขามีคู่หมั้นคู่หมายแล้ว คำพูดคนน่ากลัว”
“ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่ทำอะไรเกินเลย”
“เจ้าเป็นผู้หญิง ชื่อเสียงสำคัญกว่าทุกอย่าง ข้ากลัวว่าจะมีคนซุบซิบนินทา” ฮูหยินมู่เป็นห่วงลูกสาว กลัวว่าจะมีคนพูดในทางเสียหาย พอถึงตอนนั้นจะทำให้ซูจิ่วซือเสียใจ
ตอนที่ 463 ไม่มีคุณสมบัติเป็นคู่ปรับเจ้า
แต่ซูจิ่วซือไม่ใส่ใจเสียงซุบซิบนินทา
นางรู้ว่าฮูหยินมู่เป็นห่วง ซูจิ่วซือจึงทำเหมือนที่เคยปลอบนางหวังในอดีต นางลูบมือฮูหยินมู่ “ท่านแม่ องค์รัชทายาทคงมีเรื่องมาบอก ข้ากลับจวนก่อน เรื่องอื่น ข้ามีแผนอยู่แล้ว”
“เด็กคนนี้เจ้าความคิดเหลือเกิน” ฮูหยินมู่สีหน้าจนใจ “เจ้ากลับไปก็ดีแล้ว อย่าอยู่ข้างนอกนาน”
ซูจิ่วซือพยักหน้าให้ฮูหยินมู่ แล้วออกจากวิหารข้าง สวรรค์ช่างเป็นใจนางจริงๆ แม่ที่แท้จริงไม่อยู่แล้ว แต่สวรรค์ได้มอบแม่สองคนที่รักนาง ทำให้นางได้รับความรักจากแม่ที่ห่างหายไปนาน
พอซูจิ่วซือพาปิงซินออกไป ป้าหวังเห็นฮูหยินมู่สีหน้าวิตก จึงพูดเตือน “ฮูหยินไม่ต้องกังวล บ่าวดูแล้วคุณหนูฉลาดมาก ดูแลตัวเองได้แน่”
“เด็กคนนี้ฉลาดก็จริง แต่คนที่อยู่ด้วยคือองค์รัชทายาท คนเหล่านั้นมีใครบ้างที่ไม่ฉลาด ถ้าพลาดพลั้งนิดเดียวก็จะเสียหายไปตลอดชีวิต เจ้าเด็กนี่ดึงดัน ทางราบเรียบไม่เดิน เดินแต่ทางวิบาก”
“คนเรามีชะตากรรมของตัวเอง คุณหนูชะตาดีแน่”
พอถึงตอนนี้ฮูหยินมู่จึงยิ้มออก “ข้าเองก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้ชะตาดี”
“ตั้งแต่คุณหนูกลับจวน ฮูหยินสบายใจขึ้นมาก สุขภาพก็ดีขึ้น”
ป้าจางประคองฮูหยินมู่ให้นั่งลง เมื่อก่อนนางเป็นห่วงฮูหยินมู่มาก เวลานี้ดูแล้วสุขภาพของฮูหยินมู่ดีขึ้นเรื่อยๆ นางจึงวางใจ
“กว่าจะหาซือซือเจอก็ยากเย็น ข้าเองก็อยากอยู่กับลูกอีกสักสองปี ป้าจาง ซือซือเป็นเด็กน่ารัก”
“คุณหนูกตัญญูและรู้ใจคน”
ป้าจางชม ฮูหยินมู่ยิ่งอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ใบหน้ายิ้มไม่หุบ
ซูจิ่วซือเดินออกไปนอกวัดเหยียนหัว เห็นรถม้าของฟู่เฉินหรง นางขึ้นไปบนรถม้าอย่างผ่อนคลาย ปิงซินนั่งอยู่นอกม่าน ชิงซานเป็นคนขับรถม้า
“ชิงซาน ออกรถ!”
“แม่นางปิงซิน นั่งให้ดี”
ชิงซานเตือนด้วยความหวังดี พูดจบก็ตวัดแส้
พอซูจิ่วซือเข้าไปในรถม้า ฟู่เฉินหรงก็เข้ามานั่งข้างๆ ยื่นมือขึ้นโอบไหล่ ให้นางเอนตัวซบไหล่เขา
“เฉินหรง มาทำไม กลัวข้าพลาด?”
“เจ้าจะพลาดได้อย่างไร ข้ามาดูเจ้า ถือโอกาสรับเจ้ากลับจวน”
“คนยังรู้พลาด ม้ายังรู้พลั้ง เป็นเรื่องธรรมดา”
“จูอวี้ซิ่วไม่มีคุณสมบัติเป็นคู่ปรับเจ้า” ฟู่เฉินหรงน้ำเสียงภูมิใจ
ซูจิ่วซืออดหัวเราะไม่ได้ “เจ้าภูมิใจอะไร?”
“ในฐานะที่เป็นผู้ชายของเจ้า มีคนใกล้ตัวที่เก่งกาจอย่างนี้ ไม่ควรภูมิใจหรอกหรือ?”
ซูจิ่วซือไม่รู้จะตอบอย่างไร “มิน่าหลียวนจึงพูดถึงเจ้าบ่อยๆ เมื่อกี้ท่านแม่ก็เตือนข้า ให้ข้ากับเจ้ารักษาระยะห่างไว้ องค์รัชทายาท เชิญปล่อยมือข้า”
“ไม่ได้เด็ดขาด” ฟู่เฉินหรงไม่ใส่ใจ “ในเมื่อเจ้าเป็นของข้าแล้ว ข้าจับมือเจ้าไว้ก่อนไม่ได้หรือ?”
“เหลวไหล”
“วันนี้ฉลองหน่อยดีไหม เราไปร้านเหล้าเทียนหยา” ฟู่เฉินหรงอารมณ์ดีเป็นพิเศษ อดหัวเราะไม่ได้ สายตาที่มองซูจิ่วซือทอประกาย
ซูจิ่วซือพยักหน้า “ก็ดี ถือโอกาสเอาข่าวนี้ไปบอกหลียวน”
“จิ่วซือ เจ้ารักลูกชายจริงๆ เมื่อไรจะรักข้าอย่างนี้บ้าง?” ฟู่เฉินหรงแสร้งทำหน้าบึ้ง ราวกับหึง
จิ่วซือเหงื่อออกเต็มหน้า “เขาเป็นพี่ใหญ่ของเจ้า”